รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2563 ตอน ปฏิบัติการหาเรื่องโละ ส.ว. แผนโค่นรัฐบาลเรือเหล็ก
รายการเจาะยางรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ยังเคลื่อนไหวอยู่อย่างเข้มข้น ตามคิวที่ 12 ภาคีเครือข่ายนักศึกษาเริ่มขยับประกาศกร้าว หลังไวรัสโควิด-19 ผ่านวิกฤต จะมีปฏิบัติการถล่ม 250 ส.ว.เป็นเป้าแรก
ซึ่งก่อนหน้า เกิดปัญหาโรคระบาดโควิด-19 บรรดานักศึกษาในสายนิยม สีส้ม และ แดง กำลังเผาหัวเตรียมตะเพิดไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ เคราะห์ดีที่โควิด-19 มาช่วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เอาไว้ทัน
เพราะการเคลื่อนไหวในกลุ่มนักศึกษาตอนนั้น เริ่มเป็นไฟลามทุ่ง นักศึกษาทั่วประเทศจัดแฟลชม็อบเกือบทุกมหาวิทยาลัย มีเชื้อไฟมาจาก กรณีไม่พอใจที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ
แต่พอไวรัสโควิด-19 การชุมนุมเคลื่อนไหวได้ยาก ที่สุดกระแสก็หายไป ครั้นจะหยิบฉวยประเด็นยุบพรรคอนาคตใหม่มาเล่นอีกครั้ง หลังสถานการณ์ดีขึ้น มวลชนคงไม่อินเหมือนเดิมแล้ว เพราะขาดช่วงขาดตอนไปนาน
ขณะที่ช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายค้านและเครือข่ายเองก็พยายามหาจุดอ่อนในเรื่องการบริหารราชการช่วงโควิด-19 ของรัฐบาลมาเล่น ไม่ว่าจะเป็นการเยียวยา 5,000 บาทที่ไม่ทั่วถึง ไปจนถึงประเด็นการผูกคอตาย ที่โบ้ยให้เป็นความผิดชองรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
แต่มันจุดไม่ขึ้น เพราะขณะนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศคือ เรื่องปากท้อง ที่ทุกภาคส่วนจะร่วมกันช่วยเหลือประชาชน ไม่เหมาะกับการปลุกระดมที่อาจจะเจอกระแสตีกลับ
ประกอบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เอง ก็เริ่มได้รับคำชมจากการสกัดไวรัสโควิด-19 จนดึงตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ให้เหลือเพียงหลักหน่วย จนหลายประเทศที่เพียบพร้อมกว่ายังอิจฉา
กระทั่งเกิดเรื่องชุลมุนในพรรคพลังประชารัฐในเที่ยวล่าสุด ที่มีการเปิดปฏิบัติการเลื่อยขาเก้าอี้ อุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรค กับ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค จนชาวบ้านชาวช่องก่นด่าว่า แย่งอำนาจกันไม่ดูเวล่ำเวลา
เรื่องการล้มกลุ่ม สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ประเด็นที่จะก่อม็อบได้ หากแต่ว่า การแย่งชิงอำนาจในพรรค และโควตารัฐมนตรีหนนี้ ดันมีตัวละครลับออกมา ซึ่งถือว่า เรื่องใหญ่
โดยเฉพาะชื่อ “บิ๊ก อ. ” ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ที่มีข่าวว่า เข้ามาจัดแจงและเดินเกมต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นมูลเหตุให้ฝ่ายต้านรัฐบาลเจอ “เงื่อนไข” เคลื่อนไหว
เพราะตามกฎหมายแล้ว สมาชิกวุฒิสภาไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่มย่ามกับพรรคการเมือง ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่โทษหนักถึงขั้น “ยุบพรรค”
ลำพังแค่กระแสข่าวครอบงำพรรคพลังประชารัฐ หลังปรากฏชื่อว่า เป็นผู้โทรศัพท์หา อุตตม และ สนธิรัตน์ เพื่อให้บีบให้ลาออก ไม่เพียงพอต่อการเอาไปใช้การในชั้นศาลได้
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า “บิ๊ก อ. ” เองดันไปเปิดเผยยอมรับกับสาธารณะ กับเรื่องราวทุกๆ อย่าง อันจะเป็น “ใบเสร็จ” มัดตัว และพาพรรคพลังประชารัฐตกที่นั่งลำบากที่สุดในรอบนี้
จึงทำให้เป็นประเด็นที่ส.ว. 250 คนตกเป็นเป้าถล่ม ในรอบนี้ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ถูกเพ่งเล็งมาตลอด ตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ คลอดชื่อออกมาว่า เป็นสภานายพล ไม่ได้เป็นอิสระตามหลักการในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กับรัฐบาล
มิหนำซ้ำ ยังเป็นเครื่องมือให้กับฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของการผลักดัน หรือสกัดฝ่ายตรงข้าม ทั้งการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา และเป็นด่านป้องกันรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านต้องการจะรื้อมาตลอด
ที่ผ่านมาฝ่ายค้าน ชูธงมาตลอดว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อโละ ส.ว.ชุดนี้ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญการโค่นล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ไม่มีเงื่อนไขเพียงพอจะให้ประชาชนมาหนุนหลัง
แต่พอเกิดเรื่องข่าว บิ๊กส. ว. แทรกแซงพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นหลักฐานและใบเสร็จมัดว่า รัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาเป็นพวกเดียวกัน ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อโละทิ้ง 250 ส.ว.ชุดนี้ จึงดูน่าสนใจของประชาชน
อยู่ที่ว่า ฝ่ายค้านและภาคีเครือข่าย จะขยายภาพ โชว์หลักฐาน ต่อยอดจากประเด็นของบิ๊กส. ว. อย่างไร ให้ประชาชนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมที่จะเดินหน้าออกมาก่อม็อบไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้ง
จุดประสงค์ของการโละ ส.ว.250 คนมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธการโค่นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น เพราะหากเขี่ย ส.ว.ชุดนี้ออกไปได้ด้วยการที่ฝ่ายรัฐบาลยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ก็เท่ากับรัฐบาลจะอยู่ลำบาก เพราะเสียงก็ปริ่มน้ำ ไหนข้างหลังจะวาบหวิวเพราะไม่มี ส.ว.คอยช่วยอีกแล้ว
จึงสรุปได้ว่า ส.ว.ไป รัฐบาลก็ไป