วิปฝ่ายค้านรับพอใจซักฟอก ขอโทษประเมินพลาดโบ้ย รบ. เผยเคลียร์ใจ อนค.แล้ว อ้างอภิปราย “ประวิตร” สุดท้ายอยากให้มีรสชาติ ทำมึนบอกอดีตไม่มีเสียงข้างมากละเมิดข้างน้อย ชี้วอล์กเอาต์ทำมติไม่ชอบด้วย รธน. ฉะอำนาจไม่ชอบธรรม ยันไม่มีคุณขอมา
วันนี้ (28 ก.พ.) นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวหลังประชุมร่วมกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน โดยมี 5 พรรค และมีตัวแทนกลุ่มอนาคตใหม่เข้าไปตอนท้าย โดยกล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ทำงานกันเต็มที่และตั้งใจให้อภิปรายครบทุกคน การอภิปรายเป็นที่น่าพอใจ แม้วันแรกจะไม่พอใจเท่าไหร่ และวางไว้ว่าวันสุดท้ายจะเป็นทีเด็ด แต่เสียดายว่าไปไม่ถึง ขอโทษตัวเองว่าประเมินรัฐบาลผิดพลาด เพราะก่อนหน้านั้นมีการตกลงไว้ว่าการอภิปรายจะเสร็จสิ้นตอนเวลา 19.00 น.ของวันที่ 27 ก.พ. และถ้าไม่พอก็ยืดเป็น 24.00 น. เราประเมินอย่างนั้น แต่ว่าการจัดคิวต่างๆ คลาดเคลื่อนซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากการประท้วง รัฐมนตรีชี้แจง และผู้อภิปรายของฝ่ายค้านเกินเวลาบางคน เราต้องขอโทษ แต่ยังเชื่อว่าเวลาสภาเหลือจนถึงเที่ยงคืนน่าจะขอได้และอภิปรายได้จนจบ เหลือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยังไม่ได้อภิปราย และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ครึ่งเดียว ยังขาดพรรคอนาคตใหม่อภิปราย พล.อ.ประวิตร อีก 2 คน แต่ระหว่างนั้นก็ได้พูดคุย แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะอ้างว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลง แต่จนเชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวก็ยังเจรจาได้ ไม่ได้ประสงค์จะให้ถึง 24.00 น. แต่เมื่อไม่ได้ก็ดำเนินการต่อไม่ได้ เพราะไม่จบสิ้น ตนก็สรุปไม่ได้ และลงคะแนนไม่ได้ วันนี้เราเสียใจ ขอโทษประชาชนที่ทำหน้าที่ได้ไม่ครบเพราะรัฐบาลไม่เอื้ออำนวยให้ทำงาน ส่วนเพื่อนร่วมงานก็กระทบกระทั่งกัน แต่ได้คุยและทำความเข้าใจกันไปแล้ว
ส่วนเรื่องการจัดคิวอภิปรายก็จัดร่วมกันทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนไม่ได้เข้าร่วม แต่แม้ว่าจะจัดคิวแล้วแต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น 100% เพราะเมื่อเห็นว่ารัฐบาลชี้แจงตอบโต้ เราก็ต้องสลับเอาคนที่จะตอบเรื่องนั้นมาอภิปรายต่อเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ การปรับเปลี่ยนคิวมันเป็นไปได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนคิวก็ไม่พอใจกันทุกพรรค เช่น นายนิคม บุญวิเศษ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หรือนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ก็ได้รับผลกระทบ และคิวที่มีปัญหาก็เกิดจากความคลาดเคลื่อน แต่ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้อภิปรายเกินเวลาทุกคน อภิปรายไม่ครบเวลาก็มี แต่สาเหตุที่จัด พล.อ.ประวิตรไว้คนสุดท้าย เรื่องนี้จัดไว้ตั้งแต่วันแรก เนื่องจากวันที่ยื่นญัตติมีรายชื่อ พล.อ.ประวิตรมาเป็นรายชื่อสุดท้าย และหากอยากให้อภิปรายมีรสชาติ ต้องให้คนที่เป็นพระเอกปิดท้ายไว้บ้าง คือเริ่มด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ปิดท้ายด้วย พล.อ.ประวิตร และเมื่ออภิปรายไปเรื่อยๆ พอเริ่มเห็นว่าเริ่มจะไม่ได้อภิปราย พล.อ.ประวิตร วิปฝ่ายค้านก็ให้เลื่อนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นมาเพื่ออภิปราย พล.อ.ประวิตร ก่อน แต่กลายเป็นว่า พล.อ.อนุพงษ์ ยังไม่ถูกอภิปราย แต่ที่ตนเสียดายที่สุดคือนายรังสิมันต์ โรม ถ้าได้อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะครบพอดี
