“หมอวรงค์” จัดเต็ม “ทอน-บูด” คนเลวติดตัวมาแต่กำเนิด “ดร.เสรี” ป้อง “นุรักษ์ มาประณีต” เก่งและดี “iLaw” ไม่พลาด แฉหนักมาก ยุบมาแล้ว 29 พรรค รับใช้รัฐประหาร 2 คณะ อยู่ในตำแหน่ง 13 ปี รับ 20 ล้านบาท
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์หัวข้อ “คนสองคน”
โดยระบุว่า “ผมเสียเวลาไปจับโจรปรอทที่พิษณุโลก เสียเวลาไปหลายวัน ตอนนี้จบละ ตั้งใจจะเอาหลักฐานไปยื่น ป.ป.ช.ที่สนามบินน้ำ วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม เวลา 10.00น. เพื่อนๆ คนไหนอยากได้ปรอทเสียบก้นเด็ก ผมมีแจกครับ เพราะประชาชนให้มาเยอะมาก
ที่ผ่านมา มีข่าวคนสองคนออกมา สร้างกระแส
คนที่หนึ่ง ออกมาโพสต์ “ผู้ที่เดือดร้อนรับได้เลยทันทีอย่างถ้วนหน้า 3,000 บาท ไม่ต้องพิสูจน์ความจน” ใครอ่านก็ตีความได้ละว่า ได้รับแน่ๆ แต่กลายเป็นว่า ต้องออกมาขอโทษประชาชน เข้าข่ายโกหกหลอกลวงประชาชน เพราะคนขอหลักล้าน แต่จ่ายแค่สองพันเศษ มิหนำซ้ำ ยังไม่สำนึก กลับไปโทษรัฐบาล
คนๆ นี้ ถ้าเรามองย้อนอดีตจะเข้าใจ ตั้งแต่เรื่องไฮเปอร์ลูป บลายด์ทรัสต์ หุ้นวีลัคมีเดีย เงินให้พรรคกู้ที่ตัวเลขไม่ตรงกัน หรือแม้แต่จะทำห้องตรวจ negative pressure สำหรับโรงพยาบาล จนโควิดจะหมดแล้ว ยังไม่เห็นข่าวไปมอบ
คนที่สองออกมากระทบท่านนุรักษ์ มาประณีต หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นองคมนตรี ในทำนองประชดว่า มีผลงาน ในคดียุบพรรค สิ่งต่างๆ ที่เขาพูด ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด ในทางกลับกัน คนไทยเราต้องรู้สึกภูมิใจ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ใครทำผิด พวกเรามีศาลเป็นที่พึ่ง
สำหรับคนคนนี้ ถ้าจำได้หลังวันเปิดประชุมสภา ส.ส.ทุกคนปฏิญาณตนเสร็จ รักษาการประธานได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วเชิญนายธนาธรออกนอกห้อง พอเรื่องบลายทรัสต์ดังขึ้นมา คนๆ นี้ แถเองว่า นายธนาธร ยังไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะยังไม่ได้ปฏิญาณตน จนโซเชียลต้องเอาคลิปออกมาฉีกหน้า
ยังมีคดีขับ ส.ส.อนาคตใหม่ 4 คน หลังจากมีมติแล้ว เรื่องผ่านไปแล้ว คนๆ นี้ ก็แถว่า มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมวันนั้น จนมี ส.ส.ที่ถูกขับคนหนึ่ง เอาคลิปเสียงออกมาประจานว่า นายคนนี้เป็นประธานที่ประชุมและเป็นคนพูดสรุปเองว่า องค์ประชุมครบ
ล่าสุด ที่โด่งดังก็คือ นายคนนี้เอาเอกสารหลุดของ กกต.ออกมาตีแผ่ จนสังคมฮือฮาว่า กกต.รับงาน สุดท้ายผมก็ได้รับเอกสารหลุดเช่นกัน มาอ่านดูก็พบว่า คนเป็นถึงอาจารย์แต่มั่วมาก พูดในสิ่งที่ตนเองได้ประโยชน์ บิดเบือนข้อกฎหมาย แต่ความเลวร้ายของตนเองในเอกสารหลุดไม่ยอมพูดถึง
อยากจะบอกพี่น้องประชาชน ว่า ทฤษฎีผู้นำติดตัวมาแต่กำเนิดฉันใด คนเลวก็ติดตัวมาแต่กำเนิดเช่นกัน ที่สำคัญ คนพวกนี้จะปลิ้นปล้อน หลอกลวงซ้ำซากแบบหน้าตาเฉย ไม่มีสำนึก เพียงแต่เราต้องตามให้ทัน พวกเขาจะพยายามดึงประเทศไทยกลับไปอยู่ปี 2475 แต่ไม่ต้องกลัว ภัยคุกคามใหม่ที่ชื่อว่าโควิด-19 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประเทศต้นแบบที่พวกเขาอยากเป็น ยังแทบเอาตัวไม่รอด
พวกเราต้องช่วยกันนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า เพื่อไปสู่วิถีปกติใหม่ ซึ่งเรากำลังเดินมาถูกทาง กำลังได้รับคำชื่นชม และวิถีปกติใหม่ช่วยลดจุดอ่อนในอดีตของพวกเรา ถ้าเราผ่านสิ่งนี้ได้ พวก 2475 ตามพวกเราไม่ทันแน่นอน”
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี นายนุรักษ์ มาประณีต อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นองคมนตรี ว่า
“คุณนุรักษ์ เป็นคนเก่งและคนดี ได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นองคมนตรี ยังมีคนออกมาแซะ แขวะ แบบไม่รู้จักคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ไม่บังควร ดร.ทางกฎหมายเหรอคะ?!”
ตรงข้ามกับ เฟซบุ๊กเพจ iLaw โพสต์ข้อความระบุว่า “เปิด 5 เรื่องเด่น นุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ องคมนตรีคนล่าสุด
จากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศแต่งตั้ง นุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองคมนตรี มาดูกันว่า ชีวิตของนุรักษ์ตั้งแต่ก่อนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งได้เป็นองคมนตรี มีผลงานเด่นๆ อะไรบ้าง” โดยมีการทำภาพกราฟิกอธิบาย 5 เรื่องดังกล่าวแทนข้อความ กล่าวคือ ยุบมาแล้ว 29 พรรค รับใช้รัฐประหาร 2 คณะ อยู่ในตำแหน่ง 13 ปี รับ 20 ล้านบาท
แน่นอน, โพสต์ที่หยิบยกมานี้ เห็นได้ชัดว่า มีการต่อสู้ทางการเมืองค่อนข้างสูง และนับวันภาพลักษณ์ของ “ธนาธร-ปิยบุตร” ยิ่งติดลบมากขึ้น จากสิ่งที่ “ทั้งคู่” เล่นการเมืองแบบเอาตัวเองและอุดมการณ์ตัวเองเป็นศูนย์กลาง คือ ตั้งความคิดฝันเอาไว้อย่างไร ก็จะปลุกระดมนำพาสาวกและประเทศเดินตาม โดยไม่สนใจว่า จะเป็นทางที่ถูกต้องและเป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่ ขอให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ส่วนอุดมการณ์ที่กำลังถูกวิจารณ์ว่า ต้องการเจริญรอยตามการปฏิวัติเมื่อปี 2475 นั้น
คือ กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า “คณะราษฎร” โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก...(จากวิกิพีเดีย)
อย่างไรก็ตาม นับเป็นสิ่งบ่งบอกเช่นเดียวกัน ว่า ประเทศไทยไม่ได้ปกครองในระบบเผด็จการ เพราะยังมีเสรีภาพอย่างสูง ให้นักการเมืองเหล่านี้ ได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ได้ ตราบที่ไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น โดยที่รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นแม้แต่น้อย อย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่ หรือว่าไม่จริง!!!