xs
xsm
sm
md
lg

ผช.รมว.ยธ.เตือนสติคณะก้าวหน้า ยัน “ประยุทธ์” มาจากการเลือกตั้งตาม รธน. โวทำงานดีจนกระแสดีต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีคณะก้าวหน้าโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ มีนักการเมืองบางกลุ่มทำตัวเป็นนั่งร้านให้คณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจ พร้อมถามประชาชนจะยอมให้เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในปี 2535 กลับมาฉายซ้ำอีกครั้งหรือไม่ว่า ตนรู้สึกสับสนกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีคณะก้าวหน้าและมีพรรคก้าวไกล ส่วนตัวไม่เห็นว่ามีการก้าวไปไหน มีแต่การก้าวเข้าสู่ความขัดแย้ง และก้าวไปสู่ความเดือดร้อนของประชาชน โดยไม่ได้ก้าวไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเลย น่าเสียดายความรู้ความสามารถ คนของคณะก้าวหน้ามีอุดมการณ์มาจากพรรคอนาคตใหม่ พอสู้ในสภาไม่ได้ ทำผิดกฎหมาย ถูกศาลตัดสินยุบพรรคก็แบ่งหน้าที่กันออกมาสู้อย่างชัดเจน กลุ่มหนึ่งขวางทุกเรื่องในสภา ส่วนอีกกลุ่มก็ออกมาสร้างความวุ่นวายข้างนอกสภา

นายสามารถกล่าวอีกว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จนประเทศไทยแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ได้เป็นอันดับต้นของโลก โดยภายในระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา ปลอดผู้ติดเชื้อถึง 2 วัน เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 19,891 ราย เสียชีวิต 865 ราย ส่วนสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อ 3,534 ราย เสียชีวิต 170 ราย อินเดีย ติดเชื้อรายใหม่ 5,050 ราย เสียชีวิต 154 ราย ส่วนสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 682 ราย จะเห็นว่ามีตัวเลขสูงกว่าไทยทั้งสิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้บริหารจัดการชั้นยอดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำให้ไทยรอดจากโควิด-19 ไปได้ แต่กลับมีคนกลุ่มเดิมไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่ยอมรับกฎหมาย กลับให้ข้อมูลเท็จต่อประชาชน


“ข้อมูลทางการข่าวระบุว่า มีคนกลุ่มหนึ่งต้องการปลุกระดมมวลชนให้ล้มรัฐธรรมนูญ และล้มรัฐบาล โดยให้ข้อมูลเท็จในหลายประเด็นด้วยกัน เช่น รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ส.ว.มาจากการสรรหาของคณะรัฐประหาร โดยยึดเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2534 และ พ.ศ. 2557 ว่าเป็นเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน จึงอยากจะชี้แจงว่าเมื่อก่อนมีนักการเมืองที่เป็นนายทุน นักธุรกิจ เข้ามาเล่นการเมือง จึงมีการถอนทุนกันมหาศาล จึงต้องมีการแก้ปัญหา” นายสามารถกล่าว

นายสามารถกล่าวต่อว่า อยากเตือนสติคณะก้าวหน้าที่พยายามโยงให้เห็นว่า ส.ว.แต่งตั้งไม่ดี ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ระบุว่า รัฐสภาต้องมีสมาชิกวุฒิสภา 200 คน โดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง มีหลักเกณฑ์การเลือกตั้งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง จนนำไปสู่การเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2543 กำหนดวาระ 6 ปี ซึ่งพบปัญหามากมาย ไม่สามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้เลย นำไปสู่การคอร์รัปชัน ส.ว.เลือกตั้งไม่ทำงานเพื่อประชาชน แต่เอื้อนักการเมืองและนายทุนซึ่งขัดต่อหลักประชาธิปไตยที่ไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจได้ ทำให้มีการทุจริตคอร์รัปชันจนเป็นที่ประจักษ์ และประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาล เมื่อปี 2549 จนปี 2551 รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 กำหนด ส.ว.เหลือ 150 คน เลือกตั้ง 76คน (วาระ 6 ปี) สรรหา 74 คน (วาระ 3 ปี) อยู่ครบวาระ 6 ปี ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้ มีคนตาย ปิดถนน ปิดสนามบิน ปิดสถานที่ราชการ ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตโดยปกติสุขได้

