xs
xsm
sm
md
lg

พิษโควิดเจาะ “ลุงตู่” ไม่เข้า แข็งกว่าเดิมแน่นเปรี๊ยะ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าจะมีความพยายามออกมาเคลื่อนไหวเขย่าภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่จะว่าไปแล้ว ก็คือ พรรคของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าโดยนิตินัยแล้ว เขาไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค รวมไปถึงไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคแต่อย่างใด แต่ในทางการเมืองถือว่าในทางพฤตินัย มีความเชื่อมโยงถึงกัน และที่สำคัญ เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่สนับสนุนเขาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่

ที่ผ่านมา รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นรัฐบาลผสมถึง 19 พรรค มีพรรคเล็กพรรคน้อยยุบยิบไปหมด ที่สำคัญแม้ว่าจะมีหลายพรรคสนับสนุน แต่ก็เป็นรัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ” มีเสียงสนับสนุนเกินมาเพียงไม่ถึงสิบเสียงเท่านั้น ทำให้ต้องลุ้นหายใจไม่ทั่วท้องทุกครั้งที่มีการโหวตร่างกฎหมายสำคัญในสภา อีกทั้งเมื่อมีเสียงปริ่มน้ำ ก็ย่อมทำให้พรรคเล็กๆ ที่แม้มีเสียงแค่ 1 เสียง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญ จึงมักได้ยินข่าวการ “ต่อรอง” อันน่าเวียนหัวเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ในช่วง 3-6 เดือนแรกของรัฐบาลชุดนี้

แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะด้วยยุทธการ “งูเห่า” รวมไปถึงการ “สะดุดขาตัวเอง” ของฝ่ายตรงข้ามที่ “พลาด” จนทำให้เกิดการยุบพรรคอนาคตใหม่ และผลงานโดยรวมของฝ่ายค้าน ในยุคนี้ ที่ “ไม่เข้าตา” ชาวบ้าน ผลงานตลอดสมัยประชุมไม่เอาอ่าว พิสูจน์ได้จากการอภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา ที่สร้างความผิดหวัง ไม่มีหลักฐานหรือทีเด็ดสมกับที่คุยโม้เอาไว้ ลักษณะไม่ต่างจากกระทู้ถามสดประจำสัปดาห์ก็ไม่ปาน

เอาเป็นว่าในสภาที่ผ่านมา ฝ่ายค้านไม่มีผลงานที่โดดเด่นในภารกิจการตรวจสอบ แต่หากพิจารณาในแง่ของความ “บ๊องบวม” แล้วถือว่ามากันเต็มพิกัด ให้ได้แปลกใจและขบขันกันได้แทบทุกวัน ตลอดสมัยประชุมสภาฯ

ดังนั้น เมื่อทุกอย่างหักมุมไปแบบตรงกันข้าม จากรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ กลับกลายเป็นว่าเวลานี้รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม มีเสียงสนับสนุนในสภาฯเพิ่มมากขึ้น มีเสียงข้างมากเกินมา 30-40 เสียงเข้าไปแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า “เสียงงอแง” ที่เคยเกิดขึ้นจากบรรดาพรรคขนาดเล็ก ก็เริ่มเงียบลง

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถรอดพ้นจากปัญหาเสียงสนับสนุนในสภาฯไปได้ แต่ก็ต้องมาเจอกับ “แนวรบใหม่” นั่นคือ การสร้างกระแสในโลกโซเชียล ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือ “กลุ่มขาประจำ” ที่พ่ายแพ้จากในสภาฯ และกลุ่มนักวิชาการหน้าเดิมที่เป็นพันธมิตรกับเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร และแนวร่วมของกลุ่มอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งถูกยุบพรรคไปไม่นานมานี้


ก่อนหน้านี้ หากจำกันได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวที่เข้มข้นขึ้นโดยดันหลังบรรดา “เด็กๆ” นักเรียน นักศึกษา ซึ่งในเวลานั้นถือว่า “เริ่มแรง” ขึ้นมา แต่เมื่อเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างหยุดกึก แต่ก็ยังเจอกับกระแส “เหยียดหยาม” ประดิษฐ์คำซ้ำๆ เช่น ว่า “ผู้นำไม่ฉลาดจะพากันตายหมด” เป็นต้น ประกอบในเวลานั้น เริ่มเข้าสู่การระบาดรุนแรงมากขึ้นจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในตอนนั้นประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแรกนอกจีนที่มีการระบาด และอยู่ใน “อันดับสองของโลก” ในช่วงมกราคม ถึงต้นกุมภาพันธ์ ซึ่งหลายคนก็คงเชื่อว่า คงไม่รอดแน่

แต่มาวันนี้ สถานการณ์จากโรคระบาดโควิด กลับกลายเป็นตรงกันข้าม ทำให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากนัก ความเชื่อมั่นศรัทธา กลับมาอีกครั้ง โดยเขาเลือกทำตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นหลัก มากกว่าเดินตามทางการเมือง และก็เกิดผลสำเร็จ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ผล มีผู้ป่วยลดลง มีคนหายป่วยมากขึ้น จนได้รับคำชมทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่าภายในประเทศกลลุ่มการเมืองเดิมๆ กำลังเริ่มเคลื่อนไหวกดดันกันอีกครั้ง แต่นาทีนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ขณะเดียวกัน สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เขา “คุมเกม” ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ก็คือ ความพยายามในการสร้างแรงกระเพื่อมภายในพรรคพลังประชารัฐที่มาจาก “บางกลุ่ม” ที่พยายามกดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี ปรับตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ โดยเฉพาะต้องการให้เปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคใหม่ แต่กลายเป็นว่า ทุกอย่างกลายเป็นหมัน เมื่อ “ลุงตู่” ไม่เล่นด้วย โดย “ตัดบท” กล่าวว่า จะไม่ตอบคำถามเรื่องการเมืองในช่วงนี้ จะขอมุ่งแก้ปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโรค และการฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบเป็นหลักก่อน สอดคล้องกับสัญญาณที่ส่งผ่านมาทาง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ที่ย้ำว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ทุกอย่างจบแล้ว”

ดังนั้น หากพิจารณาจากบรรยากาศและความเคลื่อนไหวที่เห็นอยู่ตรงหน้า ถือว่าเวลานี้ “ลุงตู่” มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม โดยเฉพาะโควิด-19 กลายเป็นว่าได้สร้างภูมิต้านทานมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ต้องลุ้นกันต่อไปคือ การฟื้นฟูเยียวยาหลังจากนี้จะทำได้ดีแค่ไหน เพราะเป็นงานหินอีกชิ้นที่ต้องฝ่าไปนับจากนี้ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น