xs
xsm
sm
md
lg

“ธนาธร-ปิยบุตร” อาการใกล้ตายแต่ไม่อยากตาย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ - ปิยบุตร แสงกนกกุล
เมืองไทย 360 องศา



หากพิจารณาจากอาการของบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่ในเวลานี้ มันช่างไม่แตกต่างจากอาการของคนที่รู้ว่าตัวเองใกล้ตาย แต่ยังไม่อยากตาย จะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ อาจเป็นเพราะเป้าหมายที่คาดวังเอาไว้ยังไม่บรรลุ ทำให้เวลานี้จึงได้เห็นอาการ “ดิ้นรน” เพื่อหวังให้รอดให้ได้ หรือในทางตรงกันข้าม หากในที่สุดแล้วไม่รอดจริงๆ ก็ต้องหาทาง “ลากคนอื่นๆ ลงหลุมไปด้วย” อะไรประมาณนั้น

เวลานี้เราจึงได้เห็นแกนนำพรรคอนาคตใหม่ระดับตัวท็อป ไม่ว่าจะเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กำลังเคลื่อนไหวอย่างหนัก โดยเฉพาะรายหลังที่มีพื้นเพเป็นนักกฎหมายออกเดินสายไปทุกที่ที่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ช่องต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ช่องที่มีปัญหาเคยฟ้องร้องกันมาก่อนหน้านี้ หรือบางช่องที่มีผู้ดำเนินรายการบางคนฟันธงว่า “ยุบแน่” ล่าสุด เขาก็เดินทางไปออกรายการชี้แจงข้อกฎหมายในการสู้คดี

ขณะเดียวกัน ในช่องทางโลกโซเชียลก็เร่งโหมประโคมกันในทุกรูปแบบ ทั้งในรูปแบบชี้แจงในด้านแง่มุมกฎหมายตามความเชื่อของตัวเอง รวมไปถึงการแสดงความเห็นในลักษณะข่มขู่ให้เห็นในทำนองว่า หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นมาจริงจะมีผลลบตามมาอย่างไรบ้าง แม้ไม่อาจจะระบุได้ว่าเป้าหมายในเชิงลักษณะข่มขู่ดังกล่าวจะส่งตรงถึงใคร จะส่งสัญญาณไปถึงศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือแม้แต่สาวกบรรดาผู้สนับสนุนให้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้หรือไม่

หากพิจารณาตามความเข้าใจถึงสาเหตุอาการที่มองว่า “ดิ้นพล่าน” ดังกล่าว ก็เนื่องมาจากพวกเขากำลังมีคดีสำคัญที่กำลังจะชี้ชะตาอนาคตในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็คือ คดีแรกที่เป็นเฉพะหน้าก่อนก็คือที่ถูกร้องว่า “ล้มล้างการปกครอง” ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีการวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคมนี้ และอีกคดี ก็คือ คดีปล่อยเงินกู้จำนวน 191.2 ล้านบาท ให้กับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ส่งคำชี้แจงตามกำหนดมาแล้ว แม้ว่าคดีหลังจะยังมีเวลาอีกพักหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเดินหน้าให้ได้ลุ้นได้เสียกันแล้วเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี นาทีนี้ต้องโฟกัสไปที่คดีแรก คือ คดีถูกร้องว่ามีพฤติกรรม “ล้มล้างการปกครอง” ที่กำลังจะโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า นั่นคือ ในวันที่ 21 มกราคม ถือว่าเป็นการชี้ชะตาอนาคตของพวกเขา ซึ่งนอกเหนือจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะหัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะเลขาธิการพรรค แล้วยังรวมไปถึงพรรคอนาคตใหม่ คณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ในปัจจุบันที่ยังเหลืออยู่ นั่นคือ ที่ยังไม่ได้ลาออก คนพวกนี้ต้องลุ้นกันหนัก

เนื่องจากหากผลออกมาเป็นลบหรือในความหมายว่า “ถูกยุบพรรค” แล้วคนพวกนี้นอกจากจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลาน่าจะไม่น้อยกว่า 5 ปี แล้ว พวกเขาก็อาจมีสิทธิ์เจอ “ดอกสอง” ตามมาอีก นั่นคือ การถูกฟ้องในคดีอาญาตามต้อง “เสี่ยงคุก” ตามมาอีก

แต่ถึงอย่างไร หากพิจารณาอีกมุมหนึ่งก็ยังมีอีกหลายคนที่มีความเห็นไปในทางบวกไม่น้อยเหมือนกัน โดยยังเห็นว่าสำหรับคดีถูกร้องเรื่อง “การล้มล้างการปกครอง” ดังกล่าวนี้ ไม่น่าจะเลวร้ายถึงขั้นถูกยุบพรรค เพราะเชื่อว่ายังต้องพิสูจน์หรือน่าจะยังมีช่องทางแก้ต่างได้เหมือนกัน แต่หลายคนที่ค่อนข้างเห็นตรงกันมาก ก็คือ คดี “เงินกู้” ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปล่อยกู้ให้กับพรรคที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเวลานี้กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้พรรคอนาคตใหม่ส่งคำชี้แจง หรืออาจมีการยื่นคำร้องขอขยายเวลาส่งเอกสารคำชี้แจงออกไปอีกก็ได้ แต่ก็ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก ใกล้จะนับถอยหลังเข้ามาทุกทีแล้ว

ซึ่งคดีที่ว่านี้หลายฝ่ายมองเห็นค่อนข้างตรงกันแล้วว่า “น่าจะสาหัส” เพราะในข้อเท็จจริงนั้นไม่ต้องมาพิสูจน์ทราบกันแล้ว เนื่องจากมีการยอมรับกันไปแล้ว เพียงแต่ว่าต้องพิสูจน์กันในแง่ของข้อกฎหมายเท่านั้นว่ามีความผิดหรือไม่ ซึ่งหากมีความผิดก็จะถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเช่นเดียวกัน

ดังนั้น หากให้โฟกัสก็ต้องลุ้นกันเฉพาะสองคดีนี้เท่านั้นที่ถือว่า ต้องลุ้นกันหนัก นั่นคือ หาก “รอด” จากคดีแรกที่กำลังจะมีการตัดสินกันในวันที่ 21 มกราคมนี้ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อในคดีถัดมา นั่นคือ คดี “เงินกู้” ตามมาอีก ซึ่งว่ากันว่าน่าจะชัดเจนหนักหน่วงกว่าคดีแรกเสียอีก สาเหตุแบบนี้แหละที่เป็นคำตอบว่าทำไมเวลานี้เราจึงได้เห็นอาการที่เรียกว่า “ดิ้นพล่าน” ของแกนนำพรรค ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

เพราะหากเปรียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับอาการของคนที่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะตายหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากตาย ก็ต้องออกอาการดิ้นรนเท่าที่ทำได้ ทั้งการข่มขู่ หรือแม้แต่กระทั่งหากต้องตายจริงๆ ก็ต้องลากคนอื่นลงหลุมไปด้วยหรือเปล่า เหมือนกับการที่บอกว่าหากยุบพรรคอนาคตใหม่จะเกิดผลลบตามมามากมาย ทั้งการไม่พอใจของสังคม ความอยุติธรรม หรือการกล่าวโทษโบ้ยไปที่อำนาจเผด็จการไปโน่นเสียอีก

ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในความเป็นจริงจากอารมณ์และความรู้สึกมันก็พอเข้าใจได้ว่าใครก็ตามที่อยู่ในสภาวะแบบนี้มันก็ต้องเครียดเป็นธรรมดา แต่ทุกอย่างเมื่อมีจุดเริ่มต้นมันก็ต้องมีจุดจบจนได้ แล้วว่าจะจบแบบไหนต่างหาก !!





กำลังโหลดความคิดเห็น