ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อนุกรรมาธิการติดตามการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข วุฒิสภา
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อนุกรรมาธิการติดตามการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข วุฒิสภา
แล้วสิ่งที่ผมคาดไว้ก็เกิดขึ้นอย่างที่คิดไว้ทุกประการ ผมมั่นใจมากกว่าคนไทย ไร้วินัย มีคุณภาพต่ำ หากจะต้องต่อสู้กับมหาสงครามโควิด-19 ที่ต้องทำให้ทุกคนเชื่อฟัง มีระเบียบวินัย ไม่ทำอะไรตามใจจนเกิดการระบาดใหญ่ลุกลามจนเกินกำลังและศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย ต้องใช้ปืนเท่านั้น
ข่าวนี้ ทุกคนคงได้อ่านกันด้วยความหัวเสีย เราพยายาม flattening the curve และพยายามเว้นระยะห่างทางสังคม ไปจนถึงยอมอยู่ภายใต้ curfew ด้วยความอดทน เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจกัน แต่คนไทยเลวๆ ไม่กี่คนทำให้ความพยายามของคนไทยนับล้านคน เกิดหายนะและความเสี่ยงขั้นสูงสุด สมควรประนามอย่างยิ่ง โปรดอ่าน ยุ่งแล้ว! กต.ฝืนคำสั่งปล่อยคนเข้าประเทศ ถึงสุวรรณภูมิก่อม็อบต้านกักตัว 3 คนไข้ฉวยหลบหนี “บิ๊กตู่” เรียกถกด่วนพรุ่งนี้
ทราบมาว่ามีการประกาศปิดสนามบินสามวันในทันที ห้ามเที่ยวบินทุกเที่ยวบนลงประเทศไทยก็จะบรรลัยไปมากกว่านี้ โปรดดูประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
ตามข่าวได้ทราบว่าพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมด่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังกระทรวงการต่างประเทศ ละเมิดคำสั่งให้คนเดินทางเข้าประเทศ แล้วไม่ยอมกักตัวในสถานที่ที่จัดไว้ให้ และมีรายงานว่าให้ติดตามคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศในชุดดังกล่าว กลับมาทั้งหมด
คำถามคือ ที่ไปสนามมวยลุมพินีวันนั้น ตามกลับมาได้หมดหรือไม่ แล้วทำให้โควิด-19 ระบาดไปทั่วไทยมากแค่ไหน นี่คือ Super spreader ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกับประเทศชาติและชีวิตประชาชนขนาดนี้ใครจะรับผิดชอบบ้าง
เหมา เจ๋อตุง เคยกล่าว อมตะวาจา เอาไว้ว่า เพราะอำนาจรัฐนั้นก็อยู่ที่ปลายกระบอกปืน ต้องใช้ยาแรงที่สุดเท่านั้น จึงจะป้องกันและช่วยชีวิตคนไทยไว้ได้ ผมสนับสนุนให้ประกาศกฎอัยการศึกมาตั้งแต่เริ่มต้นมีการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยค่อนข้างหนัก ซึ่งจุดเริ่มต้นคือสนามมวยลุมพินี ในสังกัดกรมสวัสดิการทหารบกที่ทำให้โควิด-19 ระบาดไปทั่วราชอาณาจักร งานต่อยมวยครั้งนั้นที่ทำให้เกิดโรคระบาดลุกลามจนคุมได้ยากมากนั้น เกิดจากความรับผิดชอบของกองทัพบก และกองทัพบกควรแสดงความรับผิดชอบเยี่ยงชายชาติทหารด้วยการประกาศกฎอัยการศึก ดังที่ได้เขียนไว้ในบทความ ประกาศกฎอัยการศึกสู้ศึกโควิด-19 ก่อน “คนไทย” จะตายมากกว่า “คนอิตาลี”