นายสามารถกล่าวเพิ่มว่า ฝากข้อมูลไว้เตือนสติคณะก้าวหน้าให้พูดความจริงต่อประชาชน คณะก้าวหน้าหลงคิดไปเองว่าพรรคพลังประชารัฐเหมือนพรรคสามัคคีธรรม เหตุการณ์ปี 2535 พรรคสามัคคีธรรมได้ ส.ส.79 คน จาก 360 มี 4 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลผสม พรรคชาติไทย 74 ที่นั่ง พรรคกิจสังคม 31 ที่นั่ง พรรคประชากรไทย 7 ที่นั่ง และพรรคราษฎร 4 ที่นั่ง รวม 195 เสียง โดยมีนายณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค แต่มีเหตุส่วนตัวทำให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงตั้ง พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกฯ แทน ซึ่งได้รับการต่อต้านจากประชาชน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถเทียบเคียงกับปัจจุบันได้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์มาจากการเสนอชื่อตามรัฐธรรมนูญ โดยมาในโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้หาเสียงกับประชาชนอย่างเปิดเผย โปร่งใส จนทำให้กระแสลุงตู่ฟีเวอร์ ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง 8,441,274 คะแนน ได้อันดับหนึ่งของประเทศ และมีการโหวตเลือกนายกผ่านรัฐสภา มาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เหตุการณ์จึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ทราบว่าคณะก้าวหน้าไปนอนละเมออยู่ที่ไหนมา หรือแค้นที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แพ้อย่างราบคาบ ทำให้นึกถึงสุภาษิตขี้แพ้ชวนตี แพ้ตามกติกาแต่ไม่ยอมรับว่าแพ้ จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชนะ แม้กระทั่งการใช้กำลัง คณะก้าวหน้าไม่มีกำลัง มีแต่ข้อมูลเท็จปลุกระดมให้เข้าใจข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน จึงอยากเอาความจริงมาบอกให้คณะก้าวหน้าตื่นจากภวังค์ เลิกอคติ ทำเพื่อประชาชนแทน


“คณะก้าวหน้าเคยคิดตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันการรัฐประหาร และแพ้โหวตในสภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นเรื่องค้างพิจารณา เสนอโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล มี ส.ส.อภิปรายอย่างต่อเนื่อง จนมีการโหวต 459 เสียงเห็นด้วยให้ตั้งกรรมาธิการเพียง 215 เสียง ไม่เห็นด้วยให้ตั้งกรรมาธิการ 242 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ผมเคยออกมาบอกว่า ควรให้นายปิยบุตรตั้งกรรมาธิการศึกษานิสัยนักการเมืองมากกว่าเพราะทุกครั้งของการรัฐประหารเกิดจากนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้กองทัพออกมาแก้ไขปัญหา โดยได้รับการตอบรับจากประชาชน ผมขอเตือนสติเพราะหวังดีกับคณะก้าวหน้า เป็นกำลังใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คำว่าก้าวหน้า ควรก้าวหาประชาชน ไม่ใช่ปล่อยเฟกนิวส์ชักนำปลุกม็อบทำให้กลับไปวังวนเดิม ถอยหลังเข้าคลอง ถอยรถตกคลอง”

นายสามารถกล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนต่างชื่นชมและเห็นด้วยอย่างมาก ไม่ว่าจะเลือกตั้งซ่อมกี่ครั้งพรรคพลังประชารัฐก็ชนะทุกครั้ง ผลโพลช่วงโควิดพบคนสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้น จากร้อยละ 36.2 มาเป็นร้อยละ 46.9 กลุ่มคนไม่สนับสนุนลดลง


กำลังโหลดความคิดเห็น