“อดีตทูตนริศโรจน์” สุดทน ด่ายับพวกคลั่ง ปชต. จี้ปลด “หมอทวีศิลป์” ขณะ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้ เป็นเกมโจมตี “จุดแข็ง” ของรัฐบาล ด้าน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เพื่อแม้ว” “เงิบ” เป็นแถว หลังพบสาเหตุผูกคอตาย รปภ.หญิง ไม่เกี่ยวการเมือง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ของ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย โพสต์ข้อความต่อกรณีมีการกล่าวหา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบก. ที่กล่าวขณะแถลงข่าวและตอบคำถามสื่อมวลชน ตอนหนึ่งว่า การฆ่าตัวตายของประชาชนนั้น ไม่ได้สูงไปกว่าครั้งวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนที่มากเกินความคาดหมาย
โดยโพสต์ของ นายนริศโรจน์ ระบุว่า “ไปเที่ยวโทษคุณหมอทวีศิลป์ ว่า ไม่แยแสคนตาย เอาแต่แถลงเรื่องคนติดเชื้อ
ทานโทษนะ เหลืออดจริงๆ ไอ้การที่พวกคลั่ง ปชต. หาแดรก กับเรื่องสิทธิเสรีภาพต้องมาก่อนสุขภาพเนี่ยต่างหากที่ “หากิน” กับ ศพ รปภ.หญิง จนทำให้การตายของเธอถูกขุดคุ้ยเบื้องหน้าเบื้องหลังออกมาทำให้สังคมรับรู้เรื่องราวที่ โอละพ่อ จนหมดสิ้น !
การกระทำแบบนี้ต่างหากที่ไม่แยแส และไม่เคารพต่อการตายของเธอ โหนศพเธอมา “ตีกิน” หวังผลทางการเมือง
ทุเรศและเลวร้ายที่สุดแล้ว !
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ความสำเร็จของ ศบค. ในการแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด จนกระทั่งตัวเลขคนติดเชื้อ คนเสียชีวิตลดลงอย่างมาก จนไทยได้รับการยกย่องไปทั่วโลก แต่แทนที่พวกติ่ง พวกร้อนวิชา จะร่วมดีใจไปกับคนไทย เหมือนว่าผิดหวังที่คนไทยตายน้อยกว่าที่คาดหมายไว้
ปกติในยุทธวิธีทางทหาร การเข้าโจมตีต้องตีจุดอ่อน แต่การเข้าตีจุดแข็ง ถือว่าเป็นเซอร์ไพร์ซแอ็คแท็ค Surprise Attack ฝ่ายตรงข้ามวางกำลังป้องกันน้อย หากตีแตก แพ้ทันที
จุดแข็งของ ศบค.คือ การระดมมืออาชีพจากหลายหน่วยงานมาช่วยกัน และจุดแข็งสำคัญคือ “หมอโอปป้า” นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ที่เป็นโฆษกที่มีแม่ยก ประชาชนนิยม เฝ้าติดตามการแถลงข่่าวทุกวัน
แถมขอร้อง ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตามอย่างได้ผล ความอิจฉาตาร้อนจึงบังเกิดขึ้น ไม่มีหมอโอปป้าสักคน ปล่อยใครก็ไม่รู้มาเป็นโฆษก ศบค. จะได้รับความร่วมมือจากประชาชนเท่านี้มั้ย
คนสกปรกรู้ดีว่า หมอโอปป้าเป็นหมออาขีพ ไม่ใช่หมอนักการเมือง จิตใจอ่อนไหว ไม่อำมหิต ขืนปล่อยหมอโอปป้าไว้ ตายแน่ เรื่องคนฆ่าตัวตายจึงถูกเอามาเป็นประเด็น
หากหมอโอปป้าอ่อนไหว ถูกโจมตีอาจถอนตัวกลับโรงพยาบาล อาจเขย่าสั่นคลอนทีมงาน ศบค.ให้รวนได้ ขืนปล่อย ศบค. ให้ทำงานมีผลงาน นักการเมืองจะไม่มีเวที ไม่มีพื้นที่แสดงบทบาท
ขอให้กำลังใจหมอทวีศิลป์ ขอเป็นทีมหมอโอปร้า เซฟหมอโอปป้า”
สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองให้ “ปลด” หมอทวีศิลป์ นั้น ที่ปรากฏชัดก็คือ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group-DRG โดยเมื่อวานนี้ เวลา 00:46 น.
โดยโจมตีการแถลงสถานการณ์โรคติดต่อ COVID-19 ของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ซึ่งกล่าวขณะแถลงข่าวว่า การฆ่าตัวตายของประชาชนนั้นไม่ได้สูงไปกว่าครั้งวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนที่มากเกินความคาดหมาย ว่า สะท้อนความอับจนความเข้าใจในปัญหา และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ เพราะรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่เหมาะสม และทันท่วงที
ทั้งยังอ้างว่า ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่โฆษก ศบค. ของ นพ.ทวีศิลป์ เป็นไปในทางที่คอยจะตำหนิติเตียนประชาชน ทำตัวเป็นคนดีที่คอยจะสั่งสอนราวกับประชาชนเป็นคนผิดบาปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทั้งในเรื่องการพูดถึงคนที่ได้รับเงินเยียวยาว่า 5,000 บาทนั้น เพียงพอเพราะมีผักสวนครัวกิน หรือแม้แต่ทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ COVID-19 ที่เอาภาพการ์ตูนของตนเองมาแถลงเหมือนการโปรโมต ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์นี้โดยสิ้นเชิง
DRG เห็นว่า ท่ามกลางสถานการณ์นี้ ศบค. สามารถยุติการแถลงสถานการณ์รายวันลง เพื่อประหยัดงบประมาณ และปรับมาใช้การเผยแพร่เอกสารสรุปสถานการณ์ประจำวัน และเนื้อหาที่ต้องการประกาศก็เพียงพอแล้ว รวมถึงควรปลด นพ.ทวีศิลป์ ออกจากตำแหน่งโฆษก ศบค. และให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เคารพศักดิ์ศรี เห็นคุณค่าของชีวิตประชาชน และเข้าใจสิ่งที่ประชาชนกำลังเผชิญมาทำหน้าที่นี้แทน
ไม่เพียงเท่านั้น นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล เป็นอีกคนที่ออกมาโจมตี “หมอทวีศิลป์”
โดยระบุว่า “ผมแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่า หมอทวีศิลป์ คุณหมอที่เข้ามาเป็นความหวังของประชาชน เพื่อส่งต่อข้อมูลทางการแพทย์ให้แก่ประชาชน และปรับภาพลักษณ์ของรัฐบาล แต่หมอทวีศิลป์ได้รับเชื้อความไม่เห็นคุณค่าประชาชนของรัฐบาลมาเสียแล้ว
ความตายของประชาชนภายใต้การบริหารราชการในสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดส่งผลกระทบต่างๆ จนมีคนที่ปลิดชีพตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายรายวัน แต่โฆษก ศบค. กลับมองยอดคนตายเป็นเพียงสถิติมากน้อย เมื่อเทียบกับสถานการณ์อื่นๆ หมายความว่า ต้องมียอดคนตายเกินสถิติที่วางไว้ก่อนหรือ ค่อยแก้ไข คุณหมออาจจะเคยชินอยู่กับความเป็นความตายของประชาชนจนเป็นเรื่องปกติ...
นอกจากนี้ ที่น่าหยิบเอามานำเสนอประกอบด้วย ก็คือ เบื้องหน้าเบื้องหลัง การผูกคอตายของ รปภ.หญิง ซึ่งเป็นข่าวดัง และมีการเมืองรุมทึ้งศพของเธอ เพราะก่อนผูกคอตายเธอวาดรูป “ลงตู่” เอาไว้ด้วยนั้น
ล่าสุด เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj โพสต์ข้อความระบุว่า
“จบ...จบเห่จริงๆ สำหรับไอ้คนที่โหนศพน้อง รปภ.หญิง เอามาแห่หวังตีกินด่ารัฐบาล
และก็จบสำหรับคนที่หวังผลได้คะแนนจากกรณีนี้ด้วย อุตส่าห์ลงแรงเป็นเจ้าภาพงานศพ...โถ !”
ทั้งนี้ วานนี้ เฟซบุ๊ก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แฟนเพจ ได้แชร์ข้อความสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่โพสต์แสดงความไว้อาลัยเอาไว้ แทนสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อ ขณะเดียวกัน ก็มีชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมวันนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ยังนำเอา ข้อความจากเฟซบุ๊ก Katanyoo Tungmepol มาลงในเพจของตัวเองด้วย เพื่อให้ข้อมูลเรื่องนี้
โดยระบุว่า “ข้อมูลอีกมุม ของสาวน้อยที่วาดรูปลุง ก่อนจะผูกคอตาย และเป็นประเด็นดรามา !!!
****** แชร์มาจาก คุณวิภาดา ณ ช่อง 3 นักข่าวสาวอายุ 28 ปี หุ่นดีเอวคอด*****
สรุปกรณี สาว รปภ.วาดรูปลุงแล้วตัดพ้อการบริหารประเทศและความจนของตัวเอง ก่อนผูกคอตาย
สรุป
- แฟนน้องยอมเปิดปากแล้ว เงิน 5,000 ได้เยียวยาจากรัฐบาลจริง แล้วเอาเงินไปผ่อน จยย. 4,000 บาท เหลือ 1,000 บาท ไว้กิน จยย.น้องซื้อคันละ 8.5 หมื่น น้องทำงานเงินเดือนหมื่นต้นๆ จยย.คันนี้ คนตายอยากได้
- กรณีที่น้องบอกว่า ทำงาน 12 ชม. กฎบริษัทเป็นแบบนี้ และก็ให้ค่าแรงเหมาะสม ทุกคนก็ทำแบบนี้
- กรณีน้อง บอกว่า โดนหักเงินเดือนทำให้ไม่พอกิน บริษัทกางสลิปเงินเดือนให้ดู หัก 300 บาท และค่าโอนเข้าบัญชี 25 บาท
- น้องเงินเดือนหมื่นต้นๆ บริษัทจ่าย 2 อาทิตย์ครั้ง ครั้งละ 5 พันกว่าๆ
- การวาดรูปลุง วาดไว้ 22 เม.ย และก็ไม่ได้เกลียดชัง หรือด่า หรือโกรธลุงมาก แต่คงอัดอั้นเลยวาดระบาย
- ก่อนเกิดเหตุฆ่าตัวตาย ทะเลาะกับแฟน ประเด็นแฟนไม่พาไปทำงาน เพราะเป็นข้อห้าม และน้องจะให้แฟนมาหา แต่ติดเคอร์ฟิวและทำงานอยู่ น้องส่งไลน์ทะเลาะเถียงกับแฟนและขู่จะฆ่าตัวตายให้ดู
- น้องเคยพยายามกินยาบางอย่างต่อหน้าแฟน แต่แฟนก็ช่วยได้ทัน ให้กินน้ำเยอะๆ และไม่ได้หาหมอ และบอกน้องอย่าทำอีก
ปัญหาที่เกิดขึ้น น้องคนตายพูดไม่ได้ ไว้อาลัยน้อง แต่เรื่องที่เกิดน้องคงคับแค้นใจและน้อยใจ ไม่ใช่แค่ปมเรื่องหาเงินส่งลูกอย่างเดียว ประเด็นแฟนเข้ามาด้วย และเครียด น้องไม่เคยทำงานพึ่งเข้ามาทำงานครั้งแรก จึงไม่เคยเจอความลำบากของชีวิตคนทำงาน ลุงไม่เกี่ยวล่ะ สงสารลุงนะ และไม่เกี่ยวกับการเมืองอย่าเอาไปโยงเด้อ
ส่วนใครจะช่วยเหลือ ลูกของน้องทางครอบครัวก็ยินดี เพราะคนที่เลี้ยงคือตากับยาย สงสารตายายมากแก่มากนะ มาเลี้ยงหลาน
จบเรื่องราวน้อง รปภ.
ขอบคุณข้อมูลน้องคนสวยที่นังอ้วนฝากประเด็นไปช่วยกันขุด จบ รู้เรื่องนะ
จบไปอีกหนึ่ง”
ดูเหมือน ความพยายามที่จะใช้ประเด็นความเป็นความตาย ซึ่งถือว่า อ่อนไหวต่อความรู้สึกของคน มาโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการ “เยียวยา” ที่ต้องยอมรับ ว่า มีความล่าช้า เพราะต้องตรวจสอบสถานะบุคคลอย่างละเอียด แต่ส่วนใหญ่ที่ลงทะเบียนก็ได้รับการเยียวยากันแล้ว
ถือว่าเริ่มมาก่อนที่จะมีกรณีของ รปภ.หญิง ที่เป็นข่าวแล้ว ก่อนหน้านี้ ก็มีกรณีติ่งการเมืองฝ่ายค้านออกมาขู่ให้แถลงยอดคนฆ่าตัวตายควบคู่กับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อมาก็มีกรณีงานวิจัยพิลึกพิลั่น ของ 7 นักวิชาการใหญ่ ฝ่ายไม่เอาเจ้า ที่แถลงผลเก็บข้อมูลผ่านข่าวอินเทอร์เน็ต นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ไปแล้ว ก่อนจะมาถึงกรณีผูกคอตายดังกล่าว
เห็นได้ชัดว่า ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น เห็นจุดตายของรัฐบาลแล้วว่าอยู่ที่ไหน เวลานี้ก็คือ ประเด็นฆ่าตัวตาย และขจัด “หมอทวีศิลป์” นั่นเอง
แล้วก็ไม่แปลก ที่จะเห็นความเคลื่อนไหว “ปลดหมอทวีศิลป์” ประเด็นไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน ทั้งที่เรื่องทั้งหมดที่หมอทวีศิลป์ทำ ก็คือ ห่วงใยในชีวิตคน จากการติดเชื้อโควิด-19 และไม่เคยสนับสนุน หรือยุให้ใครฆ่าตัวตาย ด้วย หรือไม่จริง