xs
xsm
sm
md
lg

มุ่งเป้าตลาดมุสลิม 1.9 พันล้านคน! “อลงกรณ์” นำประชุมคณะทำงานส่งเสริมผลิตผลเกษตรมาตรฐานฮาลาลนัดแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อลงกรณ์ พลบุตร” นำประชุมคณะทำงานส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล นำเสนอวิสัยทัศน์ Muslim-Halal Economy ชี้ตลาดมหึมากว่า 1,900 ล้านคน ทั้งในตะวันออกกลาง เอเชียกลาง และเพื่อนบ้านอาเซียน ขณะที่ไทยยังส่งออกอาหารฮาลาลน้อยมาก

วานนี้ (23 เม.ย.) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงนามแต่งตั้งคณะทำงานส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” โดยรวบรวมตัวแทนทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องด้านการผลิต-การแปรรูป-โลจิสติกส์-การส่งออก สินค้าฮาลาล ทั้งฝ่ายรัฐและเอกชน อาธิ ตัวแทนจากกรมต่างๆ จากกระทรวงเกษตรฯ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร ศอ.บต. สภาพัฒน์ กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรมฯ กระทรวงการต่างประเทศ บีโอไอ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สมาคมการค้านักธุรกิจการค้าไทยมุสลิม หอการค้าไทย สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ร่วมเป็นคณะทำงาน โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ในฐานะที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ เป็นประธานคณะทำงาน


นายอลงกรณ์ ประธานที่ประชุมได้นำเสนอวิสัยทัศน์ Muslim Economy และ Halal Economy กล่าวว่า “อุตสาหกรรมฮาลาลมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง และถือว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าอาหารและเกษตรอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองก็แค่จีน เป็นอันดับ 12 ของโลก แต่เรายังส่งออกอาหารฮาลาลน้อยมาก ในขณะที่ตลาดมุสลิมเป็นตลาดขนาดใหญ่ของโลก หากเราสามารถส่งเสริมทั้งด้านการวิจัย การรับรองมาตรฐานการผลิต การลงทุน การเปิดตลาดส่งออกและโลจิสติก จะเป็นความหวังที่สำคัญของไทย นอกจากนั้น ฮาลาลมิใช่แค่อาหาร ยังรวมไปถึงคลัสเตอร์อื่นๆ เช่น การผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์ต่างๆ และบริการ”

ทางสมาคมการค้าและนักธุรกิจมุสลิมได้นำเสนอที่ประชุมถึงขนาดของ Global Halal Economy ว่ามีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างด้านอาหารฮาลาล เติบโตจากมูลค่า 1,245 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 โดยคาดการณ์จะมีมูลค่า 1,930 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 ส่วนขนาดของตลาดมุสลิม คาดการณ์ว่าจะโตจาก มูลค่า 2,006 ล้านดอลลาร์ ในปี 2559 เป็น 3,081 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 ด้วยอัตราการเติบโต 7.33%

หากพิจารณาการกระจายตัวของประชากรมุสลิมจากทั้งหมด 1960 ล้านคนในปี 2563 จะอยู่ในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก 61.7% กลุ่มตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ 19.8% อเมริกาใต้ 15.5% ยุโรป 2.7% อเมริกาเหนือและใต้ รวม 0.3%

ที่ประชุมได้วิเคราะห์โอกาสในการเปิดตลาด โดยเจาะจงประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพในการนำเข้าสำคัญที่น่าสนใจ โดยไล่เรียงจากกลุ่มประเทศ Gulf Cooperation Council (GCC) Countries มีประชากรมุสลิม 54 ล้านคน ได้แก่ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง ก่อนขยายไปยังประเทศอื่นๆ ภูมิภาคเอเชียกลางซึ่งมีประชากร 100 ล้านคนนั้น มีประเทศอุซเบกิสถานเป็นประเทศแรกเพื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศอื่นๆ อีก 5 ชาติ ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียนมีประชากรมุสลิม 240 ล้านคนนั้นเป็นตลาดที่สำคัญทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย

นอกจากการนำเสนอข้อมูลพื้นฐานเพื่อวิเคราะห์โอกาสในการเปิดตลาดแล้ว ที่ประชุมได้กำหนดวิสัยทัศน์การทำงานและการกำหนดโครงสร้างการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการเฉพาะกิจที่จำเป็น ได้แก่ คณะกำหนดนโยบาย คณะส่งเสริมการลงทุน และคณะส่งเสริมการค้า เป็นต้น

“เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เราจะจัดประชุมทุกสัปดาห์ และหากท่านใดมีข้อเสนอแนะก็สามารถดำเนินการขับเคลื่อนและดำเนินการได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอการประชุม” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น