รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563 ตอน ล็อกดาวน์กลุ่มเลื่อย พปชร. "สมคิด"สายแข็งตึกไทยคู่ฟ้า
การเมืองท่ามกลางวิกฤตปัญหาโควิด-19 มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นคลื่นแทรก เป็นระยะๆ ที่มีเสียงฮึ่มจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐมาบางกลุ่ม แต่สรุปแล้ว การปรัม ครม.คงไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่
ดูได้จากที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรียก 2 รัฐมนตรี ในคอนโทรลของ นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
อย่าง อุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังการเข้าพบ “บิ๊กตู่” เสร็จ อุตตม และสนธิรัตน์ ยังออกมาให้ข่าวว่า นายกฯให้กำลังใจและให้มุ่งมุ่นในการทำงาน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในช่วงนี้ทั้งในแง่ของพรรคและรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ยังมอบหมายให้ไปแก้ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่หลังจากนี้ อุตตมและสนธิรัตน์ จะถือโอกาสเข้าไปพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง
เป็นสัญญาณที่ “บิ๊กตู่” ต้องการสื่อไปยัง ส.ส.ภายในพรรคพลังประชารัฐ ให้หยุดการเคลื่อนไหว เพราะยังไม่ใช่เวลา ที่จะขย่มเพื่อปรับคณะรัฐมนตรี
และการที่อุตตม และสนธิรัตน์ เข้าพบ “บิ๊กตู่” แบบเปิดเผย ไม่ได้เป็นในลักษณะย่องเข้าพบ หรือเป็นความลับอะไร ยังเหมือนเป็นการประกาศให้ฝั่งที่เคลื่อนไหว เพื่อพยายามจะบีบให้พ้นตำแหน่งหัวหน้าและเลขาธิการพรรค-รับรู้ว่า
กลุ่มของรองฯสมคิด ไม่ได้เป็นหมูในอวยให้เชือดง่ายๆ แต่เป็นพวก “สายตรงตึกไทยคู่ฟ้า”
ทำให้ หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะมาถึง ซึ่งในพรรคมองกันว่า เก้าอี้ในโควตาของสมคิด น่าจะถูกเฉือนออกไปบ้าง จึงไม่ง่ายอีกต่อไป
คนที่ต่อแถวต้องการจะเป็นรัฐมนตรีอาจต้องเหนื่อยขึ้นหลายเท่า เพราะเท่าที่เห็น “บิ๊กตู่” ยังให้การสนับสนุน “สมคิด” ในการทำงานอย่างเต็มที่ ในฐานะมือเศรษฐกิจประจำตัว
อีกทั้งในช่วงฟื้นฟูหลังไวรัสโควิด-19 บางเบา บทบาทของ “สมคิด” น่าจะมีมากขึ้น และอาจจะโดดเด่นขึ้นด้วย เพราะเป็นคนที่มากคอนเนกชั่นในภาคธุรกิจ และมหาเศรษฐีต่างๆ ในประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูประเทศ ทั้งการจ้างงาน การลงทุน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงที่ผ่านมาที่มีนักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาทำเนียบรัฐบาลจนหัวบันไดไม่แห้ง มิหนำซ้ำ ยังให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะ “สมคิด” เป็นคนที่ดึงเข้ามา
โปรเจกต์ใหญ่ๆ ของรัฐบาล เป็น “สมคิด” ที่เป็นตัวตั้งตัวตีปลุกปั้นมา ซึ่งหลายโครงการเพิ่มเริ่มและยังไม่เสร็จ ดังนั้น “บิ๊กตู่” ยังต้องพึ่งมันสมองและคอนเนคชั่นสมคิดต่อไป
นอกจากนี้ ดูเหมือนกลุ่มก๊วนในพรรคที่เคลื่อนไหว เริ่มกลับเป็นฝ่ายถูกรุกกลับ เพราะหลังเกิดข่าวเปลี่ยนผู้บริหารพรรค โดยเฉพาะอุตตม และสนธิรัตน์ แต่ปรากฏว่า กลุ่มอื่นๆ พากันไปแพ็กกับ “สมคิด” ไม่ได้ไปร่วมกันเลื่อยกับอีกกลุ่ม
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสามมิตร ที่นำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม หรือกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่รวมพลังทันที หลังอีกฝั่ง เปิดยุทธการแตกหัก
ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มอดีต กปปส.เก่า นำโดย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ,วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล และสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อ “กลุ่มสมคิด” มีพันธมิตรมากขึ้น ทำให้ตัวเองที่สามารถเข้าหา “บิ๊กตู่” ได้ ยิ่งมีความเข้มแข็งขึ้นไปอีก ดังนั้น น่าติดตามอย่างมาก ว่าหากถึงเวลาต้องปรับคณะรัฐมนตรี การเปิดฉากใส่กันน่าจะดุเดือดเลือดพล่านกว่าหนนี้แน่
รูปแบบการต่อสู้จะเป็นในลักษณะ ศัตรูของศัตรูคือมิตร จะมีการวัดพลัง ส.ส.ในมือขนานใหญ่กันอีกรอบ โดยที่คราวนี้ อีกฝ่ายซึ่งสภาพตอนนี้เหมือนถูกล็อกดาวน์ไป ที่หวังเลื่อยกลุ่มสมคิดให้พ้นเส้นทางทำเนียบครม. คงต้องออกแรงเยอะกว่าเดิม
หากเกิดสถานการณ์เช่นว่ามา “บิ๊กตู่” คงได้ปวดหัวอีกแน่