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุที่วอล์กเอาต์และประกาศไม่ร่วมลงมติไม่ไว้วางใจ เนื่องจากในอดีตไม่มีการใช้เสียงข้างมากมาละเมิดสิทธิเสียงข้างน้อยตามหลักประชาธิปไตย อีกทั้งยังเห็นว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยังไม่ถูกอภิปรายเลย ดังนั้นจึงถือว่ายังไม่สิ้นสุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ หมายความว่าญัตติยังไม่สิ้นสุด และหลังปิดการอภิปราย ก่อนลงมติ ต้องมีการอภิปรายสรุป แต่เพื่อไทยยืนยันว่าไม่ใช่ไม่ใช้สิทธิ แต่เป็นมาตรการตอบโต้ของเสียงข้างน้อยที่ดีที่สุดในการไม่ร่วมในการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง และติดว่าต่อให้ลงมติแล้วก็เป็นมติที่ไม่สมบูรณ์ และอันนี้ต้องสู้กันต่อไป เพราะการกระทำนี้ที่ตนเห็นว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็จะถูกบันทึกไว้ในสภา และถ้ามาเข้าร่วมลงมติก็เท่ากับว่ายอมรับการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม และการใช้อำนาจนี้ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้มีการอภิปรายเลย ดังนั้น วันนี้ตนและเพื่อน ส.ส.จึงใส่ชุดดำมาเพื่อต่อต้านอำนาจที่ไม่เป็นธรรม และทุกคนก็เห็นหมดว่าทางพรรคพยายามจะต่อเวลา แต่ก็ถูกครอบงำด้วยอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ย้ำว่าการเข้าไปร่วมเหมือนไปยอมรับวิธีการของเขา ส่วนกลุ่มอนาคตใหม่ที่เข้าร่วมก็ถือเป็นสิทธิตามเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในการลงคะแนน เราไม่มีกิจที่จะไปทำลายทำร้ายพวกเดียวกันเอง เรื่องลงคะแนนกับเรื่องความขัดแย้งถูกจับมาโยงให้เป็นเรื่องเดียวกัน ท้ายที่สุด นพ.ชลน่านกล่าวว่า คำสั่งที่มีอำนาจสั่งสภาได้ซึ่งเป็นของผู้ใหญ่ฝั่งรัฐบาล
นายสุทินตอบเรื่องการแบ่งเวลาว่าที่กรรมการคุยกัน แต่ไม่ได้แบ่งตามพรรค ก็มีการปรับกันไปบ้าง ประกบตามสถานการณ์ในห้องประชุม พรรคเพื่อไทยเห็นใจทุกแต่ละคนในกลุ่มอนาคตใหม่ตั้งใจทำงานมาก และโดนมรสุมทางการเมืองเยอะ จึงต้องลำบากใจและเข้าใจเราได้ไม่หมด แต่ยอมรับว่าประเมินผิดพลาดเอง ที่ผ่านมาเคยมีความไม่เข้าใจกันก็ปรับและคุยกันได้ ตอนนี้ก็คุยกับอดีตรองหัวหน้าพรรคเข้าแล้ว เหมือนสามีภรรยา
ส่วนการโหวตเสียงแตก มีแค่แนวทาง แต่เป็นมติบังคับใครไม่ได้ แต่เดี๋ยวแต่ละพรรคก็คงต้องมีการคุยกัน ส่วนคนของพรรคเพื่อไทยที่โหวตไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร ก็ถือว่าเป็นเจ้าเดิม ส่วนกรณี ‘คุณขอมา’ ถ้าตอบไปก็จะไม่เชื่อ ให้ดูการทำงานดีกว่า ยืนยันว่าไม่มี เพราะถ้ามีแล้วจะคุ้มอะไร จะได้อะไร ที่ผ่านมาก็มีคนเสนอกลยุทธ์ว่าอภิปรายคนนั้น ไม่อภิปรายคนนี้ เพื่อเสี้ยมให้แตกกัน แต่สุดท้ายแล้วทุกพรรคเสนอใครมาก็ไม่มีใครไม่ได้ อภิปรายคนไหน เสียดายแต่นายรังสิมันต์ที่ยังไม่ได้อภิปราย ถ้าได้อภิปรายคนสุดท้ายก็จะครบ
ส่วนเรื่องการปรับความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มอนาคตใหม่ ในหลักการใหญ่ได้เข้าใจกันแล้ว แต่รายละเอียดยังมีอยู่ต้องทำความเข้าใจกันอีกบ้าง และตอนนี้จะต้องระวัง IO เสี้ยมให้ฝ่ายค้านแตกกัน อย่างไรเสียในวันที่ 4 มีนาคมนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนัดกินข้าวกัน ไม่ถือว่าประสานรอยร้าว แต่เป็นการปรับความเข้าใจในระยะสั้นๆ ส่วน #กูให้มึงเข้าสภา ในทวิตเตอร์ที่แสดงถึงความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่ นายสุทินกล่าวว่า เป็นเพราะยังได้ข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์เพราะสถานการณ์มันเร็ว แต่อีกสักพักจะเข้าใจ ขนาด ส.ส.บางคนในพรรคเองก็ยังต้องทำความเข้าใจ