ประธานกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท มารดา “เสี่ยเอก ธนาธร” ยันไม่ได้รับจดหมายจากนายกฯ ส่ง 20 มหาเศรษฐีไทย ลั่นถ้าเชิญมาก็จะไป โอดแจกเงินช่วนคนจน 2 พัน ถูกวิจารณ์ซื้อเสียงล่วงหน้า ทั้งที่ไปครั้งแรกในชีวิต ตัดใจอีก 2 ชุมชน ไม่แจกแล้ว เอาเงินไปให้แพทย์-พยาบาลแทน อีกด้านสงสารลูกเล่นการเมือง โวอุดมการณ์เพื่อสังคม แต่โดนคดีติดตัวเพียบ
วันนี้ (26 เม.ย.) นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ของไทย ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์บีบีซีไทย ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุถึงผลกระทบบริษัทฯ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า บริษัทฯ ได้รับความลำบาก เพราะธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ต้องผลิตส่งให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายใดรายหนึ่ง มีต้นทุนที่สูง เมื่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หยุดการผลิต ระยะหลังคำสั่งซื้อสินค้าลดลง
นอกจากนี้ แต่ละประเทศก็พยายามสร้างฐานการผลิตของตัวเอง ทำให้บริษัทฯ ต้องลดค่าใช้จ่ายควบคู่กับวางแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจใหม่ในภาวะวิกฤต เช่น การสับเปลี่ยนเวลาทำงาน การให้พนักงานหยุดมากขึ้น แล้วจ่ายเงินให้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งวิกฤตครั้งนี้แตกต่างจากการลดค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง กระทบเฉพาะในประเทศ แต่รอบนี้ลำบากกันทั้งโลก คาดว่า วิกฤตครั้งนี้ลำบากยาวนานไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือปี 2564 จึงจะเข้าที่เข้าทาง
ขณะเดียวกัน นางสมพร ปฏิเสธกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐีของไทย เพื่อขอให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ทำโครงการช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน หลังจากที่มีชื่อนางสมพรปรากฏในโผ 1 ใน 20 มหาเศรษฐีของสื่อบางสำนัก
“บางคน พรรคพวกเพื่อนฝูงยังคุยกันถามว่า เฮ้ย ถ้าจดหมายมา คุณจะทำตัวยังไง เราก็อ้าว ถ้าท่านนายกฯ เชิญมา เราก็ไปสิ ส่วนการแสดงความคิดเห็นอะไร เราก็ดูตามเหตุการณ์ สุดท้าย สองวันนี้ ก็พยายามตามข่าวว่าเรามีจดหมายมาไหม หรือเขาเชิญมาทางเน็ต ทางสายอะไรไหม ก็พยายามบอกเลขาฯ ทุกคนให้ช่วยกันเช็ก ของเราไม่มี แล้วก็ไม่มีชื่อ ก็เลยรอดตัวไป (หัวเราะ)” นางสมพร ระบุ
นางสมพร ยังปฏิเสธกรณีที่แจกเงินสดครัวเรือนละ 2,000 บาท และข้าวสาร 5 กิโลกรัม รวมมูลค่านับล้านบาท แก่ชาวชุมชนวัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ในฐานะประธานมูลนิธิไทยซัมมิทพัฒนา ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการหาเสียงล่วงหน้าให้กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อมีคนพูดว่าไปหาเสียงเตรียมให้ลูกนั้นคิดได้อย่างไร เพราะตนไปที่ตรงนั้นครั้งแรกในชีวิต
“พอทราบข่าวว่ามาพูดถึงเราในทางลบ เรารู้สึกฟีลแบดมาก (รู้สึกแย่มาก) ทีแรกก็น้อยใจและโมโหด้วย แต่ได้คุยกับผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ก็บอกว่าไปถือสาเขาทำไม แต่เท่าที่ชั่งน้ำหนักดู ประเมินแล้วผลตอบรับเป็นบวกมากกว่าลบ บวกเสีย 95% ส่วนอีก 5% เป็นลบ ก็อย่าไปถือสาเขา ทำใจดีกว่า” นางสมพร ระบุ
สำหรับการแจกเงินในคราวนั้น ได้มอบนโยบายไปว่าต้องการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เพราะโรงงานอยู่ในจังหวัดนี้ ส่วนสถานที่แจกเงินและสิ่งของ ที่ปรึกษาซึ่งทำงานภาคราชการเป็นผู้จัดหามา โดยประสานกับผู้ใหญ่บ้านในชุมชน ตนรู้สึกชื่นใจที่ได้ไปเห็นคนยากจนกับตา เห็นคนที่ขาดเงินจริงๆ ได้ให้กับมือ ได้ฟังสิ่งที่พูดกับหู บางคนไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ พอได้เงินไปก็ช่วยให้อยู่ได้อีกระยะหนึ่ง เช่นเดียวกับป้าอีกคนบอกว่าเหลือเงินในกระเป๋าแค่ 5 บาท
อย่างไรก็ตาม นางสมพร กล่าวว่า เดิมตั้งใจใช้เงินของมูลนิธิไทยซัมมิทพัฒนา ราว 3 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีแผนไปแจกเงิน 3 ชุมชน ชุมชนละ 1 ล้านบาท แต่เมื่อถูกวิจารณ์ว่าซื้อเสียง ทำให้ต้องยกเลิกการแจกเงินที่เหลืออีก 2 ชุมชน แล้วเปลี่ยนเป็นการนำเงินล้านที่เหลือไปบริจาคเพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุขที่มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี เมื่อวันที่ 24 เม.ย. โดยมี น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวคนโตไปด้วย
นางสมพร ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พยายามวางตัวค่อนข้างเงียบ เพราะไม่ต้องการโอ้อวด โดยเฉพาะเมื่อนายธนาธรก้าวเข้าสู่การเมือง ยิ่งต้องเพิ่มระยะห่างทางบทบาทของตน กับบุตรชายคนรอง แม้จะทำเรื่องดีก็ทำยาก ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะให้ชุมชนใหญ่เข้าใจ ก็เลยคิดว่าอยู่ของเราเงียบๆ ดีกว่า
“ลูกไปเล่นการเมืองตรงนั้น จริงๆ ฉันไม่ชอบอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เขามีอุดมการณ์ตรงนั้น เขาไปเล่นการเมือง เราก็ต้องปล่อยเขา เราไม่พยายามไปยุ่งเกี่ยว พยายามเคลียร์คัต (ตัดขาด) กับเขา 2 ปีที่ผ่านมา ดูจากอุดมการณ์และวัตถุประสงค์ ฉันคิดว่าธนาธรพยายามให้สิ่งดีๆ กับสังคม พอพยายามจะทำ โอ้โห ... คดีอะไรต่างๆ เข้ามาที่ตัวแกเยอะเหลือเกิน เห็นแล้วก็น่าสงสาร” นางสมพร กล่าว
อ่านข่าว “โควิด-19 กับธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ไทย มุมมอง สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และเส้นทางการเมืองธนาธร ในเว็บไซต์บีบีซีไทย”