“ดร.นิว” เหน็บทันควัน “ปิยบุตร กับ ทรัมป์เป็นอะไรกัน?” หลังม็อบ “อเมริกันชน” เรียกร้อง “เสรีภาพ” อย่างไม่กลัวตาย ท่ามกลาง “โควิด-19” ยังระบาดหนัก “อดีตคอลัมนิสต์ ดิฉัน” แฉผู้นำสหรัฐฯ เล่นการเมืองแบบเห็นแก่ตัว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 เม.ย. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas สหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า
“ปิยบุตรกับทรัมป์เขาเป็นอะไรกันนะ”
พร้อม “#ซ้ายตกขอบไทยกับขวาเพี้ยนอเมริกัน”
นอกจากนี้ ยังนำโพสต์ของ สถาพร เกื้อสกุล
มาประกอบด้วย หัวข้อ “อเมริกันชน ไม่กลัวตาย ประท้วงล็อกดาวน์ อ้างลิดรอนสิทธิเสรีภาพ”
โดยเนื้อหาระบุว่า “ชาวอเมริกันยังคงออกมาชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สำหรับการประท้วงในสหรัฐฯ ครั้งนี้เกิดจากการสนับสนุนของกลุ่มเสรีนิยม โดยพวกเขาเรียกการประท้วงครั้งนี้ว่า ปฏิบัติการชะงักงัน (Operation Gridlock)
การประท้วงเกิดขึ้นในหลายเมือง ไม่ว่าเป็นที่เดนเวอร์ เมืองเอกของรัฐโคโลราโด เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา, รัฐมอนทานา หรือแม้แต่ที่ รัฐวอชิงตัน ในขณะที่ รัฐแมรีแลนด์ มีประชาชนออกมารวมตัวปิดถนนในเมืองแอนนาโพลิส
ด้านประชาชนส่วนหนึ่งของรัฐอิลลินอยส์ ก็ออกมาชุมนุมกันที่หน้าผู้ว่าการรัฐ ขณะที่ในเมืองออสติน ของรัฐเทกซัส ก็มีการประท้วงเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีรายงานข่าวว่า รัฐยูทาห์ และ นิวยอร์ก ก็เกิดการประท้วง
การประท้วงครั้งนี้เกิดจากคนอเมริกันจำนวนหนึ่งไม่พอใจมาตรการล็อกดาวน์ ที่ทำให้พวกเขาต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขามองว่า การใช้กฎหมายบังคับให้คนอยู่ในแต่บ้าน เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของพวกเขา และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นได้รับผลกระทบ โดยที่พวกเขามีความเชื่อว่า ควรยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ปล่อยคนออกมาใช้ชีวิตและทำงาน เพื่อให้เศรษฐกิจไปต่อได้
ใครติดเชื้อก็รักษา รักษาไม่ได้ก็ตาย แต่คนหมู่มากจะค่อยๆ มีภูมิต้านทานขึ้นเอง
สอดคล้องกับทางด้านผู้นำสหรัฐฯ เมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีต 3 ข้อความติดๆ กัน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่า
“LIBERATE MINNESOTA!” ปลดปล่อยมินเนโซตา!
“LIBERATE MICHIGAN!” ปลดปล่อยมิชิแกน!
“LIBERATE VIRGINIA” ปลดปล่อยเวอร์จิเนีย
จนกลายเป็นตัวกระตุ้นให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาบนถนนเพื่อประท้วงให้มีการปลดล็อกคำสั่งการอยู่กับบ้าน
การประท้วงครั้งนี้ ถ้าดูตามสื่อต่างประเทศที่รายงานข่าว พบว่า กลุ่มผู้ประท้วงแทบไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัย และไม่มีการทำ Social Distancing แถมยังพาเด็กๆ มาร่วมประท้วงด้วย นอกจากนั้น ในรายงานข่าวบางรัฐผู้ประท้วงยังได้พกพาอาวุธปืนมาด้วย
ถ้าดูยอดผู้ติดเชื้อตามเวลาประเทศไทย 07.00 น.ของวันที่ 20 เมษายน 2563 พบว่า สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 764,053 คน และ เสียชีวิตแล้ว 40,532 คน
(ความเห็นผู้เขียน : สถาพร เกื้อสกุล)
สิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ตอนนี้เห็นได้ว่า นี่เป็นความล้มเหลวของประชาชนคนสหรัฐฯ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่ออกมาประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ โดยอ้างเรื่องเสรีภาพ อ้างเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้เข้าใจบริบทของสังคมอย่างแท้จริง ไม่ได้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ ไม่ได้มีการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ คิดเพียงแต่ว่าตัวเองมีเสรีภาพ จะทำอะไรก็ได้ ไม่ได้สนใจว่า ส่วนรวมจะเป็นอย่างไร โลกจะเป็นอย่างไร ประเทศจะเป็นอย่างไร เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ... นี่คือ ความล้มเหลวของประชาธิปไตย แบบตะวันตก ... ที่นำมาอ้างกันจนไม่รู้กาลเทศะ
และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ภาวะความเป็น “ผู้นำ” ของ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนล้มเหลวด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้ามาฟังจากคนที่คลุกคลีกับการเมืองสหรัฐฯมานาน อย่าง นายกิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร “ดิฉัน” “พลอยแกมเพชร” ซึ่งอาศัยในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Kiccha Buranond หัวข้อ “ยุให้รำ ตำให้รั่ว” ยิ่งเห็นได้ชัด
เขาระบุว่า “ผมอยู่อเมริกามา 54 ปี ผ่านอะไรต่อมิอะไรที่อเมริกาผ่านกันไปตลอดระยะเวลานั้น อันรวมทั้ง impeachment หรือมีข้อหาเพื่อปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งถึงสามคน(ในสี่)
ทั้ง ริชาร์ด นิกสัน บิล คลินตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์
...ทั้งสงครามเวียดนาม และ อิรัก เหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด หรือ 9/11 บรรดาพายุมหาศาลระบบรื้อถอนหลังคาบ้าน หรือไฟไหม้ป่าลามปามทีละสามเดือน ไม่นับการกราดปืนกลยิงคนยิงเด็กตายเป็นระนาว ซึ่งเสมือนมีเกิดขึ้นทุกสองสามเดือน
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามที แต่ในอดีต เมื่อใดที่อเมริกามาถึงจุดวิบัติหนึ่งใด นักการเมืองของทั้งสองพรรคก็จะสมานรวมตัวกันทันที
คือ ทิ้งเรื่องที่กำลังทะเลาะเบาะแว้งกันทางการเมือง แล้วช่วยประชาชนกันทันที เพราะความสุข/สงบ และความปลอดภัยของประชาชนในสถานการณ์นั้นๆ จะต้องเป็นหลักที่ตั้งตรงแข็งแกร่งดั่งเสาหิน ไม่มีการเอียงซ้ายหรือขวา ในเมื่อหลักของการเป็นรัฐบาลของอเมริกันนั้น มีว่า government of the people, by the people, for the people หรือรัฐบาลไม่ว่าพรรคไหนเป็นของประชาชน เลือกโดยประชาชน และทำงานให้แก่ประชาชน ไม่ใช่แก่ตัวเอง หรือพรรคของตัวเอง
แต่ในขณะที่อเมริกากำลังประสบสถานการณ์วิกฤตด้วยโควิด-19 มีคนเจ็บและคนตายมากที่สุดในโลก แต่นายทรัมป์จะต้องเล่นการเมืองให้ได้ จะต้องยุให้รำตำให้รั่วให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หากรัฐไหนช่วยเลือกให้มันขึ้นเป็น ปธน. รัฐนั้นก็จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางมากที่สุด หากรัฐไหนไม่เลือกมันแล้วมีปากเสียงเถียงกับมันอีกต่างหาก ดั่ง นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย รัฐวอชิงตัน ฯลฯ มันก็จะกลั่นแกล้งแสร้งหาเรื่องต่างๆ นานา แล้วยุยงให้ประชาชนออกมาต่อต้าน ผิดถูกอย่างไรมันไม่สน ผลประโยชน์ของมันจะต้องมาก่อนอื่นใด
ทุเรศทุรังมากครับ กล่าวคือ ตลอด 54 ปีที่ ผมอยู่ที่นี่ ผมไม่เคยเห็นสถาบันประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาตกต่ำ หรือโสโครกถึงปานนี้
และอย่าลืม ...ว่า ทั้งหมดนี้ ก็เพราะเงิน เงิน เงิน
และความโง่อย่างเหลือเชื่อ ของคนอเมริกันที่คุณเห็นในภาพ ซึ่งเลือกนายทรัมป์ พากันออกมาต่อต้านอย่างอึงคนึง ...ตามคำยุของนายทรัมป์
อันเป็นเรื่องที่น่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่งครับ
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย อย่างที่ “ดร.นิว” อ้างถึง “ปิยบุตร กับ ทรัมป์ เขาเป็นอะไรกันนะ”
สิ่งที่เคยเกิดขึ้น ก็คือ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 63 นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล” ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ระบุตอนหนึ่ง หลังชี้ให้เห็นว่า การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินและเคอร์ฟิว เท่ากับเป็นการ “รัฐประหารโควิด” ว่า
“...ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจและตอนหนึ่ง กล่าวว่า “สุขภาพนำเสรีภาพ” ผมเห็นว่า ไม่จำเป็น เพราะ “สุขภาพ” สามารถเคียงคู่กับ “เสรีภาพ” ได้ ดังนั้น เราต้องไม่ปล่อยให้ “สุขภาพ” กลายเป็นข้ออ้างมาสร้างความชอบธรรมให้การบริหารราชการแผ่นดินที่ไร้ประสิทธิภาพ จนไม่รู้ว่าจะพาประเทศไปทางไหนในยามวิกฤตโควิดครั้งนี้...”
นอกจากนี้ ยังมี เฟซบุ๊ก M.l. Nattakorn Devakula หม่อมหลวง ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “ปลื้ม” พิธีกร และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ที่โพสต์เรียกร้องเสรีภาพในการใช้ชีวิตของประชาชนมาตลอด รวมทั้งเรียกร้องเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนทุกรูปแบบ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ทั้งนี้ ยังรวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้านด้วย ที่มีข้อเรียกร้องและความเห็นทำนองเดียวกัน
ดังนั้น จากโพสต์ของ ดร.นิว และอดีตคอลัมนิสต์ “ดิฉัน” ทำให้เห็นได้ชัดว่า คนที่จงใจจะเล่นการเมือง และเห็นแก่ตัว ไม่มีที่ไหนก็ไม่ต่างกัน มักมีเหตุ ข้ออ้าง ทฤษฎีต่างๆ นานา มาเรียกร้อง เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองจะเอาชนะทางการเมืองเสมอ และก็ไม่เลือกว่าเป็น ซ้ายตกขอบแค่ไหน หรือ ขวาแค่ไหนด้วย