“ดร.นิว” จวกยับ “ปิยบุตร” สมอง “NIM” คิดได้ “รัฐประหารโควิด” ด่าเป็นพวกซ้ายตกขอบ หมกมุ่นนองเลือด-ปฏิวัติ ขณะที่ “ปิยบุตร” แย้ง “ลุงตู่” เรื่อง “สุขภาพนำเสรีภาพ” ยัน “สุขภาพ-เสรีภาพ” ต้องไปพร้อมกัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 เม.ย.) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas สหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#ปิยบุตรสมอง NIM”
โดยระบุว่า “อยากถามปิยบุตรว่า นี่เขากำลังรัฐประหารโควิดกันทั่วโลกแล้วใช่หรือไม่?
ปิยบุตรเนี่ย ต้องสมอง “NIM” แค่ไหนถึงสามารถคิดได้แบบนี้?
ขณะที่ชาวโลกจำนวนกว่า 3.9 พันล้านคน หรือกว่าครึ่งโลก กำลังเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อต่อสู้กับโควิด-19
เพราะประเทศกว่า 90 ประเทศทั่วโลกต่างก็ได้งัดยุทธิวิธีต่างๆ ออกมาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปกป้องชีวิตของประชาชนตามความเหมาะสมของสถานการณ์ด้วยกันทั้งนั้น
แถมมีหลากหลายประเทศทั่วโลกที่ได้งัดมาตรการที่เข้มข้นยิ่งกว่าประเทศไทยออกมาใช้ตามความหนักหนาสาหัสของสถานการณ์เสียด้วยซ้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทั่วทั้งทวีปยุโรปและอเมริกา
ถ้าปิยบุตรไม่มีปัญญาช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาก็ควรอยู่เฉยๆ
แต่นี่ปิยบุตรกลับมือไม่พายแล้วเอาเท้าราน้ำอยู่ตลอดเวลา
พฤติกรรมของปิยบุตรทั้งหมด มันแสดงออกถึงความหมกมุ่นและฝักใฝ่การนองเลือดเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติสาธารณรัฐเพื่อสนองตัณหาของตัวปิยบุตรเอง โดยหลอกใช้มวลชนที่โง่เขลาเบาปัญญาออกมาตายแทนตัวปิยบุตรเอง ใช่หรือไม่? #รู้ทันแผนการใต้ดินอันสกปรกและชั่วร้ายของลัทธิวิปริตซ้ายตกขอบทางการเมือง
สามารถสังเกตได้จากการที่ปิยบุตรชอบนำแนวคิดทางการเมืองของพวกหัวรุนแรงแบบซ้ายตกขอบในประวัติศาสตร์มานำเสนออยู่บ่อยๆ #ปิยบุตรสมองNIMซ้ายตกขอบ
ดังนั้น พฤติกรรมของปิยบุตรจึงส่อให้เห็นถึงความฝักใฝ่ต่อความรุนแรงและสงครามกลางเมืองตามแบบอย่างของการปฏิวัติฝรั่งเศสที่มีคนตายหลายแสนคน (ปิยบุตรยกย่อง...แซ็ง-ฌุสต์) หรือการปฏิวัติรัสเซียที่มีคนตายหลายล้านคน (ปิยบุตรยกย่อง...ทรอตสกี)
#อย่าทำตัวเป็นคนหนักแผ่นดินเลยนะปิยบุตร
Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล
Piyabutr Saengkanokkul
พฤติกรรมของปิยบุตรในขณะนี้ที่ชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและอยู่ท่ามวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คงจะตอบคำถามได้เป็นอย่างดีว่า...
ปิยบุตรเคยเห็นหัวมวลชนตาดำๆที่โฉดเขลาจนหลงเชื่อคนอย่างปิยบุตรบ้างหรือไม่ หรือว่าปิยบุตรเห็นแก่ตัวและหมกมุ่นอยู่กับลัทธิประชาธิปไตยจอมปลอมที่ตัวเองบิดเบือนขึ้นมา?
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ
อ้างอิง...
https://www.dailymail.co.uk/…/3-9-billion-people-currently-…
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ [ INTERREGNUM - Special Episode อินเทอร์เรคนุม ตอนพิเศษ ว่าด้วยเรื่อง “รัฐประหารโควิด” หรือ “Covid Coup d’état” และการรวมศูนย์อำนาจที่แตกเป็นส่วนๆ หรือ “Fragmented Centralization” ]
โดยระบุว่า “สภาวะยกเว้น” ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่าอะไร (สถานการณ์ฉุกเฉิน, กฎอัยการศึก, กฎหมายฉุกเฉิน, ฯลฯ) จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีองค์ประกอบร่วมกันอยู่ 3 ประการ คือ 1. เกิดวิกฤตการณ์ 2. นำมาซึ่งการออกกฎเกณฑ์มาตรการที่มักจะให้อำนาจพิเศษแก่ผู้ปกครอง 3. เป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของรัฐ
ในประเทศไทยเองล่าสุดมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีเคอร์ฟิว รวมกับมาตรการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามบิน การบังคับกักตัวผู้เดินทางเข้าไทย ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้อ้างว่ามาจากการรักษาสุขภาพของประชาชนให้พ้นภัยจากวิกฤตโควิด-19
ดังนั้น วันนี้ผมจะมาวิเคราะห์การใช้อำนาจดังกล่าวต่อมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทยด้วยมุมมองของทฤษฎีความคิดที่ว่าด้วย “สภาวะยกเว้น” หรือ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” รวมถึงเหตุผลว่าทำไมผมจึงคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้คือ “รัฐประหารโควิด” และ “การรวมศูนย์อำนาจที่แตกเป็นส่วนๆ” มาให้ทุกคนได้ร่วมฟังร่วมคิดกัน
ผมอยากฝากไปถึงทุกท่านว่า ผมเข้าใจสถานการณ์และเห็นใจผู้ปฏิบัติหน้าที่หน้างานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ความมั่นคง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ฯลฯ รวมทั้งรัฐบาลด้วย
แต่การเข้าอกเข้าใจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ร่วมกันฉุกคิดวิเคราะห์ หรือท้วงติงใดๆ ปล่อยให้ผู้ปกครองกระทำการโดยไร้ทิศทางและวิธีการที่ดีในการบริหารประเทศช่วงสถานการณ์วิกฤตเลยก็จะเป็นเรื่องที่แย่ไปอีกเหมือนกัน จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันและร่วมกันคิด วิเคราะห์ ท้วงติงหรือเสนอแนะกันได้อย่างเต็มที่
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจและตอนหนึ่งกล่าวว่า “สุขภาพนำเสรีภาพ” ผมเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะ “สุขภาพ” สามารถเคียงคู่กับ “เสรีภาพ” ได้ ดังนั้น เราต้องไม่ปล่อยให้ “สุขภาพ” กลายเป็นข้ออ้างมาสร้างความชอบธรรมให้การบริหารราชการแผ่นดินที่ไร้ประสิทธิภาพจนไม่รู้ว่าจะพาประเทศไปทางไหนในยามวิกฤตโควิดครั้งนี้
สุดท้าย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องประชาชนคนไทยจะร่วมมือกันและร่วมมือกับทางการ เพื่อฟันฝ่าอุปสรรควิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกันครับ
#Covid19 #โควิด19 #pokcast #interregnum”
ทั้งสองโพสต์สะท้อนให้เห็นว่า มีคนบางส่วนพร้อมสนับสนุนรัฐบาล และมีคนอีกบางส่วนยังแค้นเคืองรัฐบาล โดยเฉพาะต่อตัว “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไม่เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถการบริหารประเทศ คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือนักการเมืองที่แพ้ภัยตัวเอง และสาวกนั่นเอง
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการในเวลานี้คือ ยุติเล่นเกมการเมืองชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นการโหนกระแส หรือตีกินจากกระแสโควิด-19 ที่กลายเป็นมรสุมถล่มรัฐบาล แล้วหันมาร่วมมือกันต่อสู้กับโควิด-19 ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ เท่าที่มีความรู้ความสามารถ และการรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ทำตัวเป็นภาระและพาหะนำโรค ด้วยการใช้เสรีภาพในชีวิตประจำวัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือทำตัวเป็นแบบอย่างทางความคิด ที่เห็นเสรีภาพดีกว่าชีวิต เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้าเราห่วงสังคม ความคิดและวิธีปฏิบัติจะต้องสอดคล้องกัน มิใช่คิดอย่าง เชื่ออย่าง แต่ทำอีกอย่าง เหมือนใครบางคน!!!