ปชป.วุ่นไม่เลิก “อันวาร์” ชี้หากเป็น “จุรินทร์” จะไม่ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ยันเคลื่อนไหวไม่เกี่ยว “มาร์ค” จี้ประชุมด่วนอุดปัญหาเลือดไหล เหตุส่อแววไปอีกหลายคน “พนิต” ลั่นหากผลสอบ “ธรรมนัส” เอี่ยวกักตุนหน้ากาก ต้องทบทวนร่วม รบ.
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ 1 ใน 17 เสียงข้างน้อยในมติให้ ส.ส.ของพรรคโหวตไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่ยื่นหนังสือเรียกร้องให้พรรคเปิดประชุมเพื่อถกปัญหาต่างๆ ภายในพรรคจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือไม่ว่า ไม่มีแรงกระเพื่อมและไม่อยากพูดอะไรล่วงหน้า แต่เห็นว่าควรรีบประชุมเพื่อพูดคุยถึงปัญหาในพรรค ส่วนที่อ้างเรื่องไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุผลในการเลื่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ตนอยากถามว่าทำไมพวกเรายังมาประชุมที่สภาซึ่งมีคนเข้าออกจำนวนมากได้ และพรรคไม่มีการจัดการที่ดีเหมือนกับสภาหรือ เพราะทุกคนก็มีความรู้ และมีการป้องกันอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อตนยื่นหนังสือไปแล้วคิดว่าการประชุมจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน หัวหน้าพรรคก็กำลังหาวันที่เหมาะสมอยู่ เพราะถ้าตนเป็นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อเช่นนี้ไปนาน
เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์กลายเป็นว่ามีการเสนอให้ประชาธิปัตย์ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล จะทำให้บานปลายหรือไม่ นายอันวาร์กล่าวว่า ถ้าไลน์ไม่หลุดก็ไม่มีเรื่อง เพราะเป็นเรื่องภายในพรรค แต่บังเอิญมีคนบางคนนำข้อความในไลน์ออกไปจึงทำให้ข้างนอกได้รับรู้ซึ่งไม่ใช่มติพรรค แต่เป็นการพูดคุยกัน และถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในพรรคการเมืองที่มีความเห็นที่แตกต่างกัน ตนก็ยังอยากให้นายกรัฐมนตรีอยู่แก้ไขปัญหาต่อไป แต่อันไหนที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน กระทบภาพลักษณ์รัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ควรต้องคุยกัน และนำข้อเสนอไปถึงนายกฯ ดังนั้น ต้องพรรคเปิดประชุมเพื่อเปิดอกคุยกันต่อหน้าดีกว่า โดยต้องนำ 3 เงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลที่ประชาชนรับรู้มาพิจารณา เช่น การทุจริตที่เข้ามาเกี่ยวข้องตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไข ถ้ามีการทุจริต ตนคิดว่าคนในพรรคก็รับไม่ได้ ต่างประเทศจะเข้ามาลงทุนก็ต้องมีความเชื่อมั่น สะอาด ปลอดภัย เท่าเทียมกัน หากภาพลักษณ์เหล่านี้เราล้างไม่ได้ก็ไม่มีใครกล้ามาลงทุน
นายอันวาร์ยืนยันว่า สิ่งที่พวกตนออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นเพราะยังเชื่อมั่นในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคอยู่ เพราะทุกวันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ คนเดียว และที่เสนอให้เปิดประชุมเพราะมีประเด็นที่จะเป็นปัญหาในอนาคต ตนคิดว่าเป็นความกังวล และคิดว่าถ้าป้องกันอะไรได้ก็ทำ ตนก็มีสิทธิที่จะเสนอในข้อคิดเห็นต่างๆ เพราะคิดว่าจำเป็นที่เราจะต้องหารือภายในเพื่อป้องกันปัญหาเลือดไหล เพราะทราบว่ายังมีอีกหลายคนที่ลาออก
เมื่อถามว่า หากนายจุรินทร์ไม่สามารถแก้ปัญหาความเห็นต่างที่เกิดขึ้นในพรรคจะนำไปสู่ข้อเรียกร้องให้ทบทวนตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอันวาร์กล่าวว่า มาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์มีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว เมื่อมีความเห็นต่างจะต้องนำมาคุยกันในที่ประชุม แต่จะไปถึงจุดไหนอย่างไร มติที่ประชุมเป็นสิ่งที่กำหนดไว้
ต่อข้อถามว่ามีบางคนวิจารณ์ว่าที่ออกมาเคลื่อนไหวเพราะอยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรี นายอันวาร์กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากเป็นรัฐมนตรี เพราะตนก็มีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการ และรองเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว แต่ที่ออกมาทำอย่างนี้ก็เพื่อให้พรรคมีความชัดเจน เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นเหมาะสมตำแหน่งเหล่านั้นก็มาเอง ตนเป็นมุสลิมเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าเลือกตรงไหนก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด บางคนอาจคิดว่าพูดเพื่อดิสเครดิตพรรคตัวเอง แต่ขอชี้แจงว่าตนเรียกร้องแค่ว่าเปิดประชุมพูดคุยกันในพรรคด้วยเหตุผลและหาทางออกให้ดีที่สุด จาก ส.ส.53 คน เป็น 100 คนก็ดีใจแล้ว
ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าจะถึงขั้นที่นายจุรินทร์ต้องทบทวนตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะเป็นหัวหน้าพรรคมาไม่ถึงปี และการบริหารบ้านเมืองผ่านมาเพียง 8-9 เดือน และก็บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงรัฐมนตรีของพรรคทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ จึงควรให้นายจุรินทร์ดำเนินการเป็นรูปธรรมก่อน และวาระหัวหน้าพรรคยังมีอีกหลายปี จึงควรให้บริหารพรรคไปก่อน และมั่นใจว่าจะพาพรรคผ่านความขัดแย้งนี้ไปได้ ที่ผ่านมาอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนก็ยึดเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นหลัก หากมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต เอาผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใครในครม.มีพฤติกรรมแบบนี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการ เราไม่มีวันพายเรือให้โจรนั่งเพราะเราไม่มีผลประโยชน์อะไร
“เรื่องมติพรรคให้เราโหวตไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้มันมากกว่านั้น เป็นเรื่องของการเอาเปรียบประชาขนกักตุนหน้ากากที่ต้องมีการสอบสวนต่อไป และ รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเข้าไปดู ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนและตอบสังคมได้ ผมก็เชื่อว่าเรายังสามารถร่วมรัฐบาลต่อไป แต่ถ้าเกิดมีปัญหาพบสิ่งไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะไปเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะต้องมีการพูดคุยกันว่า จะดำเนินการบริหารประเทศต่อไปหรือไม่” นายพนิตกล่าว
เมื่อถามว่า หากยังมี ร.อ.ธรรมนัส ร่วมรัฐบาลต่อไป พรรคประชาธิปัตย์จะมีความชัดเจนอย่างไร นายพนิตกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีมาตรฐานของเรา โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และไม่มีการคอร์รัปชัน ถ้ามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นภายในพรรคจะต้องกำหนดท่าทีที่ชัดเจนและตัดสินใจอีกครั้งซึ่งเป็นเรื่องของผู้บริหารพรรค โดยมี ส.ส.ของพรรคร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วย เพื่อให้ข้อมูลและร่วมตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร