xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตใหม่ระแวงเพื่อไทยเกมเสี้ยมนอกสภาสะดุด !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


ผ่านไปแล้วสำหรับญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวน 6 คนหรือ “ศึกซักฟอก” โดยพุ่งเป้าหมายหลักไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังที่ทราบกันดี ซึ่งการอภิปรายดังกล่าวเริ่มขึ้นวันที่ 24-28 กุมภาพพันธ์ และแม้ว่าผลการลงมติฝ่ายรัฐบาลจะชนะไปด้วยคะแนนเสียงแบบท่วมท้น และไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหน “โหวตสวน”หรือแตกแถวเลย ซึ่งก็เป็นไปตามความหมายว่าผลการลงคะแนนจะต้องออกมาในแนวนี้
 
เพราะเสียงของฝ่ายรัฐบาลนั้น “ขาด” เหนือฝ่ายค้านมาตั้ง 20-30 เสียง ทำให้ไม่มีรายการต่อรองของบรรดาพรรคเล็กๆหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆให้น่ารำคาญเหมือนก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดีแม้ว่าผลการโหวตผ่านไปแบบไม่ต้องลุ้น เพราะคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลชนะฝ่ายค้านขาดลอย แต่ที่ต้องจับตามองก็คืองานนี้กลายเป็นว่ากลับส่งผลให้พรรคร่วมฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคเพื่อไทยกับอดีตพรรคอนาคตใหม่เกิดความขัดแย้งระแวงกันในแบบที่เรียกว่า “กินใจจนมองหน้ากันไม่ติด” และเชื่อว่าไม่มีทางที่จะสนิทแนบแน่นกันไปได้อีกต่อไป

เพราะหากพิจารณาจากข้อกล่าวหาและการตอบโต้กลับมาของอีกฝ่ายย่อมถือว่าเป็น “เรื่องร้ายแรง” สำหรับฝ่ายที่เรียกว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” หรือไม่ก็เป็น “นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” มาตลอด ดังที่ทราบกันดีว่าในเนื้อหาแบบสรุปรวมจากพวก ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ระบุว่าพวกเขาถูก “กีดกัน” ไม่ให้มีการอภิปรายฝ่ายรัฐบาลบางคน เช่น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หนึ่งในหกรัฐมนตรีคนสำคัญของฝ่ายรัฐบาลที่ถูกซักฟอกในครั้งนี้

ก็ดังที่ทราบกันดีว่ามีความจงใจจาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่พยายามอภิปรายลากยาวจนเกินเหตุทำให้ “เผาเวลา” ไปล้ำเวลาของ ส.ส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ และจนในที่สุดก็ไม่ได้อภิปราย เนื่องจากครบกำหนดเวลาที่กำหนดเอาไว้เสียก่อน
 
แต่ปัญหาก็คือนอกเหนือจากการที่บรรดาแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่อย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคที่ออกมาใช้สื่อโชเชียลฯโจมตีพรรคเพื่อไทยแบบไม่ไว้หน้า และรุนแรงแบบไม่ยั้งมือ มีการระบุเรื่องการ “ไร้มารยาท” รวมไปถึงการ “ฮั้วกับเผด็จการ” นั่นคือมีการแฉว่ามี “ดีลลับ” ระหว่างกันระหว่างแกนนำรัฐบาลและฝ่ายทหาร เพื่อแลกกับเกมที่ไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยโดยบรรดาสมาชิกพรรคบางคนอย่าง นายวัฒนา เมืองสุข ก็ออกมาตอบโต้กลับในทันควันว่า “ใครกันแน่ที่มีดีลลับ มีการพบกับฝ่ายทหาร” และต่อมาก็มีการออกมากล่าวในทำนองชี้แจงจาก พล.ท.พงศกร รอดชมพู อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี จากคดีเงินกู้พรรคที่ระบุทำนองว่ามีการนำเสนอนโยบายพรรคไปให้พิจารณาแต่ไม่มีการตอบรับ อย่างไรก็ดีหากมองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการยอมรับว่ามีความพยายามเข้าพบหรือมีการเจรจากันจริง

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันย่อมส่งผลกระทบทางด้านจิตใจและความรู้สึกของบรรดาแนวร่วมที่เชียร์กันอยู่วงนอกในแบบ “ โลกสวย”มองการเมืองในแบบใสซื่อบริสุทธิ์ รวมไปถึงการสนับสนุนในแบบ “แฟนคลับ” ยึดติดอยู่ใครคนใดคนหนึ่งไม่ต่างจาก “แฟนคลับดารา” ที่ยืนยันว่าทำอะไรก็ไม่ผิด ดังนั้นก็อย่าได้แปลกใจที่จะมีบรรดา “สาวก” ของแต่ละฝ่ายจะออกมาด่าทอฝ่ายตรงข้ามกันอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เคยมีบรรยากาศแบบนี้ให้เห็นมาก่อนเลย

ที่สำคัญนี่คือการ “ชน” กันแบบเต็มๆของระดับแกนนำที่ออกหน้ามา ไม่ว่าจะเป็น นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ถือว่าคราวนี้ “แฉแรงแบบไม่ไว้หน้า” จึงต้องถูกตอบโต้แรงกลับมาเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดีจะว่าไปแล้วความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ “เลี่ยงไม่ได้” ต้องเกิดขึ้นไม่วันนี้ก็วันข้างหน้า เนื่องจากเส้นทางข้างหน้ามันเป็นเส้นทางเดียวกัน อีกทั้งการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึงแกนนำพรรคบางคน เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขึ้นมานั่นย่อมหมายความว่าทำให้อีกฝ่ายในพรรคเพื่อไทยต้องถดถอยลง ทั้งมวลชน และความนิยม ส่งผลกระทบไปถึงตัว นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “นายใหญ่” ย่อมได้รับผลสะเทือนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้ในช่วงการเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่ที่เติบโตมีจำนวน ส.ส.มากขนาดนี้ส่วนสำคัญก็เป็นเพราะมีการเทเสียงมาจากพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้มาผสมโรงอยู่ด้วย

แต่คราวนี้ถือว่าเป็น “ทางแคบ” ที่ต้องเดินเบียดกันแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเหลือเพียงหนึ่งเดียว หรือสร้างความนิยมให้ตัวเองให้ได้มากที่สุดอะไรประมาณนั้น และแน่นอนว่างานนี้ย่อมต้องส่งผลสะเทือนไปถึง “เกมเสี้ยมนอกสภา” เข้าอย่างจัง และแม้ว่าเวลานี้เกมนอกสภาโดยอาศัยพลังของบรรดานักศึกษาเป็นตัวขับเคลื่อนในแถวหน้าและทำท่าว่าจะไปได้ดีในระดับหนึ่ง และอาจลุกลามใหญ่โตก็ได้ แต่เมื่อพวกที่แอบอ้างว่าเป็น “นักประชาธิปไตย” สองกลุ่มใหญ่แตกคอกันแบบนี้มันก็ย่อมทำให้ทุกอย่างข้างนอกเดินได้ไม่เต็มที่

ดังนั้นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งในสภาที่ต่อเนื่องออกมาข้างนอกสภาในเวลานี้ กลายเป็นว่าเป็นเรื่องที่แม้ว่าไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นได้ ว่าพรรคเพื่อไทยกับอดีตพรรคอนาคตใหม่จะมีสภาพ “กินใจ”กันแบบนี้ แต่เมื่อพิจารณาเส้นทางและความเป็นมาเป็นไปก็ต้องบอกว่าถึงอย่างไรมันก็ต้องเกิดขึ้นแน่ เพียงแต่ว่ามาเร็วแบบคาดไม่ถึง และคราวนี้จะร้าวลึกจนไม่มีทางเยียวยา เนื่องจากเป็นเป็นเป้าหมายอำนาจของระดับหัวขบวนที่ในที่สุดก็ต้องเบียดแย่งกันจนได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น