วันนี้ (27 เม.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขียนความเห็นเกี่ยวกับ CPTPP ในเฟซบุ๊กส่วนตัววันนี้ ในฐานะที่เคยทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับเอฟทีเอ (FTA) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเคยทำงานด้านการปฏิรูปประเทศสมัยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ขอแลกเปลี่ยนมุมมองของตนด้วยร้อนใจ เกรงว่าจะเกิดการเดินหลงทางผิดทิศและผิดเวลา
“สำหรับผมคิดว่า ประเทศไทยยังไม่ควรพิจารณาการเข้าร่วมกลุ่ม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” หรือ Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership (CPTPP) ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างหลายภาคส่วน และขณะนี้วิกฤตโควิด-19 ลามไปทั่วโลกจึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะพิจารณาในเรื่องนี้ จึงฝากข้อคิดอย่างน้อย 6 ประการให้พิจารณา
1. วิกฤตโควิด-19 เปลี่ยนโลก ประเทศไทยยังไม่ควรทำความตกลง FTA ใดๆ เพิ่มเติมรวมทั้ง CPTPPเพราะระบบการค้า การบริการและการลงทุนของโลกจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่ภายหลังวิกฤติโควิด19 จึงไม่ควรเร่งรีบพิจารณาในขณะที่สถานการณ์ยังไม่นิ่ง
2. ปฏิรูประบบเศรษฐกิจประเทศ ประเทศไทยในวันข้างหน้าต้องลดการพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนจากต่างชาติยืนบนขาตัวเองมากขึ้น โดยปรับลดสัดส่วนการพึ่งพารายได้จากการส่งออกจาก 70% เป็น 50% ของ GDP ซึ่งเป็นเป้าหมายการปฏิรูประบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การคิดใช้ซูเปอร์ FTA ในการขยายการส่งออกและการลงทุนโดยพึ่งพาต่างประเทศมากขึ้นจึงเป็นการเดินหลงทางผิดทิศหรือไม่ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงต้องยึดเป้าหมายยึดหลักให้มั่นคงการปฏิรูปจึงจะเกิดขึ้นจริง
3. ศึกษารอบด้านหรือยัง CPTPP เป็นรูปแบบซูเปอร์ FTA ที่ต้องเปิดเสรีเพิ่มขึ้นกว่าทุก FTA ที่ประเทศของเราเคยทำทั้งภาคการค้า การบริการและการลงทุน การศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านในระดับประเทศเป็นเรื่องที่ต้องทำก่อนการตัดสินใจสุดท้าย
4. ผลกระทบเมล็ดพันธุ์และยา ข้อกังวลประเด็นยาและเมล็ดพันธุ์ใหม่รวมทั้ง GMO เป็นประเด็นกระทบคนยากจนและเกษตรกรรวมทั้งผู้บริโภคจึงควรให้น้ำหนักในการเปิดกว้างรับฟังและวิเคราะห์ผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาวตลอดจนการป้องกันการผูกขาดของบริษัทขายเมล็ดพันธุ์ทั้งบริษัทในประเทศไทยและในต่างประเทศ
5. ศึกษา UPOV ตกผลึกแล้วหรือ? การวิเคราะห์เชิงโอกาสและปัญหากรณี UPOV ยังไม่สมบูรณ์และเป็นประเด็นสำคัญต่ออนาคตของไทยในฐานะประเทศผู้เป็นแหล่งผลิตเกษตรและอาหารของโลก (UPOV-The International Union for the Protection of New Varieties of Plants อนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่)
6. CPTPP เป็นทางเลือกสุดท้ายหรือ?การประเมินความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้จากการเข้าร่วม CPTPP หลังจากอเมริกาถอนตัว CPTPP มีสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก เปรู ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และเวียดนาม ในจำนวนนี้ 9 ประเทศทำ FTA กับประเทศไทยอยู่แล้ว เราสามารถเจรจาขยับขยายความร่วมมือภาคการค้า การบริการและการลงทุนใน FTAเดิมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหรือไม่