นายกฯ ยืนยันนักศึกษาจัดกิจกรรมได้ แต่ให้อยู่ในกรอบกฎหมาย กังวลเด็กถูกปลุกฟังความข้างเดียว ขอให้ฟังข้อมูลรัฐบาลบ้าง พร้อมเตือนอย่าหมิ่นสถาบันฯ ห่วงอนาคตชาติต้องเสียไปเพราะโดนคดีอาญา ยัน ครม.ที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้หมอตรวจโควิด-19 แล้ว
วันนี้ (27 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นประธานการประชุมได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้หารือถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในส่วนของคณะรัฐมนตรีและข้าราชการที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงนั้นได้รับการตรวจสอบที่โรงพยาบาลบําราศนราดูร และได้รับผลการตรวจสอบและยืนยันว่าไม่มีอาการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ให้ระวังรักษาสุขภาพและแพทยก็ได้นัดตรวจเป็นระยะในช่วงฟักตัว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลออกมานั้นได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนการเดินทางไปราชการและดูงานต่างประเทศได้ให้แนวทางเบื้องต้นไปแล้วและเตรียมจะสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยจะเน้นให้ดูงานในประเทศเป็นหลักเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงการชุมนุมที่เกิดขึ้นตามสถาบันการศึกษาว่า “ผมเข้าใจถึงความหวังดีของท่านทุกคนและสิ่งที่เราพยายามทำเต็มที่ คือ การทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ดังนั้น การดำเนินการต่างๆ จะเป็นไปตามกฎหมาย บางครั้งเรายังไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายด้วยซ้ำไป ผมเป็นกังวลกับเด็กเหล่านี้อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจถูกชักชวน อาจถูกปลุกมาโดยฟังความข้างเดียว ผมขอให้นักศึกษาทุกคนที่ชุมนุมเวลานี้ช่วยฟังข้อมูลของรัฐบาลที่ได้แถลงออกไปและเลือกฟังดูว่าจะเชื่อทางไหนอย่างไร ผมไม่ต้องการให้ไปทางใดทางหนึ่งทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่ามีบางฝ่ายต้องการให้ไปทางใดทางหนึ่ง”
“สิ่งที่เป็นกังวล คือ กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์นะครับ ไม่ว่าวันนี้วันหน้า ผมไม่ได้ขู่นะครับ หลายๆ อย่างถูกดำเนินการอยู่ในคดีความทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2553, 2557 ยังเป็นคดีทั้งหมด ไม่ว่าจะสีไหนก็ตาม ที่ผ่านมาปี 14 ปี 16 มันก็อีกกรณีหนึ่ง ซึ่งวันนี้เราไม่ได้ทำแบบนั้นที่จะทำให้เกิดเงื่อนไข วันนี้มีเรื่องเดียวที่เกิดเหตุการณ์ในปี 2557 ก่อนหน้านั้นพวกท่านก็ทราบดีว่าปี 2553 ก็รู้อยู่ว่าคนที่ออกมาจำนวนมากคือใคร ทำเพื่ออะไร ปลุกระดมกันอย่างไร สิ่งที่ผมห่วงคือ ห่วงอนาคตของคนเหล่านี้มากกว่า ผมไม่ได้โกรธเด็กๆ หลานๆ ลูกๆ เลยเพราะเขาเป็นผู้ที่มีแรงกระตุ้นพอสมควร เด็กรุ่นใหม่เราต้องทำให้เขาเกิดประโยชน์สูงสุด ผมไม่ได้เคยสั่งการว่าจะต้องไปปะทะ ไม่เคยสั่งการอย่างนั้นเลย เว้นแต่เป็นการป้องกันตัวเอง โดยจะต้องใช้มาตรการที่เบาที่สุด ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ ถ้าเขาไม่ทำเขาก็มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ต้องช่วยกันคิดทั้งสองทาง ตนไม่โทษนักศึกษา แต่อาจจะต้องกล่าวถึงคนที่ไปนำสิ่งเหล่านี้ออกมา คิดว่าอันตรายที่สุด แล้วอนาคตเขาจะหมดไปในวันหน้าด้วยคดีอาญา ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกจริงๆ ปี 14 ปี 16 ก็เป็นตัวอย่างแล้วมา 2553 ก็เป็นตัวอย่างใหญ่โต หลายคนก็เข้าไปเกี่ยวข้องอีก ปี 2557 เช่นกัน
“ผมต้องเตือนว่า ขณะนี้ได้มีการนำเรื่องหมิ่นสถาบันฯ เข้ามาไปขับเคลื่อนด้วย ยอมไหมล่ะครับ ถ้าท่านยอมผมก็โอเคละ ถ้าท่านเห็นว่าถูกต้อง ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน จำเป็นต้องว่าไปตามกฎหมาย อย่าไปทำอย่างนั้นนะครับ ผมขอโดยเด็ดขาด ผมคิดว่าสภาแห่งนี้เป็นสภาที่เคารพสถาบันฯ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้นนะครับ อย่าทำโดยเด็ดขาด ถ้าไปสู่ตรงนั้นจะเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่ท่านว่าเมื่อตะกี้นี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว