วันนี้ (12 ก.พ.) ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล กรณีวันที่ 25-26 สิงหาคม 2551 จำเลยทั้ง 5 ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับพวก 85 คน ที่ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษแล้ว กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกระทำความผิดเป็นซ่องโจร มั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยร่วมกันเดินขบวนในถนนสาธารณะ จากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และจากที่อื่นๆ โดยมีอาวุธปืน มีด ขวาน ไม้กอล์ฟ ไม้ท่อน หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก แล้ว ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานี NBT ทุบทำลายประตูหน้าต่าง ตัดสายไฟฟ้า ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า ระบบโทรศัพท์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบกล้องวงจรปิด ทำลายระบบส่งสัญญาณ การออกอากาศวิทยุโทรทัศน์ และร่วมกันข่มขืนใจพนักงานไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ออกอากาศและกระจาย เสียง และสั่งให้ออกไปจากอาคารสถานี โดยจำเลยทั้งห้าเป็นหัวหน้าและเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการ กระทำความผิด อันเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร ฐานร่วมกันทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันบุกรุก และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานตามที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว เห็นว่า โจทก็มีพยานเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัยหลายปาก ผู้อำนวยการและช่างภาพสถานี NBT เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมกันที่บริเวณสะพานมัมวานรังสรรค์ เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้ประกาศเคลื่อนขบวน โดยมีกลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกรุกเข้าไปในอาคารสถานี NBT ผู้ชุมนุมบนรถดังกล่วผลัดเปลี่ยนกันพูดโจมตีรัฐบาลและสถานี NBT ว่าเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล ต้องการยึด NBT ให้จอดำ และเชื่อมต่อสัญญาณออกอากาศเผยแพร่ข้อมูลข่วสารของกลุ่มพันธมิตรประชาชนพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับ
ต่อมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพังประตูรั้วเหล็กฝ่าแนวกั้นของเจ้าพนักงานตำรวจบุกรุกเข้าไปในบริเวณพื้นที่และอาคารสถานี มีจำเลยที่ 5 ประกาศต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจว่า ผู้ชุมนุมเป็นกองทัพประชาชน ผู้บัญชาการสั่งการให้มายึด NBT ให้เจ้าพนักงานตำรวจออกจากอาคารทั้งหมด ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานี NBT สั่งจำคุกนายสมเกียรติ เป็นเวลา 2 ปี ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 4 คน จำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมทั้งยกฟ้องข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรกับจำเลยทั้งหมด ขณะที่จำเลยทั้ง 5 คนอยู่ระหว่างยื่นเรื่องประกันตัวเพื่อเตรียมอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อไป
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานตามที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว เห็นว่า โจทก็มีพยานเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัยหลายปาก ผู้อำนวยการและช่างภาพสถานี NBT เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมกันที่บริเวณสะพานมัมวานรังสรรค์ เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้ประกาศเคลื่อนขบวน โดยมีกลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกรุกเข้าไปในอาคารสถานี NBT ผู้ชุมนุมบนรถดังกล่วผลัดเปลี่ยนกันพูดโจมตีรัฐบาลและสถานี NBT ว่าเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล ต้องการยึด NBT ให้จอดำ และเชื่อมต่อสัญญาณออกอากาศเผยแพร่ข้อมูลข่วสารของกลุ่มพันธมิตรประชาชนพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับ
ต่อมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพังประตูรั้วเหล็กฝ่าแนวกั้นของเจ้าพนักงานตำรวจบุกรุกเข้าไปในบริเวณพื้นที่และอาคารสถานี มีจำเลยที่ 5 ประกาศต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจว่า ผู้ชุมนุมเป็นกองทัพประชาชน ผู้บัญชาการสั่งการให้มายึด NBT ให้เจ้าพนักงานตำรวจออกจากอาคารทั้งหมด ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานี NBT สั่งจำคุกนายสมเกียรติ เป็นเวลา 2 ปี ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 4 คน จำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมทั้งยกฟ้องข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรกับจำเลยทั้งหมด ขณะที่จำเลยทั้ง 5 คนอยู่ระหว่างยื่นเรื่องประกันตัวเพื่อเตรียมอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อไป