รมว.สธ. ประชุมหารือมาตรการรับมือโควิด-19 เผยผลิตเวชภัณฑ์เอง ไม่ต้องรอซื้อ สั่ง สธ.จัดหา Favipiravir 5 แสนเม็ด รวมถึง Remdesivir และ คลอโรควิน เตรียมรับมือคลายล็อก
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ไทยรู้ สู้วิกฤติ” พร้อมเสวนาทางการไกลกับ ดร.อู่ จิ้ง กรรมาธิการสาธารณสุข มณฑลซานซี (Dr.Wi Jin ) Director -general Shanxi Provincial Health Commission สาธารณรัฐประชาชนจีน และ ดร.ฌอน วาซู ผู้อำนวยการศูนย์คลินิกโรคติดต่อแห่งชาติ สิงคโปร์ (Dr.Shawn Vasoo) Clinical Director National Center for Infectious Disease
หลังการประชุม นายอนุทิน กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เป็นการหารือมาตรการรับมือการระบาดของโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ซึ่งนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยน เป็นความรู้ และทราบว่า ล้วนใช้วิธีใกล้เคียงกัน คือ ต้องเข้มข้นในมาตรการเว้นระยะห่าง ขณะที่ภาครัฐก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
สำหรับประเทศไทย ได้เริ่มคลายล็อกมาตรการต่างๆ ไปบ้างแล้ว แต่ต้องขอให้ประชาชนรักษาวินัย เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือต่อไป จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข เรียนรู้ และปรับใช้ เพื่อแก้ปัญหา จากที่ต้องนำเข้าเวชภัณฑ์ ต้องรอซื้อจากชาติอื่น กระทบการทำงานของแพทย์ พยาบาล วันนี้ เราหันมาผลิตเอง มีอุปกรณ์สนับสนุนเพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ อำนวยความสะดวกกับทีมแพทย์ไทย ลดความเสี่ยงในการทำงาน และยังได้มองไปถึงการผลิตวัคซีน ซึ่งเราอนุมัติงบให้สถาบันวัคซีนไปวิจัยเอง และร่วมทุนกับนานาชาติ เพื่อให้ไทยมีสิทธิ์เข้าถึงอย่างเร็วที่สุด
ในเรื่องของยา ได้สั่งการให้กระะทรวงสาธารณสุขจัดหา Favipiravir สะสมไว้ทั้งสิ้นกว่า 5 แสนเม็ด แบ่งใช้ไปแล้วบ้าง แต่ก็เพียงพอต่อความต้องการ ยาตัวนี้มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนั้น ยังเก็บพลาสมา และยาชนิดต่างๆ ไว้ด้วย เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษา ขณะที่ Remdesivir และ คลอโรควิน สั่งให้นำมาสต๊อกไว้แล้วเช่นกัน แต่ไม่อยากให้ใครต้องใช้ยา เพราะไม่อยากเห็นการติดเชื้อเพิ่ม นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าผู้ติดเชื้อจะลงลง แต่ไม่ประมาท ได้ให้ทุกจังหวัดต้องมีโรงพยาบาลโควิด-19 เพื่อรับมือสถานการณ์ไม่คาดคิด หลังคลายล็อก