ผมต้องการให้ประกาศกฎอัยการศึก หาใช่ต้องการให้ออกมารัฐประหารแย่งชิงอำนาจขึ้นมาเป็นรัฐบาลแต่อย่างใด แต่ต้องการให้ประกาศกฎอัยการศึกเพื่อให้ต่อสู้กับสงครามมหาโรคระบาด ที่ต้องใช้อำนาจปืนกดหัวบังคับคนไทยคุณภาพต่ำ ไร้วินัย ไฝ่หาเสรีภาพ แต่ไม่ทำหน้าที่พลเมือง เพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่อยู่รอดปลอดภัยไม่เกิด pandemic จนเครื่องช่วยหายใจและแพทย์มีไม่เพียงพอ ทหารหรือกองทัพไทย ไม่ได้ใช้กฎอัยการศึกเพื่อทำรัฐประหารแต่อย่างเดียว แต่ใช้กฎอัยการศึกเพื่อต่อสู้กับสงคราม เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ต่อชีวิตของประชาชนก็ย่อมได้ กฎอัยการศึกจะทำให้ทหารมีอาวุธครบมือออกมาควบคุมประชาชนที่โง่เขลาเบาปัญญา ไร้จิตสำนึก ที่จะสร้างความเสียหายและเป็นยมทูตหยิบยื่นความตายให้กับคนทั้งชาติก็ย่อมทำได้ กฎอัยการศึก (Martial law) สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศในยามจำเป็นยิ่งยวดเช่นนี้ก็ย่อมได้ และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาและการต่อสู้สงครามมหาโรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่ทำเพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐกันแต่อย่างใด
เหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิที่คนไทยที่กลับจากต่างประเทศ มีสามคนที่มีไข้สูงมาก และอีกนับร้อยคนชุมนุมประท้วง ไม่ยอมไปกักตัว (Quarantine) กักกันโรคที่ฐานทัพเรือที่สัตหีบ แล้วชุมนุมกันต่อต้านรัฐบาล และเมื่อมีทหารยศพลตรีมาเจรจาแล้วปล่อยตัวกลับบ้านกันไปหมด สะท้อนความไม่ศักดิ์สิทธิ์ของการบังคับใช้กฎหมายพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ลองอ่านสเตตัสของผู้เข้าร่วมการชุมนุมและไม่ยอมให้ไปกักตัวกักกันโรคที่สัตหีบคนนี้ดูเถิดว่าต่ำช้าขนาดไหน กร่างขนาดไหน ไร้จิตสำนึกขนาดไหน เลวแค่ไหน ปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมาเต็มไปหมด
ผมขอย้ำว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิจะกลับมาตายบนแผ่นดินมารดร มีเสรีภาพในแผ่นดินมารดร รัฐบาลต้องรับคนไทยทุกคนกลับมาให้มาตายที่แผ่นดินเกิดได้ ถ้าเจ็บป่วยก็กลับมารักษาได้ และรัฐบาลก็ต้องช่วยดูแลรักษาด้วยตามสิทธิ์ของประชาชนที่เขามี แต่ในฐานะประชาชนก็ต้องเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศด้วย ดังนั้นการกลับมาแผ่นดินเกิดก็ต้องทำหน้าที่พลเมืองไทยที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยด้วย ไม่ใช่จะทำอะไรตามอำเภอใจ ต้องการแต่เสรีภาพจนเกินขอบเขต และสร้างความฉิบหายให้กับประเทศและทำร้ายคนอื่นจนถึงแก่ชีวิตโดยตรงด้วยการแพร่โรคระบาดอันยากที่จะควบคุมได้
ความต้องการเสรีภาพเกิดขอบเขต ไม่เคารพ ไม่ทำตามกฎหมายจะทำให้คนไทยตายเป็นเบือทั้งประเทศ ดีงามที่สุด ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ คนไทยคือยมฑูตต่างแดน นำความตายมาสู่คนไทยด้วยกัน
