xs
xsm
sm
md
lg

แฉแหลก! “ดร.นิว” ชี้ มี 3 ทีม “ป่วนวิกฤตชาติ” ซ้ำเติมโควิด-19 แนะ “ลุงตู่” สู้ไม่ถอย “ชีวิตประชาชนต้องมาก่อน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดร.นิว” วิเคราะห์ขาด มี 3 ทีม “ป่วนวิกฤตชาติ” ด่า “พวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” แนะ “ลุงตู่” สู้ต่อไป อย่าสนใจ เพราะถึงอย่างไรก็ถูกด่าอยู่แล้ว ยึด “ชีวิตประชาชนต้องมาก่อน” เป็นที่ตั้ง เชื่อความดีจะตอบแทนคนทำดีในที่สุด

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (7 เม.ย. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#ชีวิตของประชาชนต้องมาก่อน”

โดยระบุว่า “ลุงตู่ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะต้องคิดถึงชีวิตและความอยู่รอดปลอดภัยของประชาชนทั้งประเทศมาก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด

ที่สำคัญที่สุด ก็ดูเหมือนว่า สถานการณ์ในตอนนี้ น่าจะกำลังมาถูกทางอีกครั้งหนึ่ง เพราะยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของทั้งประเทศระหว่าง 6-7/4/63 เป็นจำนวน 51, 38 คน ตามลำดับ ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ก่อนหน้านี้

จึงไม่ต้องไปสนใจเสียงของพวกมือไม่พายแล้วเอาเท้าราน้ำ และขบวนการปั่นข่าวปลอมในโลกโซเชียล

ยังไงแล้วลุงก็ถูกด่าอยู่ดี เพราะการเมืองไทยทั้งล้าหลัง และสกปรกมานานแล้ว และลุงเองตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่ได้ปฏิรูปการเมือง หรือสร้างการเมืองใหม่ที่พลิกโฉมประเทศ และตอบโจทย์อนาคตของประเทศไทยเลยสักที

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนี้ แม้บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต และทุกองคาพยพของสังคมต่างควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมใจกันแก้ไขปัญหา แต่ทีมมือไม่พายแล้วเอาเท้าราน้ำ ก็ยังแบ่งขบวนป่วนวิกฤตชาติ และบั่นทอนการทำงานอย่างเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนออกเป็น 3 ทีม

ทีมแรก จะโจมตีเรื่องประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์ ถ้าควบคุมได้ไม่ดี มีความผิดพลาด มีการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้น มีคนตายเพิ่มขึ้น ทีมนี้ก็จะด่าทันที

ทีมที่สอง จะโจมตีเรื่องเสรีภาพ ถ้ามีการใช้มาตรการเข้มงวดและคุมสถานการณ์ได้เป็นผลดี ก็จะหาว่าควบคุมเกินกว่าเหตุ กล่าวหาว่ารัฐประหารโควิด ทีมนี้ก็จะด่าทันที

ทีมที่สาม ด่าทุกอย่างที่ขวางหน้า ด่าได้โดยไม่ต้องใช้สมอง หรือเหตุผลใดๆ ด่าได้โดยไม่สนใจความเป็นจริงของสถานการณ์ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกเลยสักนิดเดียว

เห็นไหมครับว่า ลุงต้องทำใจ แต่ไหนๆ ก็ต้องถูกด่าอยู่แล้ว ก็ขอให้เดินหน้าทำหน้าที่ของลุงให้ดีที่สุดเถอะ เอาชีวิตของประชาชนทั้งประเทศเป็นที่ตั้ง และนำพาประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ไปให้ได้

ภาพจากเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan
เพราะในที่สุดแล้ว ถ้าลุงสามารถควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้ ยังไงคนไทยทั้งประเทศก็จะเห็นเองในที่สุด

ขอให้ลุงระลึกไว้เถอะ “ความดีย่อมรักษาผู้กระทำความดี”

ดังพุทธภาษิตที่ว่า...
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ
“ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม”

#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ

วันนี้เช่นกัน ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตนเองพูดเรื่องรัฐประหารโควิด เสรีภาพกับสุขภาพสำคัญเท่ากัน แล้วถูกฝ่ายตรงข้ามเยาะเย้ย ว่า

ถ้าได้ฟังตนพูดทั้งหมดในรายการ Interregnum ผ่าน Podcasts ประมาณ 35 นาที จะเห็นได้ชัดว่า ตนไม่ได้ตำหนิติเตียนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใดๆ เลย มีแต่การวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมานั้น มีความบกพร่องจริงๆ เป็นการแก้ไขปัญหาในลักษณะวิ่งตามไปเรื่อยๆ ออกมาตรการแต่ละอย่างคิดได้แบบไม่ครบถ้วนทั้งระบบ พอออกมาตรการเรื่องหนึ่ง เกิดผลร้ายจากมาตรการนั้น ต้องไปตามแก้อีก แทนที่การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะสามารถทำให้รัฐบาลมีอำนาจมากขึ้นในการแก้ปัญหาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงกันข้ามทุกท่านเห็นแล้วว่าแม้จะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น

“ผมยืนยันว่า ในท้ายที่สุดแล้ว การแก้ปัญหาครั้งนี้ ถ้าหากเรามีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ผมคิดว่าถ้าคุณประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขนาดนี้แล้ว มันน่าจะแก้ไขได้ ตรงกันข้ามตอนนี้ทำไปทำมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศขึ้นไปมันอาจจะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดยืนยันว่าเอาใจช่วยรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาเรื่องวิกฤติโควิดให้ได้ เพราะเรื่องนี้มันหนักจริงๆ”...

ถ้าเปรียบเทียบทั้งสองความเห็น จะเห็นได้ชัดว่า ต่างกันราวฟ้ากับเหว โพสต์ “ดร.นิว” ค่อนข้างเชื่อมั่นว่า รัฐบาลแก้ปัญหามาถูกทาง เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด ติดอยู่ก็แต่ปัญหา “ป่วนวิกฤตชาติ” ที่วิเคราะห์ออกมาแล้ว มี 3 ทีมดังกล่าว ขบวนการป่วนวิกฤตชาติเหล่านี้นั่นเอง ที่กำลังเป็นปัญหาซ้ำเติมโควิด-19 อย่างเห็นได้ชัด จนอาจกลายเป็นภัยของสังคม มากกว่าภัยของรัฐบาลไปแล้ว

ส่วนความเห็นของ “ปิยบุตร” ไม่ต่างอะไรกับแผ่นเสียงตกร่อง เมื่อพูดถึงการบริหารของรัฐบาล “ลงตู่” ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม จนดูเหมือน ทำตัวเป็นนักการเมืองในทุกสถานการณ์ไปแล้ว ซึ่งแน่นอน คือ การเห็นแก่ประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองนั่นเอง แม้จะลงท้ายด้วยคำกล่าวเอาใจช่วยให้แก้ปัญหาผ่านพ้นไปได้ แต่ก็แค่ไม่ให้ถูกด่าว่าเอาแต่วิจารณ์รัฐบาลเท่านั้น?

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า สิ่งที่ “ดร.นิว” วิเคราะห์จะถูก หรือ ผิด แต่พฤติกรรม ก็ชวนให้คิดไปในทำนองนั้นได้เหมือนกัน เว้นเสียแต่ พวกเขาได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น จึงจะหยุดคำวิจารณ์ และด่าสาดเสียเทเสียลงได้ หรือว่าไม่จริง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น