“มหาไพรวัลย์” พระนักเคลื่อนไหว ขวัญใจเสื้อแดง เกรียนแตก! ระราน “พระไพศาล วิสาโล” พระนักวิชาการ นักปฏิบัติธรรม อดีต “คนเดือดตุลา” สอนธรรมะ “โควิดคือของขวัญ” เอื้อประโยชน์ชนชั้นกลาง เมินหัวอกคนไม่มีจะกิน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (7 พ.ค. 63) เพจเฟซบุ๊ก “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ของพระมหาไพรวัลย์ ขวัญใจเสื้อแดง โพสต์ข้อความตำหนิ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล พระนักวิชาการ นักปฏิบัติธรรม นักเผยแผ่พระพุทธศาสนา เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต และ “อดีตคนเดือนตุลา” ว่า
“ธรรมะของพระไพศาล เป็นประโยชน์กับชนชั้นกลาง โดยระบุว่า อาจารย์ครับ อาจารย์อยู่กับชนชั้นกลางนานไปหรือเปล่าครับ ธรรมะของอาจารย์มันถึงเป็นประโยชน์แต่กับชนชั้นกลางอย่างนี้
ผมจะไม่แย้งอาจารย์นะครับ ที่อาจารย์บอกว่า โควิดคือของขวัญ เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โควิดเป็นของขวัญสำหรับคนที่มีอันจะกินครับ เป็นของขวัญของคนที่แม้อยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องทำงานเป็นเวลา 3-4 เดือน ก็ไม่เดือดร้อน
แต่อาจารย์จะทราบหรือเปล่าครับ ว่า โควิดมันคือยาพิษสำหรับใครหลายคน โลกนี้ไม่สวยงามอย่างชนิดที่ว่า เมื่อเกิดโควิดแล้ว ทุกคนสามารถที่จะอยู่บ้าน ปลูกผัก ทำสวน และรื่นรมย์กับชีวิตได้อย่างไม่ต้องทุกข์ร้อนหรอกนะครับ
โควิดไม่ใช่ของขวัญสำหรับใครหลายคน แต่มันคือยาพิษ ยาพิษที่ทำให้ใครหลายคนต้องกลายมาเป็นผู้ป่วยที่ถูกรังเกียจจากสังคม ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือและต้องล้มตายไปอย่างน่าอเนจอนาถใจ
โควิดมันคือยาพิษ เพราะมันทำให้ใครหลายคนต้องถูกไล่ออกจากงาน กลายเป็นคนที่ตกงาน คนไร้บ้าน คนไม่มีข้าวสารที่จะกรอกหม้อหรืออาหารที่จะกินในแต่ละมื้อ คนที่ต้องล้มละลาย หรือหมดตัว
สิ่งเหล่านี้ ผมว่าอาจารย์คงจะเห็นผ่านข่าวมาแล้ว นี่เรายังไม่ต้องพูดถึงใครอีกหลายคนที่ต้องปลิดชีพตัวเองเพราะโควิด-19 นี่อีก
แม้ผมจะนับถืออาจารย์มากในเรื่องของการแสดงธรรมในหลายๆ ครั้ง แต่ธรรมะไม่ควรมีไว้สำหรับการปลอบขวัญคนที่มีอันจะกินอย่างเดียวนะครับ ธรรมะควรมีไว้สำหรับเยียวยาและปลอบขวัญคนที่ไม่มีอันจะกินด้วย และผมคิดว่าถ้าอาจารย์ได้ตระหนักถึงข้อนี้ อาจารย์จะไม่กล่าวว่า โควิดคือของขวัญอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 63 พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล กล่าวว่า เป็นคำพูดดีดีจากผู้หญิงคนหนึ่ง โดยบอกว่า โควิดให้ของขวัญแก่เธอ ซึ่งกล่องของขวัญนั้น คือ เวลา
นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด เธอได้เวลากลับมามากมาย อาทิ เวลาชีวิตที่เคยหมดไปกับการเดินทาง เวลาที่หมดไปกับสิ่งที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ตอนนี้มีเวลาให้กับที่บ้านอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
พ่อก็ดีใจที่ลูกสาวอยู่บ้าน หลานก็ดีใจที่ป้ามาอยู่ที่บ้านทั้งวัน ตอนนี้มีเวลาปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้ รวมทั้งรดน้ำต้นไม้ทุกเช้า จากที่ไม่เคยทำเลย เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานทุกวัน
เมื่อก่อนเชื่อแน่ว่า หลายคนไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่บ้าน ไม่มีเวลาให้กับพ่อแม่ ไม่มีเวลาแม้กระทั่งให้กับตนเอง แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้ตอนนี้มีเวลามากมาย
