อดีตเลขาฯ อนาคตใหม่ แฉพรรคร่วมฝ่ายค้านทำเสียโอกาสซักฟอก “ประวิตร” เผยมีข้อเสนอให้อภิปราย “ประยุทธ์” คนเดียว ซัดรายชื่อ รมต.ถูกสับเปลี่ยนตลอด ชงแบ่งเวลาตามโควตาก็ไม่ชัด ซัดวันจริงไม่ชวนคนของพรรคร่วมเจรจาวิป 2 ฝ่าย แถมไม่ดูเวลาเหลือกี่คน ปูดข้อตกลงพรรคร่วมโดนทำลาย เพราะ ส.ส.เพื่อไทย แถมคุยลำบากไม่รู้ศูนย์กลางอำนาจตัดสินใจอยู่ที่ไหน สับใช้เวลาเกิน แถมแซงคิว โอดซ้อมมาหนัก กลับถูกพวกไม่เคารพเวลาข้ามหัว เผาเวลาไปเรื่อยๆ ขู่สภาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การเมืองนอกสภาจะเข้มข้นขึ้น เผย ส.ส.ส่อฝืนมติพรรคร่วม เข้าลงมติพรุ่งนี้
วานนี้ (27 ก.พ.) เครือข่ายสังคมออนไลน์ Piyabutr Saengkanokkul ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้พิมพ์ข้อความถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระบุถึงการทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ทำให้เสียโอกาสการอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีใจความว่า ตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พวกเราตกลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากให้แต่ละพรรคไปคิดกันเองว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด ประเด็นใด พวกเรายืนยันว่าอนาคตใหม่จะอภิปราย 5 คน ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร, นายวิษณุ, พล.อ.อนุพงษ์ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายปิยบุตรระบุว่า ต่อมามีข่าวลือเรื่องคุณขอมาไม่ให้อภิปราย พล.อ.ประวิตร แต่พวกเราไม่เชื่อว่าเป็นความจริง และเริ่มมีข้อเสนอว่าให้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวก็พอ คนอื่นไม่ต้อง แต่พวกเรายืนยันว่าต้องอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย เพราะเตรียมงานไว้หมดแล้ว รายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะถูกอภิปรายถูกสับเปลี่ยนไปมาตลอด กว่าจะนิ่งต้องรอจนช่วงท้ายๆ แม้กระนั้นชื่อของ พล.อ.ประวิตร ก็เป็นชื่อสุดท้ายที่ถกเถียงกัน จนเมื่อตนเข้าร่วมประชุมวิปฝ่ายค้านเป็นคนสุดท้าย และยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ จะอภิปราย พล.อ.ประวิตร ในที่สุด พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงได้ยื่นญัตติอภิปรายรัฐมนตรี 6 คน
“อนาคตใหม่พยายามเสนอให้แบ่งเวลาตามโควตาพรรค แต่ก็ไม่มีความชัดเจน อนาคตใหม่ขอให้จัดลำดับ พล.อ.ประวิตรไว้ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้จะให้อภิปราย พล.อ.ประวิตรเป็นคนสุดท้าย ผมเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าแปลกๆ จึงบอกให้เพื่อน ส.ส.ยืนยันว่าต้องอภิปราย พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่ 2” นายปิยบุตรระบุ
อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ระบุอีกว่า เรากำหนด ส.ส.ผู้อภิปรายและจำนวนเวลาไว้ได้มา 11 ชั่วโมง เปิดอภิปรายวันแรกรัฐมนตรีใช้เวลาตอบเยอะ จึงมีการเจรจาร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ซึ่งปรากฏว่าไม่มีการชวน ส.ส.ตัวแทนวิปของเราเข้าไปร่วมด้วย ผลที่ได้คือ หลังจากผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วันครึ่ง เพิ่งมาตกลงแบ่งเวลากัน นี่คือข้อเสนอของอนาคตใหม่ตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ตกลงกันแบบนี้ก่อน แต่ไม่ทำ กลับมาทำเอาทีหลัง สรุปว่ารัฐบาลได้ 10 ชั่วโมง ค้านได้ 21 ชั่วโมง ทีมเจรจาของวิปฝ่ายค้านไม่ดูเลยว่า ส.ส.ฝ่ายค้านที่เหลือมีอีกกี่คน อภิปรายกันกี่ชั่วโมง อนาคตใหม่ใช้เวลาไปเพียง 140 นาที ยังเหลืออีกเกือบ 9 ชั่วโมง แต่วิปฝ่ายค้านซึ่งไม่มีอนาคตใหม่อยู่ในนั้น กลับไปรับข้อตกลงมาว่าฝ่ายค้านเหลือเวลา 21 ชั่วโมง เท่ากับต้องแบ่งให้อนาคตใหม่ 9 ชม.
“เราเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าจะมี ส.ส.อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์มาก จนไม่เหลือเวลาให้อภิปรายรัฐมนตรีคนอื่น พวกเราจึงตกลงกันว่าให้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ 3 วัน และวันสุดท้ายอภิปรายรัฐมนตรีอีก 5 คนที่เหลือ ทุกพรรครับข้อเสนอนี้หมด แต่ข้อตกลงนี้กลับถูกทำลายลงเพียงเพราะว่า ส.ส.คนหนึ่งของเพื่อไทยไม่ยอมมาอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงค่ำวันที่ 3 ดึงดันจะอภิปรายเช้าวันที่ 4 ให้ได้ ผมและเพื่อน ส.ส.จึงไปคุยกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำเพื่อไทยอีกหลายคนเพื่อขอให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิม ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องยอมตามใจ ส.ส.คนเดียว อีกอย่างคือเรารู้ดีว่าถ้าให้ ส.ส.คนนี้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ในเช้าวันที่ 4 เขาจะใช้เวลานาน และอภิปรายพาดพิงไปยังรัฐมนตรีอีกหลายคน และรัฐมนตรีก็ต้องตอบยาวจนกินเวลาไปถึงช่วงบ่าย และทำให้อนาคตใหม่ไม่มีเวลาอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ สุดท้ายเพื่อไทยก็ไม่ยอม มาขอให้เราผ่อนผัน ด้วยการอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส ในคืนวันที่ 3 แต่ตามกติกาไม่สามารถทำได้ เพราะยังอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ไม่หมด” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ระบุ
นายปิยบุตรระบุต่อว่า การเจรจาหาข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ไหนกันแน่ ตกลงแล้วเปลี่ยน ตกลงแล้วเปลี่ยน คนหนึ่งพูดอย่าง อีกคนพูดอย่าง พวกเราก็ต้องมาปรับหน้างาน โดยใช้แท็คติกอภิปรายพ่วง พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส ตามข้อเสนอของเพื่อไทย ปรากฏว่า เพื่อไทยก็อภิปรายเกินเวลา และเอาคนมาแซงคิว ส.ส.อนาคตใหม่ อีกจนเราได้เริ่มอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส ตอน 23.00 น.ไปจบตอนตี 3 พอมาวันสุดท้าย วันที่ 4 ส.ส.ที่สร้างเงื่อนไขไว้ว่าจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ตอนเช้า ปรากฏว่าก็ไม่เข้ามาประชุมเสียที จนในสภาต้องใช้แท็กติกหารือถ่วงเวลาไป 1 ชั่วโมง จนพอได้อภิปรายก็กลับใช้เวลาเกินคนอื่นอีกร่วมชั่วโมง จากนั้นรัฐมนตรีตอบกันอีกหลายคน หลายชั่วโมง
“จากการประเมินผมรู้แล้วว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เราอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร พวกเราเหลือผู้อภิปรายอีก 4 คน รวม 210 นาที และ ส.ส.ของเราที่ได้อภิปรายไปก่อนหน้านั้นไม่มีใครใช้เวลาเกินแม้แต่คนเดียว บางคนยังเหลือเวลาด้วย เพราะพวกเราซ้อมกันมาอย่างดี ผมจึงบอกเพื่อน ส.ส.ว่า หัวเด็ดตีนขาด ส.ส.ที่เหลือของเราต้องได้อภิปราย มิเช่นนั้นคนที่เคารพกติกายอมอะลุ่มอล่วยให้คนอื่นก็จะโดนเอาเปรียบ
มิเช่นนั้น ส.ส.ที่ตั้งใจค้นคว้าเตรียมข้อมูล ซ้อมอย่างหนัก กลับถูก ส.ส.ที่ไม่เคารพเวลา กติกา มารยาท ข้ามหัวไปหมด พวกเขาเผาเวลาของพวกเราไปเรื่อยๆ จน ส.ส.ของเราเหลือ 30 นาที จากที่เราได้ 210 นาที พวกเขาเผาเวลาของเราไปเรื่อยๆ จากรัฐมนตรีที่เราต้องอภิปรายอีก 3 คน คือ พล.อ.ประวิตร, นายวิษณุ และ พล.อ.อนุพงษ์ กลายเป็นได้อีกแค่ 1 คนเท่านั้น” นายปิยบุตรระบุ
นายปิยบุตรระบุอีกว่า รัฐบาลเล็งเห็นโอกาสนี้จึงใช้โอกาสนี้เต็มที่ ไม่ยอมผ่อนผันแม้แต่น้อย เพราะรัฐบาลต้องการปกป้องรักษา พล.อ.ประวิตรเต็มที่ พวกเราจึงต้องวอล์กเอาต์ มาอภิปรายนอกสภา ส.ส.อนาคตใหม่และทีมงานเบื้องหลังตั้งใจทำงาน เตรียมอภิปรายมาอย่างดี แต่กลับต้องมาถูกการบริหารงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ การไม่เคารพกติกาแบบนี้ตัดโอกาสเรา ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นญัตติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน แต่เรากลับถูกโกงเวลา พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน แต่เราก็ยังเดินหน้าสู้ ส.ส.ทุกคนตั้งใจมาก พอถึงวันจริง ส.ส.ไร้พรรค อย่างพวกเรา ก็ยังเดินหน้าชนอย่างไม่เกรงกลัว และผลงานที่เราทำครั้งนี้ ประชาชนและสื่อมวลชนคงตัดสินได้ว่าเป็นอย่างไร น่าเสียดาย เราถูกตัดโอกาส
“เราต้องช่วยกัน อย่าทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎรไปมากกว่านี้ หากมัวแต่ขัดขากันแบบนี้คงไม่มีทางเอาชนะเผด็จการได้ หรือแท้จริงแล้วไม่คิดจะเอาชนะเผด็จการ เพราะจะเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู พวกเราพยายามใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ เพื่ออย่างน้อยจะลดความโกรธของประชาชน ลดความไม่พอใจของประชาชน และมาแสดงออกกันที่สภาฯ ผ่านผู้แทนฯ ของเขา เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎร และเห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อนั้นการเมืองนอกสภาฯก็จะเข้มข้นขึ้น” นายปิยบุตรระบุทิ้งท้าย
นอกจากนี้ นายปิยบุตรยังระบุด้วยว่า แม้พรรคจะถูกยุบ แต่ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ทุกคนตั้งใจจะเดินหน้าทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยในวันนี้ (28 ก.พ.) ส.ส.อดีตพรรคจะเข้าประชุมสภาเพื่อลงมติแทนประชาชนในการลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี