เมืองไทย 360 องศา
ได้ยิน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ประกาศลั่นกลางขบวน “วิ่งไล่ลุง”เมื่อวันก่อน มั่นว่าภายในปี 2563 คือภายในปีนี้จะต้องเกิดม็อบอย่างแน่นอน แม้ว่ายังไม่ระบุออกมาให้ชัดเจนไปเลยว่าม็อบที่ว่าจะออกมาด้วยจุดประสงค์ใด ออกมาไล่ใคร หรือใครจะเป็นคนนำม็อบดังกล่าว
อย่างไรก็ดีเชื่อว่าหลายคนก็คงได้เห็นคำตอบอยู่ในใจล่วงหน้ามานานแล้วว่าเป็นม็อบพวกไหนและใครเป็นคนนำหรือใครอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาแบบไม่อ้อมค้อมก็น่าเชื่อว่าคนที่คาดว่าจะมานำม็อบที่ว่านั้นก็คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่นแหละ ไม่ใช่ใครที่ไหน
แน่นอนว่าทุกเรื่องย่อมมีที่มาที่ไป หรือต้องมีสิ่งที่ทำให้น่าเชื่อว่ามีที่มาเป็นแบบนั้น ดังนั้นหากเชื่อว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็นผู้นำม็อบหรือ “อยู่เบื้องหลัง” ม็อบในปี 2563 มันก็ย่อมมีสิ่งที่ทำให้เชื่อแบบนั้น ซึ่งที่ผ่านมาหากใครที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมือง และเรื่องราวความเคลื่อนไหวของตัว นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ของเขา ก็น่าจะเดาทางได้ไม่ยาก
หากพิจารณาจากสถานะในปัจจุบันเวลานี้ นายธนาธร พ้นสภาพจากการเป็น ส.ส.หลังจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจากกรณีถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด จนทำให้ขาดคุณสมบัติ ยังเหลือตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และยังมีคดีสำคัญที่รอการวินิจฉัยในศาลรัฐธรรมนูญอีกสองคดี นั่นคือคดีถูกร้องว่าล้มล้างการปกครอง ที่จะมีการวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคมนี้ ส่วนอีกคดีหนึ่งก็คือกรณีปล่อยกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่จำนวน 191.2 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาศาลก็ได้สั่งให้ชี้แจงภายใน 15 วันมาแล้ว ซึ่งหากไม่มีการขยายเวลาออกไปก็น่าจะครบกำหนดแล้ว
เชื่อว่าทุกคนก็รับรู้ว่าทั้งสองคดีดังกล่าวย่อมมีความสำคัญต่อตัวเขา และอนาคตทางการเมืองของพวกเขา ซึ่งในที่นี้ในเบื้องต้นหมายถึงพวกกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ก่อน แต่ก็ยังมีผลต่อเนื่องไปถึงพวก ส.ส.ของพรรค สมาชิกพรรค รวมไปถึงบรรดา “แฟนคลับ” แม่ยกของพรรคและตัวผู้บริหารพรรคบางคนที่หลงใหลติดตามเชียร์ไปทุกที่
เพราะผลการวินิจฉัยออกมาในทางลบมันก็ย่อมส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพวกเขากันแบบยกชุด โดยเฉพาะอนาคตทางการเมือง ถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง หรือซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังมีเรื่องที่ต้องเสี่ยงคุกตะรางเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หากบอกว่านี่คือ “เดิมพัน”ที่สูงลิ่วก็ไม่น่าจะผิดไปจากความเป็นจริงนัก
สำหรับความเชื่อที่ว่าหากเกิดม็อบหรือการชุมนุมเกิดขึ้นจริงในปี 2563 จะต้องมี นายธนาร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้นำหรืออยู่เบื้องหลังม็อบนั้น ก็น่าจะมาจากความเชื่อ และพิจารณาจากความน่าจะเป็นและเปรียบเทียบกับความเคลื่อนไหวต่างๆก่อนหน้านี้และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเชื่อมโยงไปถึงอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย
เพราะหากพิจารณาจากเหตุการณ์ “แฟลซม็อบ” เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมปีที่แล้ว ก็เป็นการนัดชุมนุมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างปัจจุบันทันด่วน หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งคำร้องคดีปล่อยกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ทำให้หลายคนเข้าใจว่านี่คือการก่อม็อบเพื่อกดดันศาล อีกทั้งที่ผ่านมาพวกเขาก็ยังให้ความเห็นในลักษณะชี้นำให้เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือทำให้สังคมเข้าใจว่าทุกคดีที่เกิดขึ้นล้วนมีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อกลั่นแกล้งของสกัดกั้นพวกเขา
หรือแม้แต่กรณีล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ซึ่งก็เข้าใจกันอยู่แล้วว่า “ลุง”ในที่นี้ก็คือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่นเอง ขณะเดียวกันเมื่อถึงวันจริงก็มีการเผยตัวตนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่ามีใครบ้างที่น่าจะอยู่เบื้องหลัง เพราะล้วนแล้วแต่หน้าเดิมๆ ที่เป็น “ขั้วตรงข้าม” ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น คนของพรรคอนาคตใหม่ คนของพรรคเพื่อไทยบางส่วน รวมไปถึงพวกนักกิจกรรมที่ล้วนแล้วแต่ “ไม่ชอบลุง” หรือ พวกที่ได้รับผลกระทบจากการที่ลุงอยู่ในตำแหน่งมานานและส่อแนวโน้มว่ายังไปได้อีกพักใหญ่แบบนี้
ดังนั้นคำพูดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่บอกว่าภายในปี 63 หรือปีนี้จะต้องมีม็อบเกิดขึ้นแน่ ก็ต้องเห็นคล้อยตาม เพราะน่าจะเป็นไปตามนั้น เพียงแต่ว่ายังต้องคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าต่อไปอีกด้วยว่า เป็นม็อบของใครหรือใครจะเป็นคนนำม็อบ หรือจะ “เลือกซ่อนอยู่ข้างหลัง” หรือไม่ แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากคดีสำคัญที่งวดเข้ามาทุกคดีมันก็ยิ่งเชื่อมั่นเข้าไปใหญ่ ม็อบต้องเกิดขึ้นแน่
และหากต้องสรุปอีกทีก็ต้องจับตาว่า ม็อบที่ว่านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะออกตัวนำอย่างเปิดเผยหรือว่า “ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง” เพราะงานนี้หากเดินลงถนนแล้วมันถอยหลังกลับบ้านได้ยาก ดังนั้นเชื่อว่าม็อบปีนี้เกิดแน่ตามที่เขาพูด เพราะเดิมพันอนาคตสูงลิ่ว เพียงแต่ว่าจะเลือกบทบาทแบบไหนต่างหาก !!