การที่จะกลับมาเมืองไทย แผ่นดินเกิด แผ่นดินแม่ นี้ จะมาปล่อยเชื้อโรคระบาดให้พ่อแม่ โคตรเหง้าเหล่ากอตัวเองตายก็ไม่เป็นไร แต่โคตรเหง้าเหล่ากอคนอื่น จะพลอยซวยตายไปด้วย ป่วยไปด้วย นี่คือสิ่งที่ถูกต้องและคนที่มีจิตสำนึกควรจะทำแล้วหรือ นี่คือสิ่งที่พลเมืองคุณภาพของประเทศควรทำเช่นนั้นหรือ
นี่ก็คือชุมนุมต่อต้านอำนาจรัฐกัน ทั้ง ๆ ที่มีการประกาศห้ามไว้อย่างเด็ดขาดภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย
ส่วนหนึ่งต้องนับว่าเป็นความบกพร่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ของข้าราชการและทหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ดังที่ ศ.ดร. นพนันท์ อรุณวงศ์ ณ อยุธยา ได้แสดงความเห็นบน Facebook โดยใช้ชื่อว่า Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya เอาไว้ว่า
กต. ฝ่าฝืนคำสั่งหรือ "ชะลอ" ไม่ทัน คงต้องรอนายกฯ พิจารณาพรุ่งนี้ แต่นายทหารยศพลตรีที่ปล่อยผู้โดยสารขาเข้าสนามบินสุวรรณภูมิให้ไปกักตัวที่บ้านทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทักท้วง และท้ายที่สุดขณะนี้ฝ่ายความมั่นต้องระดมเจ้าหน้าที่ติดตามผู้โดยสารทุกคนเพื่อนำตัวกลับไปกักกันในสถานที่กำหนดจนวุ่นวาย และทำให้ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นจนอาจควบคุมได้ยาก หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามนี้ พลตรีคนนั้นสมควรถูกพิจารณาโทษฐานผิดวินัยและขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงโดยไม่ละเว้น |
สำหรับตัวผมเอง ผมมีความเห็นว่า
ถ้าผมเป็นพลตรีคนนั้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผมจะสั่งการเอาอาวุธปืนครบมือ กำลังพลหนึ่งกองร้อย ไปควบคุมทุกคนไปที่สัตหีบ ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ ทำแบบนี้จะทำให้คนไทยตายกันเป็นเบือ
เอาทหารยศพลตรี ไม่มีอาวุธ อะไรไปเจรจากับคนไทยคุณภาพต่ำ ไม่มีประโยชน์ครับ
พลตรีมือเปล่า เท่ากับ ประชาชนมือเปล่า เจอประชาชนมือเปล่าร้อยตีนเข้าไป พลตรีก็ตายเปล่าครับ พลตรีก็กลัวตาย ไม่กล้าขัดขืนตีนหนึ่งร้อยตีน
อย่างน้อยก็ต้องเอาปืนมาสักสิบกระบอก พร้อมทหารสักสิบคน ควบคุมตัวไปสัตหีบ กักกันโรค เอาอยู่แน่นอน
แต่จะทำแบบที่ผมว่าได้ ต้องกฎอัยการศึกเท่านั้น
นี่เริ่มต้นอาทิตย์แรก พ.ร.ก. ฉุกเฉินก็เอาไม่อยู่แล้ว
ยาเบาไป ตามใจ เอาแต่ใจคือไทยแท้ ต้องยาแรงเท่านั้น ถึงเอาอยู่
เหตุการณ์คนไทยต่างแดนกลับมาแล้วไม่ยอมให้ไปกักตัวที่สัตหีบ
มีเหตุอันควรที่จะประกาศกฎอัยการศึกอย่างยิ่ง
เพราะอำนาจรัฐนั้นก็อยู่ที่ปลายกระบอกปืน
ไม่เชื่อฟังกัน ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำลายความพยายามของประชาชนทั้งประเทศในภาวะสงครามมหาโรคระบาดแบบนี้ เห็นทีต้องอัยการศึกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็จะตายกันเป็นเบือ
ข้อคิดจากเหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิคืนนี้
ประชาชนโง่และเห็นแก่ตัวจะทำพวกเราตายกันหมด