แต่บางคนยังใช้เวลาที่ได้มานั้นไม่เป็น เอาแต่นั่งคิดฟุ้งซ่าน บ่นตีโพยตีพาย โวยวาย ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วก็โทษใครต่อใคร จนลืมมองตัวเองว่า ได้เวลามามากมาย ควรใช้เวลาให้มีประโยชน์
หลายคนรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่กับคนที่บ้าน ฉะนั้น การไปทำงานนอกบ้าน คือ การหนีคนที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นกับ สามี ภรรยา ลูก หรือแม้กระทั่งพ่อแม่
เมื่อตอนนี้ต้องอยู่กับบ้าน ที่จริงมันไม่ใช่เวลาที่ควรจะอึดอัด หรือ เครียดเลย ถ้ารู้จักทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ร่วมกัน แล้วจะช่วยเติมความสุขให้กับจิตใจได้มากทีเดียว ที่สำคัญ ยังช่วยให้ความสัมพันธ์ในบ้านดีขึ้นอีกด้วย
ขอเล่าถึงครอบครัวหนึ่ง แม่เป็นอัลไซเมอร์ อายุ 80 ปีแล้ว จำได้เพียงทุกวันต้องออกไปเที่ยวซื้อของตามห้างสรรพสินค้า ผู้สูงอายุจำนวนมากมักใช้ชีวิตอย่างนี้ แม่ของเขาทำเช่นนี้ทุกวันมาตลอดจนกระทั่งเป็นโรคอัลไซเมอร์ ก็ยังไปทุกวัน
ตอนสถานการณ์บ้านเมืองปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอล็อกดาวน์ แม่ก็ยังรบเร้าจะไปห้างให้ได้ ลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะอธิบายเหตุผลแม่ก็ไม่เข้าใจ ลูกก็เลยตัดสินใจ ทำบ้านให้เป็นห้างสรรพสินค้าเสีย แล้วชวน ภรรยา ลูกสาว ลูกชาย มาปรับห้องให้มีของวางขายให้มีความคล้ายห้างสรรพสินค้า
หลังจากนั้น จึงพาแม่ไปซื้อของในสถานที่จำลองนี้ เมื่อมาถึงห้องที่เปลี่ยนเป็นร้านแล้ว ลูกก็ทำทุกอย่าง ทั้งช่วยแม่หารถเข็น ยื่นรายการสินค้าให้แม่ แล้วก็พาแม่ไปตามจุดต่างๆ ที่ขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ขนม นม เนย ช็อกโกแลต ขนมปัง น้ำยาทำความสะอาด
โดยให้แต่ละจุดมีคนที่บ้านเป็นพนักงานขายสินค้า ทำให้เหมือนกับมาชอปปิ้งจริงๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ต้องจ่ายเงิน ก็นำบัตรเครดิตของแม่ส่งให้กับลูกชายตัวเล็กอายุ 7-8 ขวบ ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานรูดบัตรพร้อมยื่นใบเสร็จให้ ทำทุกอย่างเสมือนจริงหมด
แม่ก็มีความสุขมาก เพราะว่าได้ทำอย่างที่ต้องการทุกวัน แถมได้เจอพนักงานในร้านที่เป็นคนรู้จักคุ้นเคย ทำให้มีความสุขกันทั้งบ้าน ไม่ใช่สุขเฉพาะคนเป็นแม่เท่านั้น
เด็กๆ ในบ้านไม่เคยทำกิจกรรมเช่นนี้มาก่อน จึงได้สนุก ตั้งใจทำ ตั้งแต่คิดว่าจะเอาของอะไรมาวางขายดี ต้องช่วยกันสร้างสรรค์กิจกรรม แบบนี้มีประโยชน์ยิ่งกว่าพาครอบครัวไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าเสียอีก ได้เปลี่ยนบ้านให้เป็นร้าน แล้วก็ทุกคนมาช่วยกันขายของ ความสัมพันธ์ในบ้านก็ดีขึ้น อันนี้เรียกว่ารู้จักใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์
คล้ายกันกับอีกครอบครัวหนึ่ง ลูกเมื่ออยู่บ้านนานๆ ก็รบเร้าอยากไปกินอาหารนอกบ้านตามร้านต่างๆ พ่อแม่อธิบายว่า มีโรคระบาดเด็กก็ไม่เข้าใจ จึงตัดสินใจเปลี่ยนบ้านให้เป็นร้านอาหารเสียเลย มีแม่เป็นพนักงานเสิร์ฟ พ่อเป็นเชฟ ทำทุกอย่างเหมือนกับมากินอาหารที่ร้าน
เริ่มตั้งแต่แม่ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟมาเปิดประตูต้อนรับ พาลูกค้ามาที่โต๊ะ ส่งเมนูถามลูกค้าที่เป็นลูกว่า จะสั่งอาหารอะไรบ้าง หลังจากนั้นจึงมาเสิร์ฟทีละจาน ปฏิบัติเหมือนได้มากินอาหารนอกบ้านตามร้าน
ทุกคนพ่อแม่ลูกก็มีความสุขที่ได้เปลี่ยนบ้านให้เป็นร้านอาหาร มีกิจกรรมพิเศษ พ่อแม่ให้ความสำคัญ คิดค้นกิจกรรม และทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่บางครอบครัว ทำไม่เป็น คิดไม่ออก ก็เลยอยู่อย่างจำเจ จนกลายเป็นความเครียด ทั้งที่จริงมีอะไรให้ทำมากมาย มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์เยอะ
นี่คือตัวอย่างที่หลายคนต่างออกมาบอกว่า โควิดคือของขวัญ ของดีที่ธรรมชาติประทานมาให้ ถ้าไม่มีโควิด การที่จะได้มีเวลาอยู่กับลูก อยู่กับครอบครัว อยู่กับพ่อแม่ ก็คงไม่มี เพราะยังคงทำอะไรที่เคยทำแบบเดิม ไม่ได้ทำกิจกรรมแบบนี้เสียที เพราะไม่มีเวลา แต่ตอนนี้มีเวลาแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์หรือเปล่า ซึ่งก็ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ อาศัยใจ ไม่เอาแต่คิดวิตกกังวลหรือบ่นเพียงอย่างเดียว
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Zen Sukato (ข้อมูลจาก springnews online)
สำหรับ “พระมหาไพรวัลย์” ถ้าต้องการทำความรู้จักอย่างชัดเจน คงต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 59
ซึ่งผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวว่า “กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที หลังเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ในเฟซบุ๊ก "สุรพศ ทวีศักดิ์" มีการโพสต์ข้อความระบุขอถวายสมณศักดิ์ให้กับพระไพรวัลย์ วรรณบุตร เป็นพระรูปแรกในสยามประเทศที่เป็น “พระสังฆราษฎร์” ขณะที่ทางพระรูปดังกล่าว ก็ได้เข้ามาตอบรับขอรับสมณศักดิ์ดังกล่าวดัวยความยินดี
ทั้งนี้ ในเวลาต่อมาทางด้านของเฟซบุ๊ก “สุรพศ ทวีศักดิ์” ก็ได้มีการให้ความหมายของคำว่า “พระสังฆราษฎร์” ว่าเป็นพระของราษฎร ราษฎร เป็นผู้แต่งตั้ง แต่กระนั้นเรื่องนี้ยังมีคนในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายเนื่องจากทราบดีว่า คำดังกล่าวเป็นการเล่นคำที่พ้องเสียงกับคำว่า “พระสังฆราช” โดยที่ผ่านมาทางพระรูปนี้เองก็เคยเป็นแกนนำทางสงฆ์ให้กับกลุ่มคนที่อ้างตนเองว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ “นปช.” มาแล้วนั่นเอง...
ส่วน พระอธิการไพศาล วิสาโล (วงศ์วรวิสิทธิ์) เป็นพระนักเผยแผ่ที่เป็นที่รู้จักดีรูปหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน
พระไพศาล เป็นพระนักวิชาการ นักคิดนักเขียนในบวรพระพุทธศาสนารุ่นใหม่ เป็นนักปฏิบัติธรรม และนักบรรยายธรรมที่ผลิตผลงานออกมาในรูปสื่อโทรทัศน์ และหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
ยิ่งกว่านั้น ตามประวัติ ระหว่างเรียนที่ธรรมศาสตร์ เคยเป็นสาราณียกรปาจารยสาร และเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มประสานงานศาสนาเพื่อสังคมตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปี 2526 โดยมีบทบาทร่วมในแนวทางอหิงสาต่อเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนเป็นเหตุให้ถูกล้อมปราบภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และถูกคุมขังในเรือนจำเป็นเวลา 3 วัน
ปัจจุบันพระอาจารย์ไพศาล เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ซึ่งมีแนวปฏิบัติเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แบบหลวงพ่อเทียน จิตสุโภ ส่วนใหญ่ท่านพำนักอยู่ที่วัดป่ามหาวัน อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โดยจำพรรษาสลับระหว่างวัดป่าสุคะโต กับวัดป่ามหาวัน
เมื่อ พระอาจารย์ไพศาล ถูกท้าทายด้วยคำสบประมาทเรื่อง เอื้อชนชั้นกลาง และไม่สนใจคนไม่มีอันจะกิน ย่อมเป็นสิทธิที่ท่านจะตอบโต้หรือไม่ แต่คนชัยภูมิและคนไทยทั่วไปคงไม่มีใครสงสัยว่า พระอาจารย์ไพศาล เข้าใจและรู้จักคนจนแค่ไหน เพราะการเผยแผ่ธรรมะ คงเลือกให้ใครฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้นเสพ ไม่ได้อยู่แล้ว