ปธ.ผู้ตรวจฯ ประชุม 4 หน่วยงาน หลัง ปชช.ร้องไม่ได้รับเงินเยียวยา 5 พัน จี้ คลัง-มท. เพิ่มมาตรการเชิงรุก เร่งทบทวนสิทธิ์จ่ายเงินคนตกหล่น พร้อมแนะ เยียวยาเกษตรกรเป็นรายบุคคล ในอัตราเดียวกันเพื่อความเท่าเทียม
วันนี้ (24 เม.ย.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมหารือกับผู้แทน กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหากรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท จากโครงการเราไม่ทิ้งกันของรัฐบาล เหตุระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) คัดกรองคลาดเคลื่อน บางอาชีพที่ได้รับผลกระทบยังตกสำรวจว่า จากการหารือพบว่า ฐานข้อมูลเบื้องต้นที่นำไปใช้ประมวลผลคัดกรองว่าบุคคลใดมีสิทธิ์ หรือไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยามาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กรมบัญชีกลาง และ สำนักงานประกันสังคม ซึ่งขั้นตอนการลงทะเบียนจะต้องลงทะเบียนด้วยตนเอง หากไม่สามารถดำเนินการได้อาจให้บุคคลใกล้ชิด ผู้นำชุมชนช่วยจัดการให้ได้
ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการทบทวนสิทธิ์ของผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ร่วมมือกับคลังจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานในการดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์ของประชาชนในพื้นที่ โดยจัดตั้ง “ทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ระดับอำเภอ” จำนวนกว่าล้านคนทั่วประเทศ เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นรายบุคคลตามที่ยื่นทบทวนสิทธ์ และรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้านผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อกำกับดูแลในภาพรวมถึงผู้ที่ได้รับสิทธิ์ไปแล้ว และวางแผนแนวทางแก้ไขเยียวยาให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์คนอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่า เร็วๆ นี้ รัฐบาลน่าจะดำเนินการผ่อนผันให้ธุรกิจบางสาขาสามารถเปิดกิจการได้ แต่ต้องเข้มงวดในการรักษาระยะห่างทางสังคมด้วย ส่วนการเยียวยาเงินช่วยเหลือ ขอให้รัฐบาลกระจายไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อยทุกสาขาอาชีพให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น ทุกจังหวัด ทั้งคนที่อยู่ในเมืองและในชนบท โดยจากการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินจึงข้อเสนอแนะว่า ในขั้นตอนการทบทวนสิทธิ์ รวมไปถึงขั้นตอนที่รัฐได้จ่ายเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรแล้ว ขอให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เร่งเพิ่มมาตรการเชิงรุกในการช่วยเหลือประชาชนที่ตกหล่นจากการได้รับเงินเยียวยา โดยให้เข้าถึงการช่วยเหลือของรัฐโดยเร่งด่วน ส่วนกรณีการให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรควรที่จะให้เป็นรายบุคคล ไม่ใช่ให้เป็นรายครัวเรือน และจำนวนเงินควรมีความเท่าเทียมกับผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท เพื่อเป็นการขจัดความเหลื่อมล้ำของประชาชน รวมทั้งสิทธิ์ในการได้รับการเยียวยาต้องไม่ซ้ำซ้อนกันด้วย