“เศรษฐพงค์” เชียร์ Startup ไทย พลิกวิกฤต “โควิด-19” เป็นโอกาส ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างธุรกิจ “Health tech” ดูแลสุขภาพคนไทยและช่วยประเทศในยามวิกฤตได้
วันนี้ (20 มี.ค.) พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ว่า ต้องยอมรับว่าการระบาดของโรคโควิดฯ ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนทั่วโลก รวมถึงประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบโดยตรงในด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการค้า บริษัทต่างๆ อาจมีการปลดพนักงาน ซึ่งบริษัทที่แข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดในสถานการณ์เช่นนี้ได้ หลายธุรกิจอาจต้องปิดตัวลงไป แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เราจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ ด้วยธุรกิจสตาร์ทอัพ (Start up) ประกอบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น 5G, Iot (Internet of things) รวมถึงแพลตฟอร์มการทำงานการเรียนออนไลน์ แพลตฟอร์มเทเลเมดิซีน (Telemedicine) ฯลฯ อีกมากมายที่จะเข้ามาช่วยสร้างธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ (Health Tech) ได้ทันที โดยไม่ต้องรอการสนับสนุนจากภาครัฐ เพียงแต่กล้าคิด ริเริ่ม ไม่มองข้ามโอกาสทุกคนก็สามารถทำสำเร็จได้
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่าง Sentinel Healthcare ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในรัฐซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาริเริ่มเทคโนโลยีด้านสุขภาพ และได้เปลี่ยนแผนการทำงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิดฯ เขาได้สร้างแอปพลิเคชัน Sentinel Fever Tracker ที่สามารถช่วยดูแลระบบสุขภาพ โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ และนายจ้างให้เห็นสถานะของผู้ที่เชื่อว่าจะได้รับเชื้อ ซึ่งผู้ใช้แอปฯ สามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตัวเอง ใช้ติดตามผู้ป่วยแต่ละราย ติดตามการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่สตาร์ทอัพด้าน Health Tech ของประเทศไทยจะต้องปรับตัวสร้างธุรกิจ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มารับมือกับการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างเหมาะสม ก็จะเป็นโอกาสที่จะสร้างชาติได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
“จากประสบการณ์ผมเห็นว่าธุรกิจสตาร์ทอัพมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีวิกฤตรูปแบบใหม่ จากคนที่กล้าคิด กล้าทำ ซึ่งปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาไปไกลและเร็วมาก เราสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดังๆ หรือสร้างแพลตฟอร์มขึ้นใหม่ให้กับธุรกิจของตัวเอง และช่วงวิกฤตนี้จึงเป็นโอกาสที่สตาร์ทอัพไทย จะได้แสดงความสามารถคว้าโอกาสที่ธุรกิจด้านสุขภาพ หรือ Health tech กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งนอกจากจะเกิดประโยชน์กับตัวเองในแง่การทำธุรกิจแล้ว ยังจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน เป็นการร่วมมือกันสร้างชาติ ในช่วงที่ประเทศต้องเจอกับวิกฤตไวรัสโควิดฯอีกทางหนึ่งด้วย” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว.