วันนี้ (14 ก.พ.) นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวตอนหนึ่งในการแสดงปาฐกถาเรื่องการยกระดับพรรคการเมือง ให้เป็นสถาบันทางการเมือง ในงานนำเสนอยุทธศาสตร์ของนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 10 ของสำนักงาน กกต. โดยกล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับทางวิชาการว่าเป็นพรรคที่มีความเป็นสถาบันทางการเมืองมากที่สุด ส่วนตัวมองว่าเป็นเพราะการตั้งพรรคมาตั้งแต่ต้นเริ่มจากคนดี ไม่ได้ตั้งมาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ดังนั้น พรรคจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่คนในพรรค พรรคการเมืองต้องเอาคนที่มีศักยภาพเข้ามา ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เผชิญกับคดียุบพรรคมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เพราะพรรคเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยตนเตือนพรรคมาตลอดว่าทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำให้ผิดกฎหมาย อีกทั้งพรรคการเมืองดำรงอยู่ได้เพราะคนในพรรคต้องตั้งใจทำงานการเมืองจริงๆ คนเหล่านี้เมื่อประสบปัญหาเขาจะไม่หวั่นไหว ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่คิดที่จะทิ้งพรรค ไม่ว่าพรรคจะขึ้นหรือจะลง จะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ถ้าผู้บริหารพรรคใจเสาะก็คงคิดว่าพรรคไปไม่รอดแล้วเลยทิ้งพรรคไป
“พรรคประชาธิปัตย์เคยเผชิญเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2522 คนก็ออกไปจากพรรคเกือบหมด นายสมัคร สุนทรเวช ก็ออกไปตั้งพรรคใหม่ กรรมการบริหารพรรคก็ตามออกไป ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกชวนให้ออกไปแต่ได้ปฏิเสธขอยืนหยัดอยู่กับพรรค เพราะคิดแบบคนบ้านนอก จริงใจ จริงจัง คิดแค่ว่าถ้าสิ้นสุดพรรคประชาธิปัตย์ไปจริงๆตอนนั้นผมคงกลับไปเป็นทนายความ ไม่เคยคิดที่จะไปตั้งพรรคใหม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อตัดสินใจทำงานการเมืองในระบบนี้ก็ต้องยืนหยัดแบบนี้”