“สุชาติ” ชงรัฐบาลยกระดับ อสม.ร่วมฝ่าวิกฤต “โควิด-19” ส่งปูพรมคัดกรองกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ เบรกการแพร่ระบาดโดย Super Spreader ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสมรณะ ให้ ปชช.ตระหนักป้องกันตัวเองมากกว่าตื่นตระหนก ย้ำรัฐต้องชัดเจนตรวจเชื้อ “โควิด-19” ฟรี ตัดเงื่อนไขตรวจไม่พบ-จ่ายเองออก
นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อเสนอให้รัฐบาลเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อ และ Super Spreader เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 โดยเร็วว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขควรยกระดับการทำหน้าที่ของ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกลไกในการร่วมป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ทราบว่า อสม.เองก็ได้จัดทีมปฏิบัติการ อสม. เคาะประตูบ้าน ต้านโควิด-19 มาระยะหนึ่งแล้ว แต่สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว และมีภาวะสุ่มเสี่ยงการระบาดโดยผู้ติดเชื้อที่เป็น Super Spreader หรือผู้ติดเชื้อที่แพร่กระจายเชื้อในวงกว้างมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขก็จำเป็นต้องมีนโยบายให้ อสม.ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด หรือสาธารสุขในพื้นที่ ให้ทำงานเชิงรุกมากขึ้นด้วย ที่ถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนายกระดับ อสม.ให้เป็นหมอประจำบ้าน เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพของประชาชนและชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
รองประธานสภาฯคนที่ 1 กล่าวต่อว่า เพื่อให้ข้อเสนอที่ให้รัฐบาลประกาศนโยบายตรวจวินิจฉัยไวรัสโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่ผู้ที่อยู่ในภาวะกลุ่มเสี่ยงมีประสิทธิภาพและตรงเป้ามากที่สุด อสม.จะเป็นด่านหน้าในการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในพื้นที่ต่างๆ โดยมอบหมาย อสม.ที่มีความใกล้ชิดกับหมู่บ้านชุมชนลงพื้นที่สอบถามคัดกรองผู้ที่มีภาวะเสี่ยง ทั้งการใช้แบบสอบถามข้อมูล ไปจนถึงการใช้อุปกรณ์ตรวจอาการบ่งชี้เบื้องต้น ทั้ง ไข้ ไอ จาม น้ำมูก คอแดง หรือข้อแนะนำในการเฝ้าระวังอาการช่วง 14 วันหรือ 28 วันหากมีภาวะเสี่ยง ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แนะนำวิธีป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง รณรงค์ให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย ยึดหลักการกินร้อน ช้อนส่วนตัว และการล้างมือที่ถูกวิธี ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ประเทศจีนและประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการจำกัดการระบาดของโรคมาแล้ว ตลอดจนการให้ความรู้ฝึกสอนการผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่มีคุณภาพ เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนและราคาจำหน่ายสูงของหน้ากากอนามัยในพื้นที่ต่างๆ
“รัฐบาลควรใช้ อสม.ที่มีอยู่ประจำพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน ให้ความรู้สร้างความตระหนักให้แก่ประชาชน และเป็นหน่วยหน้าเพื่อคัดกรองผู้ที่มีภาวะเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิด-19 เร่งค้นหาผู้ติดเชื้อ และ Super Spreader ที่เป็นพาหะในการแพร่เชื้อไวรัสเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโดยเร็วและมากที่สุด เพื่อที่จะจำกัดการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุดด้วย โดยต้องมีแนวทางปฏิบัติในการเข้าคัดกรอง ทั้งจากแบบสอบถาม สัมภาษณ์ และวัดอาการบ่งชี้เบื้องต้น เมื่อ อสม.พบผู้ที่มีอาการบ่งชี้เข้าข่ายก็ต้องกันตัวออกมาจากชุมชน และประสานให้เข้ารับการตรวจโดยละเอียดจากหน่วยแพทย์สาธารณสุขอีกครั้ง” นายสุชาติ ระบุ
นายสุชาติ ยังได้กล่าวย้ำถึงข้อเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 ด้วยว่า รัฐบาลต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว เพราะขณะนี้ผู้ที่มีภาวะความเสี่ยงติดเชื้อขยายตัวไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นว่ามีภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าตรวจรักษา ก็อาจทำให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านั้นหลีกเลี่ยงการเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่แน่ชัด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจวินิจฉัย กรณีที่ไม่พบการติดเชื้อ ที่ไม่เป็นผลดีกับภาวะการแพร่ระบาดในประเทศอย่างแน่นอน.
