วันที่ 17 ม.ค.63 เวลาประมาณ 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ทำการไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” โดยได้เล่าถึงวงการสีกากี ในหัวข้อเรื่อง “ผ่าปมร้อนวงการสีกากี เงาสะท้อนปฏิรูปวงการตำรวจ ในมุมมองสนธิ” พร้อมติดตามเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน และมาดูกันต่อว่าแท้จริงแล้ว ทรัมป์เป็นคนอย่างไรกันแน่
นายสนธิ ได้กล่าวถึงปัญหาความบกพร่องในระบบราชการ โดยเฉพาะในวงการตำรวจ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ป.วิฯ อาญา) สามารถให้คุณให้โทษกับใครก็ได้ จึงเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง เพื่อให้ตัวเองได้ไปอยู่ในพื้นที่ทีมีผลประโยชน์มากๆ การซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจหนักขึ้นเรื่อยๆ คนที่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นเองหรือจะแต่งตั้งคนอื่นเป็นแทนจึงมีความสำคัญ
“ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งซึ่งมีคนคอยวิ่งเต้น เป็นตำรวจเหมือนกัน ยศพลตำรวจโท ผมไม่ต้องเอ่ยชื่อ แต่เป็นเด็กของประธาน ก.ตร. เป็นเด็กในบ้านเลย คนๆ นี้ก็จะไปอ้างบุญคุณ หรือไปอ้างว่าท่านประธาน ก.ตร. มีมติมาให้ผมทำโน่นทำนี่ ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมเถอะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งคนของตัวเองได้ไม่กี่คนหรอก ฉันใดฉันนั้น ผู้บัญชาการฯ ภูธรภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 ก็จะตั้งคนของตัวเองได้ไม่กี่คน”นายสนธิกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจปีล่าสุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธาน ก.ตร.ด้วยตัวเอง และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มาทำโผเอง ทำให้การร้องเรียนมีน้อยที่สุด และเป็นไปอย่างเรียบร้อย ทุกคนมีความสุข ทุกคนพอใจกับการเลื่อนตำแหน่ง
นายสนธิยังได้เล่านิทานเรื่องนายตำรวจยศ พล.ต.ท.คนหนึ่ง ที่เคยเข้านอกออกในบ้านของประธาน ก.ตร.เหมือนเด็กในบ้าน คอยรับเงานวิ่งเต้นตำแหน่งแล้วเรียกเงินเรียกทอง สร้างปัญหามาก เรื่องการคอร์รัปชันซื้อขายตำแหน่ง จนถูกฟ้าผ่า มีอันเป็นไปต้องออกจากตำรวจไปประจำที่หน่วยอื่น แต่ก็ยังพยายามอยู่ตลอดเวลาที่จะขอกลับมา และคนๆ นี้ไม่ชอบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความแค้นส่วนตัว เลยไปให้ทนายความตัวเองที่มีข้อตกลงที่จะช่วยเรื่องคดีความ เอาเรื่องไปยื่นที่ ป.ป.ช. เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสอบคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศ อ้างว่าเจ้าของบริษัทมีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่คนโน้นคนนี้คนนั้น แต่ปรากฏว่าในข้อเท็จจริง เขาลืมไปว่าตำรวจคนที่หมดอำนาจไป คัดค้านเรื่องอุปกรณ์นี้มาตั้งนาน เพราะว่าจะเอาบริษัทของเมียน้อยตัวเองเข้ามาแทน เมื่อเขาไม่เอาก็โกรธ และยิ่งตัวเองหมดอำนาจก็ยิ่งโกรธ ต้องหาเรื่องไล่ ผบ.ตร.ออกให้ได้ ก็เลยมีขบวนการขึ้นมา
นายสนธิ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง พบ.ตร.ที่สามารถไปถึงจุดเกิดเหตุยิงรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อย่างรวดเร็วภายใน 5 นาที แล้วก็บอกเลยว่าให้ตัดประเด็นชู้สาวออก ไม่มีประเด็นอื่นนอกจากประเด็นเครื่องไบโอแมทริกซ์ ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิระชัย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 ส่วน พล.
ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 ห่างกัน 10 ปี แต่พล.ต.อ.วิระชัย จะเดินตามหลัง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ตลอดเวลาในยุคหนึ่ง เพราะว่าหลักการแท้จริงในการโค่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ คือการดันให้ พล.ต.อ.วิระชัยขึ้นมารักษาการเป็น ผบ.ตร. และจะได้อัญเชิญเทพ ก็คือ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล กลับมารับราชการต่อ
“คุณสุรเชษฐ์ยังเหลืออีกสิบปี โอกาสที่จะขึ้นไปเป็น ผบ.ตร.สูงมาก เพราะคุณสุรเชษฐ์แต่ไหนแต่ไรก็เหาะลงมากินตำแหน่งคนโน้นคนนี้ ไม่เคยมาตามปกติธรรมดาเลย ใช้วิชามาร ใช้วิชาเหาะมาตลอดเวลา ถ้าจักรทิพย์ ชัยจินดา ยังอยู่ คุณวิระชัยจะขึ้นไม่ได้ เพราะว่าในวงในตำรวจด้วยกันแล้ว เขาสนับสนุนให้ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ ซึ่งเป็นคนในซื่อมือสะอาด ขึ้นต่อจากพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ฉะนั้นคุณวิระชัยก็จะหมดโอกาส เมื่อคุณวิระชัยจะหมดโอกาสแล้ว พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ ก็จะกลับมาที่ตำรวจไม่ได้ เพราะฉะนั้นงานนี้คืองานการโค่นล้มเพื่อเอาคุณวิระชัยขึ้นไปเป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วจะได้อัญเชิญเทพที่อยู่นอกสวรรค์ ให้ขึ้นมาในสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง กลับมาเป็นตำรวจอีกครั้งหนึ่ง”นายสนธิ กล่าว
ในตอนท้ายนายสนธิ ยังได้กล่าวถึงการวินิจฉัยอาการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยนักนิติจิตเวช แห่งวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล พบว่า นายทรัมป์สอบตกในทุกเกณฑ์ของความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลและยึดโยงกับความเป็นจริง ซึ่งภาษาชาวบ้านคือเป็นบ้า โดยการประเมินเป็นบทสรุปในขั้นสุดท้ายแล้ว คณะจิตแพทย์มีคำแนะนำแรกสุดคือตัดอำนาจในการเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์และการประกาศสงครามของนายทรัมป์ ทั้งนี้ ทีมจิตแพทย์ได้คาดการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้วว่าอาการของนายทรัมป์จะค่อยๆ แย่ลงภายใต้ความกดดันและหลงตัวเองในการมีอำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดี
คำต่อคำ SONDHI TALK [17 ม.ค. 2563] : ผ่าปมร้อนวงการสีกากี เงาสะท้อนปฏิรูปวงการตำรวจ
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ผมจะมาพบกับท่านผู้ชมในทางไลฟ์เฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" วันนี้มีหลายเรื่อง ก็ไม่มากนักนะครับ หลักๆ ก็จะเป็นประมาณ 2 เรื่องเอง เรื่องแรกคือเรื่องตำรวจ เรื่องความวุ่นวายทั้งหลายที่เกี่ยวกันกับวงการตำรวจ ที่ผมค้างเรื่องนี้ที่จะพูดกับท่านผู้ชมมาหลายครั้งแล้ว ผมเคยเล่าให้ฟังว่าผมจะพูด
ส่วนเรื่องที่สอง เป็นเรื่องของการติดตามเหตุการณ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศอิหร่าน แต่ก่อนที่เราจะเข้าถึงเรื่องนั้น เรามาคุยกันเรื่องเฟซบุ๊กของเรากันก่อนนะครับ ตอนนี้มีท่านผู้ชมหลายคนติดต่อมาบอกว่าหาวิดีโอที่ผมเคยพูดไม่เจอ วันนี้ผมจะบอกช่องทางการติดต่อของ SONDHI TALK ว่ามีอะไรบ้าง ข้อแรก ทางเฟซบุ๊ก ท่านผู้ชมต้องกดไลก์ และกดฟอลโลว์ หรือกดติดตาม แล้วมันจะมีคำพูดว่า See First (ดูก่อน) เอาไว้ในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ไปมากๆ ท่านต้องกดคำว่า See First เสียก่อน เมื่อกด See First แล้ว เวลามีเรื่องราวของผมที่ผมไลฟ์เฟซบุ๊ก มันก็จะเด้งขึ้นเลย ทำให้ท่านผู้ชมไม่สามารถจะพลาดได้
อีกช่องทางหนึ่งของ SONDHI TALK เพิ่มการไลฟ์เพื่อให้แฟนๆ ได้รับชมกัน ซึ่งเรื่องเก่าๆ ที่ผมพูดนั้นเปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่ คุยทุกเรื่องกับสนธิ มองโลก มองเรา บันทึกบ้านพระอาทิตย์ จนกระทั่งมาถึงรายการ SONDHI TALK ก็อยู่ในนั้นหมด ให้เข้ายูทูปก่อน แล้วค้นหาคำว่า SONDHI TALK เมื่อท่านเจอแล้ว ท่านกด SUBSCRIBE คือสมัคร เมื่อกดแล้วจะไม่พลาดทุกวิดีโอคลิปที่ผมออก ไม่ว่าจะออกที่ไหน เมื่อไร ก็จะขึ้นหมด ส่วนแฟนคนไหนที่อยากจะฟังทั้งคำพูด และอยากจะอ่านข้อความที่เขาถอดเทปออกมาและจับประเด็นในแต่ละเรื่อง ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะทั้งหมดนี้จะรวมไว้ที่เว็บไซต์ โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ ครบทุกเรื่องในที่เดียวกัน
ส่วนอีกช่องทางหนึ่งสำหรับท่านผู้ชมที่อยากจะฟังแต่เสียง หมายความว่าอาจจะดาวน์โหลดเสียงลงไป แล้วระหว่างนั่งรถอยู่ หรือเดินทางไปทำงาน หรือว่าสบายๆ ไม่อยากจะเปลืองสายตา ฟังแต่เสียง ก็เข้าไปที่ podcast SONDHI TALK ที่รวมเสียงไว้ทุกตอนเลย
ทีนี้ โทรศัพท์มือถือมันมี 2 ระบบ ระบบหนึ่งของท่านที่ใช้ไอโฟน เขาเรียกว่า iOS ถ้า iOS มันจะมีแอปฯ ของแอปเปิล ที่เรียกว่า podcast ท่านก็กดลงไปเลย และกดชื่อ SONDHI TALK มันก็จะมีลิสต์รายการที่ผมออกไป ท่านชอบรายการไหน ท่านก็ดาวน์โหลดเอาไว้ ชอบหลายรายการก็ดาวน์โหลดไว้หลายรายการ แล้วท่านก็เสียบหูฟังไปเรื่อยๆ ส่วนโทรศัพท์ซึ่งไม่ใช่ไอโฟน ซึ่งเป็นระบบแอนดรอยด์ มันก็จะมีคำว่า Podbean ท่านก็กดไปได้เช่นกัน
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ไม่ได้โฆษณาขายของ แต่จะเล่าให้ฟัง แลกเปลี่ยนความรู้สึกและประสบการณ์ ผมเป็นคนที่ทานน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น ทานมาหลายปีแล้ว น่าจะร่วมสิบปีแล้ว ตั้งแต่อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แนะนำให้ผมทาน ผมทานน้ำมันมะพร้าวหีบเย็นวันละ 4 ช้อนโต๊ะ ตอนเช้า ตื่นปุ๊บผมทานเลย แม้กระทั่งในเรือนจำ ซึ่งร้านค้าเขาก็มีขายน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น ผมก็ซื้อมาทาน ปรากฏว่าอายุ 73 แล้ว เลือดลมยังไหลดี น้ำมันมะพร้าวหีบเย็นนั้นมีคุณสมบัติในการละลายลิ่มเลือด บำรุงสมอง ทำให้ไม่เสื่อมเร็ว มีการค้นพบมาแล้วว่า ถ้าหากใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องของโรคอัลไซเมอร์ได้ดีพอสมควร และอีกอย่างหนึ่งมันจะเป็นการบรรเทาโรคอะไรหลายๆ อย่าง ท่านผู้ชมเชื่อไหม 3 ปีที่อยู่ในเรือนจำผมไม่เคยเป็นหวัดเลย เพราะน้ำมันมะพร้าว วันนี้เนื่องจากว่าผมเดินทางบ่อยๆ ทางชอปของเรา ASTV Shop (ชื่อเก่า) ชื่อใหม่คือ พอดีชอป ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามบ้านพระอาทิตย์ ท่านผู้ชมที่เคยมาก็จะรู้ เขามีน้ำมันมะพร้าวที่เป็นแคปซูล เรียกว่า COCO MEGA ซึ่งมีส่วนผสมของโอเมก้า 3 ที่สูงกว่าของปลาเยอะ ทานเข้าไป เหมือนกับทานน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น หลายท่านไม่สามารถจะทานน้ำมันมะพร้าวสดๆ เหมือนอย่างผมได้ เพราะว่ารับประทานไม่ไหว ก็ลองดู COCO หีบเย็นอันนี้ ผมมั่นใจและเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้น
ตำรวจมีปัญหากับสังคมไทยมากที่สุด
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องตำรวจนิด แล้วเดี๋ยวเราค่อยเข้าไปสู่เรื่องราวต่างๆ ตำรวจมันเป็นโครงสร้างที่ไม่สมบูรณ์แบบ บกพร่องมากทุกวันนี้ ในสังคมไทยทุกวันนี้ จริงๆ แล้วโครงสร้างของระบบราชการบ้านเรานั้นบกพร่องมาก ตำรวจเป็นส่วนหนึ่ง แต่เผอิญตำรวจเป็นกลุ่มคนที่มีผลกระทบอย่างสูง กับประชาชนทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้นแล้วตำรวจก็เลยมีปัญหากับสังคมไทยอย่างมากที่สุด เหตุผลเพราะโครงสร้างที่ไม่สมบูรณ์แบบ โครงสร้างที่ไม่สมบูรณ์แบบ ประกอบกับ ท่านผู้ชมครับ เคยคิดไหมว่าประเทศไทยนี่กฎหมายเยอะเหลือเกิน กฎหมายเยอะจริงๆ ผมเคยมาดูเปรียบเทียบกันแล้ว ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ กฎระเบียบข้อบังคับประเทศไทยมหาศาล เขาถึงบอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกนี้ที่จะทำอะไรในประเทศนี้ต้องขอใบอนุญาตหมด และเผอิญตำรวจเป็นผู้ที่กุมอำนาจและใช้อำนาจใน ป.วิฯ อาญา หมายความว่า คดีอะไรที่มีโทษทางอาญา ตำรวจจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องหมด ตั้งแต่เดินข้ามถนน แล้วไม่ได้เดินในทางข้าม อะไรต่ออะไรหลายอย่าง ตลอดไปจนถึงคดีอุกฉกรรจ์ต่างๆ ด้วยเหตุนี้ เมื่อตำรวจมีอำนาจในทาง ป.วิ.อาญา บทบาทของตำรวจ หรือคนที่รับราชการเป็นตำรวจ ก็จะมีผลประโยชน์สูงในการที่จะดำเนินการในเรื่องคดีอาญา เพราะว่าคนที่มีอำนาจใน ป.วิ.อาญา จะดำเนินการให้คุณก็ได้ หรือให้โทษก็ได้
คดีบางคดี ตำรวจสามารถสั่งไม่ฟ้องก็ได้ หรือสั่งฟ้องก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจและวิจารณญาณของตำรวจ ตำรวจจะใช้วิธีง่ายๆ จะบอกว่า เรื่องนี้ผมส่งอัยการฟ้องก็แล้วกัน คุณไปเจรจากับอัยการเอง หรือตำรวจเขาจะบอกว่า เรื่องนี้หลักฐานคุณดีพอ ไม่มีเหตุอันควรที่จะส่งฟ้อง ก็จะส่งให้ผู้บังคับบัญชาสั่งไม่ฟ้อง แต่ในกรณีอย่างนั้นจะมีไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1 เปอร์เซ็นต์ 100 เรื่อง จะมี 99 เรื่องส่งฟ้องหมด อีก 1 เรื่องจะสั่งไม่ฟ้อง ส่วนหนึ่งเรื่องที่สั่งไม่ฟ้องนั้น กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จะต้องมีเส้นมีสาย เขาถึงจะสั่งไม่ฟ้อง ที่สั่งไม่ฟ้องด้วยเนื้อหาของเรื่องนั้นมีน้อยมาก นอกจากว่าเรื่องราวที่มันเป็นเรื่องที่มันใช้ไม่ได้จริงๆ
เหมือนอย่างกรณีข่าวล่าสุด หนุ่มจังหวัดชลบุรีถูกจับข้อหาไปข่มขืนนักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์ก หมอนี่โดนจับผิดตัวมา เป็นแพะ อยู่ในคุก 19 วัน ทั้งๆ ที่หลักฐานตัวเองก็มี ว่าวันที่เกิดเหตุตัวเองไม่ได้อยู่ที่จังหวัดชลบุรี ตัวเองอยู่อีกที่หนึ่ง มีหลักฐาน มีทั้งวิดีโอคลิป มีทั้งกล้องวงจรปิด แต่ปรากฏว่าตำรวจก็ดำเนินคดี เอาเข้าคุก 19 วัน หลังจากนั้นแล้วตำรวจค่อยจับคนร้ายตัวจริงได้ ก็เลยไม่ได้ทำอะไรมาก ก็เลยปล่อยตัวคนนี้ออกไป หมอนี้โชคร้ายที่สุด ติดคุกฟรี 19 วันยังไม่พอ ยังโดนข้อหาซึ่งตำรวจไม่เคยเคลียร์ให้ ตำรวจไปจับเขา จับผิดตัว แต่ตำรวจก็ไม่ดำเนินคดีข้อหาเขา แถลงข่าวออกมาว่า เนื่องจาก 19 วันที่แล้วได้จับคนๆ นี้มา ปรากฏว่าหลักฐานไม่ใช่ เราจับตัวจริงแล้ว เพราะตำรวจไม่อยากจะทบทวนหรือประกาศความผิดของตัวเองออกมา ไอ้หมอนี้่ก็เลยลำบากยากเย็นมา 6 ปี ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เจ้านายเก่าซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้าง ก็ไม่กล้ารับ ก็บอกว่า เฮ้ย คุณมีเรื่องข่มขืนนักท่องเที่ยว ไอ้หมอนี่ก็บอกว่าผมไม่มีครับ จับผิดตัว เขาปล่อยตัวผมมาแล้ว อ้าวทำไมตำรวจไม่แถลง ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องแบบนี้
ผมเคยเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องจริง สมัยหนึ่งซึ่งผมยังอยู่ที่ ASTV มีคนซึ่งร้องเรียนมากับผม เป็นเจ๊คนหนึ่ง อย่าให้ผมเอ่ยชื่อนะ ผมรู้จักดี เพราะหลังจากมีเรื่องมีราวแล้วเจ๊คนนั้นก็ติดต่อมาตลอด เจ๊คนนี้มีเรื่องกับตำรวจจราจร ปรากฏว่าตำรวจจราจรจับเจ๊คนนี้ตลอดเวลา ไฟเลี้ยวไม่ทำงาน ไฟหน้าไม่ทำงาน ไฟเบรกไม่ทำงาน จนกระทั่งวันหนึ่งเจ๊ก็ฮึดสู้ ไม่กลัว ตรวจสอบหมด ว่าไฟเลี้ยวทำงานหรือเปล่า ไฟหน้าทำงานหรือเปล่า ไฟเล็กทำงานหรือเปล่า กระจกทำงานหรือเปล่า ละเอียด เจ๊ก็นึกว่ารอดแล้ว ก็ขับรถไป ก็โดนตำรวจคนนี้เรียกอีก ตำรวจก็บอกว่า ไหนเจ๊ เหยียบเบรกหน่อยซิ ไฟท้ายก็เปิด เปิดไฟเลี้ยวหน่อยซิ ก็เปิด เปิดหมดทุกอย่าง ตำรวจก็เดินดูไป แล้วในที่สุดตำรวจก็มาบอกว่า เจ๊ ผมจะเขียนใบสั่งให้ ฉันผิดอะไร แหนบอ่อนเจ๊ เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นอำนาจของคนที่สามารถใช้ ป.วิ.อาญา ได้ มันมหึมามหาศาลตรงไหน
เอาล่ะ ทีนี้ ยิ่งมีระเบียบมาก ยิ่งมีกฎหมายมาก ก็เป็นช่องทางที่ทำให้ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้าของประชาชน มีช่องว่างในการเรียกเงินเรียกทอง หาเงินหาทอง ท่านผู้ชมเชื่อผมไหม ผมจะพูดคำนี้ออกมา และผมยืนยัน ในประเทศไทย วงการราชการ มีน้อยที่มากที่ไม่เรียกเงินเรียกทองในการบริการ อันหนึ่งที่ผมเห็นได้ชัดว่าใส สะอาด ซื่อ บริสุทธิ์ และทำงานอย่างรวดเร็ว ก็คือสำนักงานเขตที่จะออกบัตรประชาชน อาจจะเป็นเพราะว่าต้องไปเจอประชาชนทุกวัน แล้วประชาชนมีข้อเรียกร้องหรือมีข้อตำหนิมากมายจนกระทั่งทางราชการไม่มีทางเลี่ยง ต้องพัฒนามาว่าต้องเสร็จภายในกี่วันๆ อีกที่หนึ่งก็คือสถานกงสุลที่ทำพาสปอร์ต มีค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ตตายตัว ค่าเขียนคำร้องตายตัว ว่าต้องเขียนอย่างนี้ๆ จะกี่สิบบาทก็ว่ากันไป เสร็จแล้วก็ไม่ต้องเสียเงินอีกแล้ว นอกจากเสียค่าธรรมเนียมในการทำพาสปอร์ต นอกนั้นแล้ว ช่องว่างหรือระเบียบต่างๆ ที่ทิ้งเอาไว้มันเป็นช่องทางทำมาหากิน
วิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง เรื่องปกติในระบบราชการ
ท่านผู้ชมครับ ระบบราชการเมืองไทย เป็นระบบที่คนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปในกรม ยิ่งมีอำนาจมากขึ้น ท่านผู้ชมเชื่อหรือไม่ว่า ในระบบราชการทั่วๆ ไป นี่ผมแยกตำรวจออกมานะ ผมยังไม่ได้พูดเรื่องตำรวจนะ เดี๋ยวผมจะพูดเรื่องตำรวจอีกที แต่ผมจะพูดภาพรวมของระบบราชการให้ดูก่อน คนระดับผู้อำนวยการฝ่าย หรือที่เขาเรียกกันว่า ซี 8
ซี 8 จะขึ้นต้องรู้จักคน ไม่รู้จักไม่ได้ แต่ถ้าซี 8 ขึ้นเป็นซี 9 คือระดับรองอธิบดี และซี 9 ขึ้นที่ซี 10 หลายต่อหลายกรมในประเทศไทยนั้นต้องเสียเงินเสียทองหมด เรื่องนี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยนักการเมืองสมัยยุคคุณมนตรี พงษ์พานิช ชัดเจนสมัยนั้น เสียดายที่คุณมนตรีเสียชีวิตไปก่อน แต่เป็นข้อเท็จจริงที่มีการพูดกันและมีการพิสูจน์กันมาแล้วภายใน ว่าอธิบดีคนไหนในหน่วยงานที่คุณมนตรี พงษ์พานิช คุมอยู่ตอนนั้น ถ้าจะขึ้นเป็นอธิบดี ต้องเสียเงินให้คุณมนตรี และเป็นวัตรปฏิบัติของนักการเมืองตลอดไปว่า ใครก็ตามที่จะขึ้นเป็นอธิบดี ต้องเอาเงินไปเซ่นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง
ส่วนการปฏิวัติครั้งนี้มี คสช.เข้ามา พฤติกรรมจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้ แต่ว่าพฤติกรรมการปฏิบัติก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม หลายต่อหลายกรม ท่านผู้ชมเชื่อไหม ในกระทรวงเกษตรฯ มีกรมบางคน คนจะขึ้นเป็นอธิบดี พ่อค้าจะเต๊ยเงิน ลงขันกันเป็นก้อน แล้วขนเงินก้อนนี้ไปให้รัฐมนตรี เพื่อตั้งคนๆ นี้เป็นอธิบดี เพราะว่าคนๆ นี้ก็จะได้ตอบแทนบุญคุณพ่อค้าด้วยการอนุมัติโครงการ ด้วยการจัดงบประมาณมาจัดซื้อจัดจ้างโน่นนี่นั่น มีอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยก็แล้วกันว่าเป็นกรมไหน เดี๋ยวจะหาว่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้นกันอีก แต่มันเป็นข้อเท็จจริง
เอาล่ะ เมื่อระบบราชการส่วนใหญ่มันเป็นอย่างนี้ แล้วตำรวจล่ะ เป็นอย่างไร ตำรวจค่อนข้างจะพิเศษกว่าระบบราชการอื่นๆ เนื่องจากตำรวจถือ ป.วิฯ อาญา อยู่ในมือ ข้าราชการที่อยู่ในกรม ถ้าใครก็ตามทำผิดกฎหมาย ข้าราชการดำเนินการพ่อค้าทำผิดกฎหมาย ก็ต้องส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการ เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างมันจะต้องจบที่ตำรวจก่อน และตำรวจก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจากตำรวจก็ต่อไปที่อัยการ อัยการก็ต่อไปที่ศาล เพราะฉะนั้นขั้นตอนของการต้องเสียเงินเสียทองมันมีอีกหลายขั้นตอน ท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อตำรวจมีอำนาจใน ป.วิฯ อาญา การวิ่งเต้นตำรวจสำคัญไหม สำคัญมากท่านผู้ชม ท่านผู้ชมที่ไม่ค่อยรู้เรื่องตำรวจ ตามผมมา แล้วก็ฟังผมช้าๆ ตั้งใจฟังนะ
เริ่มซื้อหนักตำแหน่งสารวัตร
ตำแหน่งที่สำคัญที่ช่วงหลังเริ่มมีการวิ่งเต้นกันมากขึ้น คือตำแหน่งจากรองสารวัตร ขึ้นเป็นสารวัตร รองสารวัตรก็คือตำรวจที่มี 3 ดาว ที่เขาเรียกว่าผู้กอง พอพ้นจากผู้กองไป ก็เป็นสารวัตร ก็คือพันตำรวจตรี พันตำรวจตรีก็คือ 1 ดาว และมีมงกุฎครอบเอาไว้ พันตำรวจโทก็คือ 2 ดาว มีมงกุฎครอบ พันตำรวจเอกก็มี 3 ดาว มีมงกุฎครอบ เพราะฉะนั้นแล้ว สารวัตรก็คือพันตำรวจตรี รองผู้กำกับก็คือพันตำรวจโท ผู้กำกับก็คือพันตำรวจเอก รองผู้การก็ยังเป็นพันตำรวจเอก ก็คือว่า สารวัตร รองผู้กำกับ ผู้กำกับ รองผู้การ ผู้การ ผู้การก็เป็นยศพลตำรวจตรีแล้ว มีมงกุฎและมีช่อชัยพฤกษ์ล้อมอยู่ 1 ดาว นั่นคือพลตำรวจตรี แล้วก็ขึ้นไปเป็นรองผู้บัญชาการ จากรองผู้บัญชาการ ก็ขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการคือพวกไหน คือพวกยศพลตำรวจโท อย่างเช่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ภาค 3 ภาค 4 ภาค 5 ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาในระดับกองบัญชาการ ก็คือ ผู้บัญชาการ สำหรับท่านผู้ชมที่รู้เรื่องตำรวจดี อดทนนิดนะครับ ผมจำเป็นต้องพูดให้ท่านผู้ชมที่ไม่รู้เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ของบรรดาตำรวจ
พอหมดจากผู้บัญชาการ ก็ขึ้นไปเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยศพลตำรวจโทเหมือนกัน แล้วค่อยขึ้นพลตำรวจเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็คือยศพลตำรวจเอก แล้วก็ขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยซีแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่างเช่น พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ถ้าเทียบซีกัน ก็คือซี 11 ก็เท่ากับตำแหน่งปลัดกระทรวง เพราะว่าเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เอาล่ะ ทีนี้ยศเท่ากัน อำนาจไม่เหมือนกัน ผลประโยชน์ต่างกันอย่างแท้จริง ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ถ้าสมมุติคนๆ หนึ่งเป็นผู้การจังหวัดขอนแก่น ผู้บังคับการจังหวัดขอนแก่น จะมีอำนาจเหนือทุกอำเภอในจังหวัดขอนแก่น โรงพักในอำเภอ ซึ่งหัวหน้าโรงพักเขาเรียกว่าผู้กำกับ คือพันตำรวจเอก จะต้องขึ้นกับรองผู้การที่จังหวัด แล้วรองผู้การนี้ก็ต้องขึ้นกับผู้การที่จังหวัด เพราะฉะนั้นแล้ว ผลประโยชน์ที่อำเภอทุกอำเภอจะมีหมด จะมาในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ จะมาในรูปแบบของสถานบันเทิง จะมาในรูปแบบของการลักลอบทำลายป่า หรือว่าทำอะไรก็ตามที่ผิดกฎหมาย แล้วตำรวจสามารถจะหรี่ตาได้ข้างหนึ่ง แล้วเงินทองก็ไหลเข้ามา หวยเถื่อน บ่อนการพนัน หรือว่าการค้าประเวณี อะไรหลายอย่าง ทั้งหมดนี้จะมีคนเดิน เมื่อเดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เก็บเงินเก็บทองเสร็จเรียบร้อย แล้วส่งมาให้เป็นขั้นตอน จากโรงพักรับไป โรงพักส่งไปที่กองบังคับการ ส่งไปที่รองผู้การ รองผู้การส่งต่อ จัดส่วนหนึ่งให้กับรองผู้การ จัดส่วนหนึ่งให้กับผู้การ
ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อเท็จจริง ท่านผู้ชมที่เป็นตำรวจท่านก็ต้องยอมรับว่านี่คือข้อเท็จจริง แต่ที่ผมพูดเช่นนี้ ไม่ได้แปลว่าตำรวจทุกคนจะเลวร้ายหรือชั่วร้ายไปหมด แต่นี่คือช่องว่างที่ก่อให้เกิดการวิ่งเต้น และในที่สุดก่อให้เกิดการซื้อตำแหน่ง เอาล่ะ ผมยกตัวอย่าง ตอนนี้ในตำรวจด้วยกัน กรุงเทพมหานครนี่ถือว่าอันดับ 1 ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพราะว่ามีทั้งแหล่งอบายมุขเต็มไปหมด มีการทำผิดกฎหมาย ใต้ดิน สีเทา สีดำ เยอะแยะไปหมด รองลงมาก็คือภาคต่างๆ ที่ล้อมรอบกรุงเทพมหานคร ที่เป็นปริมณฑล อย่างเช่น ตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 1 ก็คือเอาตั้งแต่ปทุมธานีไป ขึ้นไปจนถึงนครสวรรค์ ภาค 2 ก็คือทางตะวันออก ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด แหล่งท่องเที่ยวที่มีเยอะแยะไปหมด ก็คือภาค 2 แล้วก็ภาค 7 คือนครปฐม เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า พวกภาค 7 นครปฐม ภาค 1 ปทุมธานีขึ้นไป ภาค 2 ตะวันออก นี่คือกองบัญชาการขุมเงินขุมทองที่ทุกคนก็อยากจะไปอยู่ภาค 1 ภาค 2 และภาค 7 แน่นอนที่สุดครับ อันดับ 1 ก็ยังเป็นกองบัญชาการตำรวจนครบาล
ทำไมถึงเป็นกองบัญชาการตำรวจนครบาล? เพราะกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้นมีแหล่งท่องเที่ยว มีแหล่งอบายมุขเยอะแยะไปหมดเลย ผมยกตัวอย่างให้ฟัง สน.บางรัก ที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อ้างว่าตัวถูกวิสามัญฯ รถ ท่านผู้ชมฟังดีๆ นะ วิสามัญฯ รถนะครับ ไม่ใช่วิสามัญฯ คน คือยิงรถนะ ท่านผู้ชมที่อยู่กรุงเทพมหานครลองไปสำรวจดูสิว่า ในบางรัก ในลุมพินี ในทองหล่อ มีแหล่งบันเทิง หรือที่เราเรียกว่าสถานอบายมุข กี่แห่ง แห่งหนึ่งขี้หมูราขี้หมาแห้งต้อง 10,000 บาทต่อเดือน ค่าอะไร? ค่าบริการคุ้มครอง แต่เขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่าเป็นค่ารีดไถ ก็คือค่าเซ่น เอาไปเดือนละหมื่นๆ แล้วก็จะไม่มีปัญหา ปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มีนักท่องเที่ยวอยู่ จู่ๆ ร้านนี้ไม่ยอมจ่าย ตำรวจก็มากันสัก 10-20 คน ตรวจปัสสาวะนักท่องเที่ยว ทำอยู่สักประมาณ 7 วัน ผมถามท่านผู้ชมว่าผับตรงนั้น ร้านอาหารตรงนั้น จะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง มันเจ๊ง เพราะฉะนั้นเสีย 10,000 ไปดีกว่า สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว เจ๊ากันไป ไม่ต้องมายุ่ง นอกเสียจากว่ามีการยิงกัน หรือมีการค้ายาเสพติดในร้าน นั่นอีกเรื่องหนึ่ง นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง
เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพว่า ในท้องที่หนึ่งๆ ถ้าสมมุติ ไม่ต้องสมมุติล่ะ มีสถานบริการทั้งหมดเลย เบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 1,000 แห่ง 1 แห่งจ่าย 10,000 เท่ากับว่า 1 เดือน ท้องที่นั้นจะได้เงินประมาณ 10 ล้านบาท แต่ 10 ล้านบาทนี่ไม่ใช่ตำรวจระดับผู้กำกับรับไปหมดนะ ต้องส่งต่อ ต้องส่งต่อไปเรื่อยๆ ตามขั้นตามตอน เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมต้องรู้ว่าตำแหน่งอย่างเช่นผู้กำกับโรงพัก อย่างเช่นบางรัก ลุมพินี ทองหล่อ หรือที่เรียกว่าผู้กำกับเหมืองทอง ตรงนั้น หนึ่ง ถ้าไม่ใช่เด็กนาย ก็สอง ถ้าจะไปนั่งต้องเสียเงินเสียทอง นั่นคือมาของการซื้อขายตำแหน่ง
สน.ขุมเงินขุมทอง
เสร็จแล้วขึ้นไป คือผู้การ ผู้การเขต ผู้การจังหวัด 1 จังหวัดจะมีผู้การ 1 คน จังหวัด 1 จังหวัดมีผู้การ 1 คน ผู้การ 1 คน จะคุมทั้งจังหวัด แต่เนื่องจากกรุงเทพมหานครใหญ่มาก เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้บังคับการก็จะมีกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กองบังคับการตำรวจนครบาล 3, 4, 5, 6, 7, 8 ขุมทองจริงๆ ตอนนี้กลายเป็นกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ทำไมถึง 6 เพราะว่ามีบางรัก พระราชวัง พลับพลาไชย 1 พลับพลาไชย 2 ท่านผู้ชม พลับพลาไชย 1 พลับพลาไชย 2 นี่พ่อค้าทั้งนั้น รถบรรทุกจอดเต็มไปหมดเลย เอาเฉพาะเงินร้านค้าแต่ละร้านค้าที่มีรถบรรทุกที่ต้องจอดหน้าร้านนะ ต้องจ่ายตำรวจจราจร แล้วเข้ากองกลางของโรงพัก เป็นเงินเท่าไร รถบรรทุกกี่คัน รถส่งของเอย โน่นนี่นั่น แล้วก็มีตำรวจนครบาล 5 มีลุมพินี ทองหล่อ คลองตัน พวกนี้ ฉะนั้นผลประโยชน์จะต่างกันมาก ระหว่างโรงพักที่มีขุมทอง กับโรงพักที่ไม่มีขุมทอง ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ผู้กำกับโรงพักคนหนึ่ง เมื่อเข้าไปในท้องที่แล้ว เป็นคนใหม่ คนเก่าถูกย้ายไป สิ่งแรกที่ผู้กำกับโรงพักคนนี้ทำ ต้องประกาศออกไปเลยว่า ยุคผมจะต้องไม่มีอบายมุข ร้านค้าต้องเปิดและปิดตรงตามเวลา ไม่ใช่ว่าพ้นตีหนึ่งแล้วก็ยังเปิดอยู่ เปิดเพลงอยู่ ยังมีโน่นมีนั่น ไม่ให้มีเด็ดขาด บ่อนห้ามมีเด็ดขาด โน่นนี่นั่นห้ามมีเด็ดขาด ผู้กำกับก็จะเรียกประชุมตำรวจ เฮ้ย ไม่ได้นะ ยุคผมนี่นะจะเป็นยุคที่ไม่มีบ่อนการพนัน เมื่อไม่มีบ่อนการพนันแล้ว ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย ตำรวจที่เคยได้เงินได้ทองจากพวกนี้ก็จะอดอยากปากแห้งกัน แต่ท่านผู้ชม ใจเย็นๆ นี่คือรายการที่เขาเรียกว่า "เคาะกะลา" แปลว่าอะไร? แปลว่าทำไปประมาณสัก 1-2 อาทิตย์ ประเดี๋ยวจะมีคนวิ่งมาแล้ว จะมีเสี่ยคนหนึ่ง หรือมีคนๆ หนึ่ง เข้ามาหาท่านผู้กำกับ บอก ท่านครับ ผมเป็นตัวแทนของคนทำมาค้าขายในเขตนี้ ท้องที่นี้ ท่านครับ อย่างนี้ได้ไหมครับท่าน เอาเป็นว่าพวกผมจะจัดมาให้ท่าน เดือนละเท่านี้ๆๆ ผู้กำกับก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองแล้ว บางคนเขี้ยวหน่อยก็บอกว่า เฮ้ย สมัยก่อน อั๊วรู้นะว่าผู้กำกับคนก่อนเขาได้มากกว่าอั๊วอีกเท่าตัว ทำไมลื้อให้อั๊วน้อยเกินไป งั้นยังไม่เปิด เดี๋ยวก็จะกลับมาแล้ว เจรจาต่อ ผมไปคุยกันแล้วครับ เพิ่มให้เท่านี้ครับ แหม แต่ท่านผู้กำกับคนเก่าโกหกครับ นี่ล่ะครับสูงสุดแล้ว อันนี้แปลว่าอะไรท่านผู้ชม อันนี้แปลว่าผู้กำกับคนใหม่ทำมาหากินเก่ง ทำงานเป็น คือเขาเข้าไปแล้วเขาต้องเขียนแผนที่ แล้วเขาเข้าไปใหม่ๆ เขาจะเขียนแผนที่ได้อย่างไร เขาจะไปพึ่งพาจ่าตำรวจ นายดาบตำรวจ ที่เคยเดินเก็บเงินเก็บทอง เขาจะพึ่งพาได้อย่างไร เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินทองที่มาถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง นี่คือวิธีการ เขาเรียกว่า "ทุบโต๊ะ" ให้ทุกคนวิ่งเข้ามาหาก่อนแล้วค่อยคิดเงิน
ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง นี่แค่ระดับท้องที่ ระดับโรงพัก ระดับจังหวัดจะขนาดไหน และระดับกองบัญชาการจะขนาดไหน ทุกจุดมี แม้กระทั่งกองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เขาเรียกว่า สตม.
สตม.เป็นอย่างไร สตม.มันมีรายได้พิเศษ คือรายได้พิเศษค่าล่วงเวลา กับรายได้พิเศษค่าปรับจากคนที่อยู่ประเทศไทยเกินเวลาแล้วโดนปรับ บวกเบ็ดเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจใน สตม.ทุกคนจะได้เงินพิเศษอีกเดือนละ 15,000 บาท ประมาณ 12,000-15,000 บาท ส่วนผู้ใหญ่ก็จะได้มากกว่านั้น ผู้ใหญ่ได้มากกว่าอย่างไร สมมุติว่ายุคหนึ่งสมัยหนึ่ง สตม. มีบริษัทเอกชนหนึ่งมาตั้ง เป็นบริษัทผี สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินสุวรรณภูมิ จะมีหลายประเทศ อย่างประเทศจีน ประเทศอินเดีย ที่ไม่มีวีซ่ามา สามารถทำ Visa on Ariival ได้ กรุ๊ปทัวร์ หัวหน้าทัวร์ที่พากรุ๊ปคนจีนมาเที่ยวเมืองไทย พอมาถึงเมืองไทยเขาจะเก็บเงินลูกทัวร์คนละ 1,500 บาท เป็นค่า Visa on Arrival เขาเก็บไว้ 700 อีก 800 ให้กับหน่วยงานที่ทำในเรื่อง Visa on Arrival และปรากฏว่ายุคหนึ่งบริษัทที่มาทำ Visa on Arrival ที่เขาเรียกว่า Visa on เป็นบริษัทผี ก็คือตั้งขึ้นมาโดยผู้บัญชาการตำรวจ สตม. ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีการเซ็นได้สัมปทานโน่นนี่นั่น แล้ว 800 บาท เข้ากระเป๋าใคร? เห็นไหมครับท่านผู้ชม นี่คือวิธีการที่ผู้ใหญ่กินเงินกินทองกัน
อีกวิธีหนึ่งก็คือว่า ท่านผู้ชมครับ คนจีนตอนนี้ที่อยู่ผิดกฎหมาย เยอะไปหมดเลย นอกเหนือจากคนอินเดียแล้ว ท่านไปที่ห้วยขวาง ท่านไปที่ดินแดง ท่านไปที่ภูเก็ต ท่านไปที่เชียงใหม่ จะเจอคนจีนเต็มไปหมด คนจีนพวกนี้ทำ Visa on Arrival แต่จะได้อยู่ไม่เกิน 15 วัน แต่อยู่กันมาเป็นปี ถามว่า ตม.รู้เรื่องไหม? รู้เรื่อง ท้องที่รู้เรื่องไหม? รู้เรื่อง มันจะมีขาใหญ่คอยเอาเงินไปเคลียร์ตำรวจ เพราะฉะนั้นแล้ว นี่้คือเสียงบ่น เสียงรำพึงของชาวบ้านและประชาชนที่โดนคนจีนพวกนี้มาแย่งที่ทำมาหากิน
ท่านผู้ชมครับ รอ ใจเย็นๆ อีกไม่กี่อาทิตย์ จะมีเรื่องคนจีนมาสร้างเมืองจีนในเมืองไทย และออกจากปากผม สนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมหลักฐานหมดทุกอย่าง ใจเย็นๆ เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมหลายท่านที่เคยตำหนิหรือต่อว่าผมว่าผมอวยประเทศจีนนั้น คอยดูรายการนี้ก็แล้วกัน คนจีนวันนี้มาไม่ได้มาแค่ตั้งชุมชนอย่างเดียวเท่านั้น ยังมาไล่ซื้อมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่กำลังขาดเงินขาดทอง อย่างเช่น มหาวิทยาลัยเกริก ตอนนี้เป็นของคนจีนไปแล้ว ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ วัดเล่งเน่ยยี่ ตรุษจีนมาแล้ว
ท่านผู้ชมเชื่อไหม คนจีนนี่ฉลาดในการทำมาหากิน ฉลาดอย่างไร? เวลาเข้าไป ชุดเซ่นไหว้เทพเจ้าต่างๆ มีกี่ชุด มันเหมาหมดเลยนะ ชุดละ 120 มีเท่าไรมันเหมาหมด ซื้อหมดเลย แล้วมันก็ติดต่อไปที่ประเทศจีน ถามว่าจะไหว้เจ้าที่เล่งเน่ยยี่ผ่านแอปฯ ไหม มันคิดชุดละ 600 หยวน (2,400 บาท) แต่มันจ่ายชุดละ 120 ปรากฏว่าคนไทยที่ไปวัดเล่งเน่ยยี่ ที่ต้องการไปไหว้เจ้า ไม่มีปัญญา เพราะมันเต็มหมดแล้ว ข้าวของก็ไม่มี นี่คือวิธีทำมาหากินของเขา
ถามว่าเขาผิดไหม เขาไม่ผิด เพราะเขาฉลาด เหมือนกับคนจีนไปซื้อผลไม้ ที่จันทบุรี มันซื้อเป็นล้งเลย คือมันเหมาทั้งสวนออกมา เอาล่ะท่านผู้ชม ทั้งหมดนี้เขาทำงานได้อย่างไร เพราะว่าตำรวจปิดตาข้างหนึ่ง นี่คือเหตุผลว่าทำไมการวิ่งเต้นถึงมีตลอดเวลา เวลามีการโยกย้ายตำรวจ
สมัยก่อน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่ต้องพูดถึง เพราะคนที่จะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะมาได้ นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนให้ไฟเขียว ถ้านายกฯ ไม่เอาคนนี้ คณะกรรมการพิจารณามา จะใครก็ตาม หรืออีกนัยหนึ่ง คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะฟังทิศทางของนายกรัฐมนตรีว่าจะเอาใคร แต่ระดับรองลงมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่เท่าไร ผู้บัญชาการภาคนี่สิสำคัญมาก ภาค 1 ภาค 2 ภาค 7 สำคัญ ภาค 8 ก็สำคัญ ท่านผู้ชมจำไว้นะครับ ภาคใดก็ตามที่มีการท่องเที่ยวเยอะ ภาคนั้นคือเงินคือทอง เพราะธุรกิจที่ทำกับนักท่องเที่ยวมีเยอะแยะไปหมด แล้วส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่คาบลูกคาบดอก ถูกกฎหมายบ้าง ผิดกฎหมายบ้าง เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าตำแหน่งผู้บัญชาการ วิ่งกันเป็นสิบๆ ล้าน ว่ากันว่าตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ใช่ตอนนี้นะ ในอดีต ในอดีตมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท 500 ล้านบาทนี้หมายความว่าอะไร หมายความว่าได้มาเรียบร้อยแล้ว คืนทุนภายในไม่เกิน 1 ปี แสดงว่าอะไร แสดงว่าคนๆ นั้น ในอดีตคนๆ นั้นต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 60 ล้านบาท อยู่ 1 ปี ได้คืนทุน บวกไปอีกปีก็กำไร แล้วจะถูกย้ายไปไหน ก็ไม่เป็นไร ไม่เสียหายแล้ว
ประธาน ก.ตร.ชี้เป็นชี้ตายเก้าอี้ตำรวจ
การซื้อขายตำแหน่งก็เลยเกิดขึ้น และยิ่งซื้อขายหนักขึ้นๆๆ แต่การซื้อขายตำแหน่งในลักษณะตอนนั้นยังจะเป็นการวิ่งเต้น วิ่งเต้นระหว่างคนที่อยากขึ้นผู้บัญชาการ ไปวิ่งเต้นกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปวิ่งเต้นกับนักการเมือง แต่เมื่อใดก็ตาม ตามโครงสร้างตำรวจซึ่งมันผิดหมด ตำรวจมีกำลังอยู่ประมาณเกือบ 2 แสนคน เกือบ 2 แสนคนนี้ อยู่ภายใต้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพียง 1 คน และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีนั้นก็จะเป็นคนซึ่งแต่งตั้งหรือจะปลดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุนี้ประธาน ก.ตร. ซึ่งนายกฯ จะมานั่งเป็นหรือจะแต่งตั้งใครมาเป็นแทน ก็เป็นคนที่มีความสำคัญ และคนๆ นี้คือคนที่ชี้เป็นชี้ตายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยังครับ
เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัด เมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อการโยกย้ายแต่งตั้งทุกครั้งมันมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง จนกระทั่งตำรวจเริ่มโวยวายขึ้นมา โอ้โห ผมเป็นรองผู้การมา 13 ปี อาวุโสสูงสุดอันดับ 1 ผมถูกข้ามหัวๆๆ ไปตลอด ตรรกะตรงนี้ก็เลยทำให้คนที่วิ่งเต้นหรือคนที่รับเงินรับทองตำรวจในการวิ่งเต้นเริ่มมีความอาย ต้องแก้เกมก่อนล่ะ ก็เลยเป็นที่มาของ "อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์" หมายความว่าการแต่งตั้งช่วงหลังนั้น จำนวนตำแหน่งมีอยู่ 100 ตำแหน่งว่าง 33 เปอร์เซ็นต์ คือ 33 ตำแหน่ง จะต้องเก็บเอาไว้ให้คนที่อาวุโสสูงสุด หลังจากนั้นแล้ว ที่เหลืออีกกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ก็ความรู้ความสามารถ และคุณสมบัติอะไรหลายอย่าง อาวุโสจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้พออาวุโสเขาจัดการไปเรียบร้อยแล้ว เขาจัดการอย่างไร ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งซึ่งมีคนคอยวิ่งเต้น เป็นตำรวจเหมือนกัน ยศพลตำรวจโท ผมไม่ต้องเอ่ยชื่อ แต่เป็นเด็กของประธาน ก.ตร. เป็นเด็กในบ้านเลย คนๆ นี้ก็จะไปอ้างบุญคุณ หรือไปอ้างว่าท่านประธาน ก.ตร. มีมติมาให้ผมทำโน่นทำนี่ ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมเถอะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งคนของตัวเองได้ไม่กี่คนหรอก ฉันใดฉันนั้น ผู้บัญชาการฯ ภูธรภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 ก็จะตั้งคนของตัวเองได้ไม่กี่คน
เอาล่ะ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร สมมุติว่ามีตำแหน่งผู้กำกับว่างอยู่ 7 ตำแหน่ง พนันกับผมได้เลย 5 ตำแหน่ง ถูกยึดไป มาที่ส่วนกลาง ส่วนกลางตั้ง 2 ตำแหน่งเท่านั้นเอง เผลอๆ อาจจะได้แค่ตำแหน่งเดียวที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 เป็นคนตั้ง ส่วนอีก 5-6 ตำแแหน่งมาที่ส่วนกลาง แล้วส่วนกลางนี่ไม่ใช่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งได้นะ คนที่ใหญ่กว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นคนชี้เป็นชี้ตาย ก็จะเป็นคนบอกว่า เฮ้ย เอานี่ลงนี่ เอานี่ลงนู่น และใครเป็นคนทำบัญชีนี้ ก็คือไอ้คนที่เอาหนังเสือของประธาน ก.ตร. เข้าไปวิ่งเต้น แล้วเป็นคนทำโผออกมาเสร็จเลย ทำโผแล้วเอามายื่น เอามาส่งให้ บอกว่านี่เป็นโผท่านประธาน ก.ตร. ท่านประธาน ก.ตร.พอถูกถาม ก็เอาตามนี้ ตัดปัญหา ปรากฏว่าท่านประธาน ก.ตร.บางทีไม่รู้เรื่องอะไรเลย เงินเข้ากระเป๋าพลตำรวจโทคนนี้ตลอดเวลา ก็เลยกลายเป็นการสร้างอำนาจ สร้างบารมี นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นท่านผู้ชม เห็นหรือยังครับว่ามันใช้ไม่ได้
ปริศนาธรรม"อำนวย นิ่มมะโน"
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยได้ยินชื่อ พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน ไหม สำหรับพวกผมก็คือน้านวย เราเป็นคู่รักคู่แค้นกัน สมัยก่อนที่ชุมนุม พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน ก็เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งของตำรวจที่คอยดำเนินคดีพวกเรา แต่วันนี้ท่านพลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน ท่านเกษียณอายุไปแล้ว ท่านเคยไปเป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอยู่พักหนึ่ง ท่านเป็นกรรมการในการปฏิรูปตำรวจ ในชุดที่คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ท่านเขียนในเฟซบุ๊กของท่าน ท่านเขียนดีมาก ท่านเอ่ยชื่อ แต่ท่านไม่เอ่ยชื่อใครนะ "คุณอย่าหลงผิด" คุณนี่หมายถึงพลตำรวจโทคนนั้นนะ "คิดเอาเองว่าการที่มีคนห้อมล้อม เดินตามหลัง กางร่มให้ จะแปลว่าคุณเป็นคนดี แท้ที่จริงแล้วคุณมีอำนาจ และคุณไปแย่งชิงอำนาจคนอื่นเขามา ที่จะให้คุณให้โทษเขาได้ แมลงวันก็เลยมารุมตอม ก็เท่านั้น ถามสักคำว่าคุณมาจากไหน คุณเจริญเติบโตมาเพราะใคร?" ท่านหมายถึงพลตำรวจโทคนหนึ่งที่เหมือนกับนั่งจรวดขึ้นมา จู่ๆ มาจากไหนไม่รู้แล้วก็มาทำหน้าที่โยกย้ายแต่งตั้ง "ใครปั้น ใครสร้างคุณขึ้นมา ประเด็นนี้ผมขออ้าง พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. คุณวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จะรู้ว่าพลตำรวจโทคนนั้น พื้นฐานเป็นอย่างไร มาอย่างไร
เอาล่ะ ท่านอดีตผู้บัญชาการภูธรภาค 1 คือ พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน ท่านพูดต่อ "สามสี่ปีที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกกระทำแค่ไหน ด้วยน้ำมือใคร การแต่งตั้งตำรวจ ผบ.ตร.มีอำนาจแต่งตั้งเองหรือไม่" ตรงกับที่ผมพูดไง มี แต่ไม่มีสิทธิ์ เพราะว่าถูกใบสั่ง สั่งมา มีโพยมาให้เรียบร้อย "ถูกใครปล้นอำนาจไป ไปแอบทำคำสั่งกันที่โรงแรมใด ห้องใด มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ มีการซื้อขายตำแหน่งแบ่งโควตาให้กับใครบ้าง ใครทำคำสั่ง ใครมีสิทธิ์ชะโงกหน้ามาดู ใครคือมารขาว มารดำ เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง สวรรค์มีตา เทวดามีจริง ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ ลงบนกบาลมารตนหนึ่ง ส่วนคนให้ท้ายโดนหางเลข ซึ่งก็รู้กันทั่ว ที่พูดมาไม่ได้เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร ท่านคิดเอาเอง ถูก/ผิดไม่ทราบ (แต่คนที่ท่านคิดอยู่ในใจขณะนี้ถูกตัวแล้วครับ) นี่คือคำพูดของ พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน
ท่านผู้ชมครับ การปฏิรูปตำรวจนั้น เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แต่ท่านผู้ชมรู้ไหม ติดขัดอยู่ที่พลตำรวจโทคนหนึ่ง เป็นคนที่วิ่งเต้นจัดโผ รับเงินรับทองมา ขวาง ไม่ให้การปฏิรูปตำรวจเดินหน้าต่อไปในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะถ้าเดินหน้าต่อไปแล้ว การจัดโผของตัวเองนั้นจะไม่สำเร็จ ท่านผู้ชม ถ้าผู้บัญชาการคนหนึ่ง สัก 30 ล้าน รองผู้บัญชาการ สัก 10 ล้านก็แล้วกัน ผู้กำกับโรงพักดีๆ หลายๆ โรงพัก ต้องมี 20 ล้าน ท่านผู้ชมเอาตัวเลขนี้คูณไป กี่ร้อยล้าน เผลอๆ ถึงพันล้าน ในการโยกย้ายแต่งตั้ง นั่นคือทำไมการแต่งตั้งในยุค 2-3 ปีที่ผ่านมา มันล่าช้า ท่านผู้ชม แล้วมันมีการสลับโผไปสลับโผมา ประกาศวันนี้ ประกาศอีกวันหนึ่ง ยกเลิกประกาศวันนี้ไป เพราะว่าโผใหม่มา มันไม่ใช่โผที่เขาทำกัน มีแม้กระทั่งเอาตำรวจที่ตายไปแล้ว เลื่อนตำแหน่งให้เขา ตำรวจคนหนึ่งเป็นยศพลตำรวจตรี ลดยศของเขาเป็นนายพันตำรวจเอก จากนายพลเป็นนายพัน ทำไม? เพราะเมื่อโผผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเซ็นออกไปแล้ว ปรากฏว่ามีโผใหม่เข้ามา โผใหม่นี้ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่กล้า ก็ต้องเซ็นคำสั่งใหม่ ยกเลิกโผเก่าไป และนี่คือฝีมือพลตำรวจโทคนนี้จริงๆ
ท่านผู้ชม เห็นหรือยังว่าเมืองไทยตอนนี้ทำไมมันถึงวิกฤต มันวิกฤตเพราะตำรวจมันวิกฤต และตำรวจคนใดก็ตามถ้ามันจ่ายเงินไป 20 ล้าน เพื่อกินตำแหน่งนี้ ถามซิว่ามันจะจ่ายเงินบริจาคเหมือนกับบริจาคให้ป่อเต็กตึ๊งหรืออย่างไร ไม่ มันต้องเอาคืน นี่คือการลงทุนเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา คนที่โชคร้าย คนที่ซวย คือประชาชน แล้วยังมีอีก ตำรวจมีวิธีการเยอะแยะไปหมด มีศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ใครนึกอยากจะตั้งก็ตั้งมา มีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ไปจับแชร์ต่างๆ ไปจับโน่นจับนี่
คุณอัจฉริยะ ไปฟังคลิปในยูทูปของเขา คุณอัจฉริยะพูดตรงหมดทุกอย่าง ว่าศูนย์อาชญากรรมจับมา คุณอัจฉริยะแกทำเรื่องแชร์ เจ้าหนึ่งมีคนเสียหายประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท ปรากฏว่าไปปราบ ตำรวจคนนี้ไปปราบ ยศพลตำรวจโท ไปค้นพบว่าเงินเหลือแค่ล้านกว่าบาท เป็นไปได้อย่างไร ที่เหลือเข้ากระเป๋าใครไป นี่ครับ ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ เอาดีเอสไอ จับแชร์ Forex 3D ยังมีเงินสดเหลืออยู่ประมาณ 150 ล้าน แล้ววงเงิน 5,000 ล้านที่เสียหาย มันหาเงินได้แค่ล้านกว่าบาท เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นได้ เพียงแต่ว่าผมเสียดาย คุณไปฟัง เปิดยูทูปฟังคลิปของคุณอัจฉริยะ ผมเสียดายเรื่องเดียว คุณอัจฉริยะแกพูดไม่เป็น อธิบายเรื่องไม่ค่อยเป็นนัก แต่ว่าจับเนื้อหาแล้วรู้
นายกฯ นั่ง ก.ตร.-ผบ.ตร.คุมโผเอง วงการตำรวจกลับสู่ความสงบ
เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่า ถ้าเรายังหาความยุติธรรม ความเป็นธรรมให้กับวงการตำรวจในการโยกย้ายแต่งตั้งไม่ได้ ประชาชนทั่วไปจะได้ความเป็นธรรมได้อย่างไร ผมจับได้ท่านผู้ชม ผมไปเป็นประธานผ้าป่าที่วัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน จ.เลย ปรากฏว่าผมไปเจอท่านผู้การจังหวัดเลย เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ๆ ในยุคที่พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้ทำโผ และในยุคที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ก.ตร. ที่ท่านบอกว่างานนี้ต้องจบภายในเท่านี้ และให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทุกคน คือพูดง่ายๆ ว่า อย่าให้ซ้ำรอยในอดีตที่เคยเป็นมา ปรากฏว่าท่านผู้การเลยท่านอายุมากแล้ว อีก 1-2 ปีท่านจะเกษียณ ท่านบอกว่า คุณสนธิครับ ผมนี่ต้องถือว่าโชคดีนะ ได้รับการแต่งตั้งในยุคที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ก.ตร. และ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา เพราะธรรมดาแล้ว ผมอยู่ในอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ผมต้องได้อยู่แล้ว แต่ในอดีตได้เหมือนกัน พลตำรวจตรี แต่ได้ไปเป็นผู้การฝ่ายอำนวยการ ท่านผู้ชม ผู้การฝ่ายอำนวยการมีหน้าที่อะไร ผู้การฝ่ายอำนวยการมีหน้าที่จัดซื้อ หากระดาษซีร็อกซ์มา หาน้ำล้างส้วม เป็นแม่บ้านไง เป็นแม่บ้านของตำรวจทั้งจังหวัด ทำไมเขาเป็นแบบนี้ล่ะ เพราะเขาต้องการเอาตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการให้กับอาวุโส ซึ่งเขาไม่มีทางเลือกแล้ว แล้วเขาเก็บตำแหน่งผู้การจังหวัด อย่างเช่น จังหวัดเลย จังหวัดขอนแก่น จังหวัดลำพูน จังหวัดนครพนม เก็บเอาไว้ให้พรรคพวกของเขา หรือเก็บเอาไว้ให้คนที่จ่ายเงินเขา และเป็นอย่างนี้มาตลอดเลย 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ พลเอก ประยุทธ์ จะเข้ามา จะโดนกันทุกคน พวกที่อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ จะโดนกันทุกคน ไปที่ฝ่ายอำนวยการหมดเลย หรือไปกองบัญชาการศึกษาบ้าง โน่นนี่นั่น แล้วตำแหน่งแห่งที่ที่เป็นตัวเลข เขาเรียกว่าเป็นผู้การตัวเลข พวกนี้ก็จะให้พรรคพวกเขา
ท่านผู้ชมครับ ตำรวจที่ผมไปเจอที่เลย ในวัดทอดผ้าป่าวันนั้น เขาบอกว่าปีนี้การแต่งตั้งตำรวจมีการร้องเรียนน้อยที่สุด เป็นไปอย่างเรียบร้อยทุกอย่าง ทุกคนมีความสุข ทุกคนพอใจกับการเลื่อนตำแหน่ง พิสูจน์ได้ชัดว่าถ้าคนบริสุทธิ์ คนตั้งใจทำงานดี ทุกอย่างเป็นไปได้ดี
ท่านผู้ชมครับ การปฏิรูปตำรวจนั้นมีนัยมากมาย หลายอย่าง การปฏิรูปตำรวจซึ่งติดค้างอยู่แล้วยังไม่เดินหน้าไปไหนเลย เพราะมีอดีตพลตำรวจโทคนนี้ขวางทาง จนกระทั่งเขาไม่อยู่แล้วตอนนี้ เพราะฉะนั้นแล้วโอกาสที่การปฏิรูปตำรวจจะมี ก็เป็นไปได้สูง ท่านผู้ชมครับ จะปฏิรูปออกมาอย่างไร เราค่อยดูกันต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดผมเชื่อว่าคนอย่าง พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน ซึ่งวันนี้เขาเป็นอดีตตำรวจเก่า และเขาเห็นปัญหาตำรวจเยอะแยะไปหมด เขารู้ดีว่าควรจะแก้ไขอย่างไร แต่ท่านผู้ชมครับ สำหรับผมแล้ว การปฏิรูปตำรวจนั้น ผมเชื่อมั่นในการกระจายอำนาจตำรวจลงสู่ท้องถิ่น ความเห็นของผมอันนี้จะมีอดีตตำรวจ หรือตำรวจปัจจุบันหลายคนมองแล้วไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมขอยืนยัน เป็นทางออกทางเดียวที่จะทำให้ตำรวจดีขึ้น เพราะตำรวจที่ท้องถิ่นๆ หนึ่ง ไปดูตำรวจขอนแก่น ไปดูตำรวจพัทลุง ไปดูตำรวจนครศรีธรรมราช 90 เปอร์เซ็นต์ หรือ 95 เปอร์เซ็นต์ของตำรวจ คือตำรวจชั้นประทวน อีก 5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกินนี้ จะเป็นตำรวจสัญญาบัตร ซึ่งหมุนเวียนวงจรมากินตำแหน่งผู้กำกับ พอได้ตำแหน่งผู้กำกับแล้ว อยู่ 1-2 ปี ถึงคิวย้าย ก็ย้ายไปกินตำแหน่งที่สูงกว่า ไปในที่ๆ เจริญกว่า อย่างเช่น กลับไปที่กรุงเทพมหานคร
เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ชัดว่าในเมื่อตำรวจที่ทำงาน 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นคนท้องถิ่น ทำไมไม่ให้เขาขึ้นอยู่กับการเมืองท้องถิ่นล่ะ ให้ขึ้นกับ อบจ.เลย บางคนบอกว่านายก อบจ.ก็จะเป็นมาเฟีย ท่านผู้ชมครับ ทุกวันนี้ทุกจังหวัดมีมาเฟียทั้งนั้น แต่อย่างน้อยที่สุด ถ้าตำรวจขึ้นอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดท้องถิ่น การควบคุมดูแล ประชาชนจะเป็นคนร้องเรียน จะควบคุมดูแลได้มากกว่า แต่ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะสลายกำลังตำรวจทั้งหมดออกไป เรายังคงตำรวจภาคเอาไว้ อย่างเช่น ภาค 4 คืออีสานเหนือ ก็ยังมีตำรวจภาคอยู่ แต่ตำรวจภาคจะมีในเรื่องของนิติเวช ตำรวจภาคจะมีเรื่องของการฝึกอบรม ตำรวจจะมีเรื่องกองสืบสวนสอบสวนภาค ก็คือว่าตำรวจท้องถิ่นไหนก็ตาม ถ้าประชาชนร้องเรียนมาที่ตำรวจภาค ตำรวจภาคก็จะส่งตำรวจหน่วยสืบสวนลงไปที่ท้องถิ่น ไปสืบสวน ถ้าสืบสวนแล้วมีความผิดจริง ก็ดำเนินคดีไป แต่ถ้าตำรวจภาคไปร่วมตำรวจท้องถิ่น ก็สามารถร้องเรียนมาที่ส่วนกลาง ก็คือตำรวจกองปราบฯ หรือดีเอสไอ ก็สามารถทำได้ วิธีนี้เท่านั้นเอง ท่านผู้ชม ที่จะทำให้ตำรวจสามารถอยู่ในร่องอยู่ในรอย ทำไม ท่านผู้ชม ตำรวจแต่ละคน เมื่อเป็นตำรวจแล้ว จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานมา หรือยศร้อยตำรวจตรีเข้ามา จะต้องขึ้นไปเป็นพลตำรวจเอกทุกคน ไม่จำเป็น บางทีเป็นแค่ผู้กำกับ เกษียณอายุผู้กำกับก็พอแล้ว ทำไมจะต้องขึ้นไปสูง ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้วโครงสร้างตำรวจก็เลยเป็นปิรามิด ยอดแหลมปี๊ดเลย ทุกคนต่อสู้กันเพื่อขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ทุกคนต่อสู้กันเพื่อขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วก็ไปฟาดฟันกันเอาเป็นเอาตาย เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
นิทานเรื่อง พล.ต.ท.ค้าเก้าอี้
ท่านผู้ชมครับ นี่คือเรื่องโครงสร้างตำรวจที่ผมจะเล่าให้ฟัง แต่ผมมีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง ขอเรียนก่อนนะครับ เรื่องนี้เป็นนิทาน อย่าไปเชื่อนะครับ มันไม่เป็นความจริง เนื่องจากการโยกย้ายแต่งตั้ง นี่เป็นนิทานเรื่องหนึ่ง การโยกย้ายแต่งตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นครั้งนี้หรือครั้งไหนก็ตาม แต่เป็นนิทานก็แล้วกัน จะมีพลตำรวจโทคนหนึ่งรับงานเข้านอกออกในบ้านของประธาน ก.ตร. เหมือนเด็กในบ้าน คนนี้ก็จะวิ่งไปติดต่อคนโน้นติดต่อคนนี้ อยากขึ้นไหมตำแหน่งนี้ เอาพรรคพวกเพื่อนฝูงไป เอามาให้ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เรียกเงินเรียกทอง เรียกคนโน้นเท่านี้ เรียกคนนี้เท่านี้ คนนี้ไปไหนมาไหนจะมีคนที่ห้อมล้อมตลอดเวลา มีแม้กระทั่งคนที่มียศใหญ่กว่าตัวเอง ยังเดินตามตัวเองเลย เพราะว่าคนที่มียศใหญ่ก็หวังที่จะพึ่งบารมีของคนๆ นี้ ที่จะไปพูดกับประธาน ก.ตร. เพื่อผลักดันส่งเสริมตัวเองให้สูงขึ้น
คนๆ นี้สร้างปัญหามาก สร้างปัญหาในเรื่องการคอร์รัปชัน สร้างปัญหาในเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง เป็นที่รู้กันในวงการตำรวจ นี่เป็นนิทานนะ ไม่ใช่เรื่องจริงนะครับ ไม่ใช่เรื่องจริงและไม่มีการเอ่ยชื่อใครทั้งสิ้น จู่ๆ มา คนๆ นี้ถูกฟ้าผ่า มีอันเป็นไปที่จะต้องออกจากตำรวจแล้วไปประจำที่หน่วยอื่น คนๆ นี้ก็ยังพยายามอยู่ตลอดเวลาที่จะขอกลับมาที่ตำรวจ และคนๆ นี้ก็ไม่ชอบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความแค้นส่วนตัวกันจะด้วยเรื่องอันใดก็ไม่ทราบ คนๆ นี้ก็เลยไปให้ทนายความตัวเอง ซึ่งทนายตัวเองกับคนๆ นี้มีข้อตกลงกัน เพราะทนายคนนี้มีคดีความอยู่ในท้องที่ และคนๆ นี้บอกว่า ถ้าคุณช่วยผม ผมจะเคลียร์คดีความของคุณให้หมด ทนายคนนี้ก็เอาเรื่องไปยื่นที่ ป.ป.ช. ซึ่งคนๆ นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำรวจเลย แต่ไปทำหน้าที่ แล้วก็ให้สัมภาษณ์จนทุกวันนี้ เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสอบคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศ นี่้เป็นนิทานนะครับ ไม่ใช่เรื่องจริง
แต่ปรากฏว่าในข้อเท็จจริงก็คือว่าในขณะซึ่งทนายบางคนซึ่งเป็นตัวแทนของตำรวจคนนี้ พูดบอกว่า บริษัทที่มันประมูลได้ในเรื่องของตรวจสายตา ปั๊มลายมือ หรือเรื่องอะไรก็ตามในการตรวจสอบคนเดินทางเข้าประเทศไทย เจ้าของบริษัทมีส่วนสัมพันธ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่คนโน้นคนนี้คนนั้น แต่เขาลืมเล่าให้ฟังว่า ตำรวจคนนี้ ที่หมดอำนาจไป คัดค้านในเรื่องอุปกรณ์ในการตรวจนี่มาตั้งนาน เพราะว่าจะเอาบริษัทของเมียน้อยตัวเอง เมียน้อยตัวเองจะเอาอีกบริษัทหนึ่งเข้ามาแทน แต่ว่าระบบอันนี้มันดีกว่าระบบของเมียน้อย เขาไม่เอา เมื่อเขาไม่เอาก็โกรธ และยิ่งตัวเองหมดอำนาจไป ก็ยิ่งโกรธ ก็เลยมองว่าจะต้องลงโทษ จะต้องหาเรื่องไล่ ผบ.ตร.ออกให้ได้ ก็เลยมีขบวนการขึ้นมาในทุกวันนี้ ที่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเจอกัน นี่เป็นนิทาน และคนๆ นี้ก็พยายามอย่างสุดความสามารถในขณะนี้ จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีออกมาดุ ว่าจะทำให้องค์กรพัง นี่เป็นนิทานนะ ดุ ว่าจะทำให้องค์กรพัง แต่เมื่ออ่านระหว่างบรรทัดของท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว จะเห็นว่าท่านนายกฯ กำลังด่าตำรวจนอกแถวคนนี้อยู่ ไปดูประวัติเขาสิ ไม่ธรรมดา นิทานเรื่องนี้เอาเพียงแค่นี้ก่อน เอาความจริงมาแล้วตอนนี้
ถามว่า วันที่พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ไปนวดที่ท้องที่บางรัก วันนั้น คุณอัจฉริยะเขาถามว่าไปนวดกับใครหรือเปล่า ตอบคำถามมาหน่อยได้ไหม ไปนวดกับคนสนิทที่ใกล้ชิดกันหรือเปล่า อันนี้ผมไม่รู้ นี่คือคำพูดของคุณอัจฉริยะ แต่ที่ผมสนใจอยู่เรื่องเดียว มือปืน อย่างที่รูปเห็น มันยิงรถ มันยิ่งข้างล่างตรงเบาะด้านนอก ในวงการตำรวจเขาหัวเราะกันลั่นเลย นี่คือการวิสามัญฯ รถ ไม่ใช่วิสามัญฯ คน ถามว่าผิดกฎหมายข้อไหน วิสามัญฯ รถ ข้อแรก
ข้อที่สอง พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา เป็นผู้การอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ผมจำได้ เป็นตำรวจที่ถนัดมากและเก่งมากในเรื่องการสร้างภาพ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านเป็นลูกเขยของเจ้าของบริษัท สวนป่ากิตติ ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษ Double A ท่านได้ลูกสาวของสวนป่ากิตติ และช่วงหลังนี้ท่านมีเรื่องกับพ่อตา เพราะว่าท่านไปฟ้องร้องพ่อตาว่าพ่อตาโกงหุ้นของท่าน จนในที่สุดแล้วเรื่องราวก็มาถึงขั้นที่ท่านจะเรียกพ่อตาเป็นพยานในศาล ปรากฏว่าพ่อตาไม่สบาย คุณวิระชัย ทรงเมตตา ก็ไปเล่นงานพ่อตา ไปเล่นงานนายแพทย์ซึ่งเป็นคนรับรอง เขียนใบรับรองให้พ่อตาว่ามาไม่ได้ เพราะเจ็บหนัก นายแพทย์คนนั้นชื่อ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ ลูกชายของอดีตอธิบดีกรมตำรวจ ณรงค์ มหานนท์ ไปแจ้งความฟ้องเอาเรื่องเอาราวที่มักกะสัน คุณหมอนิธิก็เลยร้องเรียนไปที่จเรตำรวจ จเรตำรวจก็ลงมาสืบ พอสืบเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปเช็กที่แพทยสภา แพทยสภาให้สัมภาษณ์บอกว่า ในเมื่อคุณหมอนิธิเป็นแพทย์ประจำตัวของเจ้าของป่าสวนกิตติ ซึ่งเป็นพ่อตาของคุณวิระชัย เขาก็มีสิทธิ์ที่จะออกใบรับรองได้ เพราะเขารู้ถึงคนไข้คนนี้ดี ไม่ผิด และเจ้าของสวนป่ากิตติ จะด้วยเหตุใดก็ตาม ไม่ชอบใจลูกสาวมากที่แต่งงานกับคุณวิระชัย ก็แก้พินัยกรรมของตัวเอง เรียกสมบัติที่ให้ไปแล้วคืนหมด มีที่ดิน 100 กว่าแปลง มีโน่นมีนั่น มีหุ้น ทุกอย่าง เขาก็สู้คุณวิระชัยกับลูกสาว ศาลอุทธรณ์ก็สั่งให้ยืนตาม ว่าให้คุณวิระชัยกับลูกสาวคืนตามคำสั่งของเจ้าของสวนป่ากิตติ เพราะว่าเขาเป็นเจ้าของพินัยกรรมและเขายังมีชีวิตอยู่ เขาให้ เขามีสิทธิ์เรียกคืนได้ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นฎีกา
แผนล้ม"บิ๊กแป๊ะ"ดัน"วิระชัย"นั่ง ผบ.ตร.อัญเชิญเทพกลับ สตช.
คุณวิระชัย จู่ๆ ตอนที่พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำลังเดินทางไปสหรัฐอเมริกา คุณวิระชัย รักษาการแทน ทันทีที่มือปืนยิงรถ ไม่ถึง 5 นาที แกโผล่มาแล้ว โอ้โห แกเหมือนซูเปอร์แมนเลยนะ แกมีฌาณสูงสุดเหมือนหลวงปู่เทพอุดร แล้วแกเหาะได้ โผล่ขึ้นมาทันทีเลย โผล่ขึ้นมาก่อนที่ตำรวจสายสืบหรือตำรวจท้องที่บางรักจะมาเสียด้วยซ้ำ พอมาถึงปั๊บ แกบอกเลย ให้ตัดประเด็นชู้สาวออกหมดเลย ไม่มีประเด็นอื่นนอกจากประเด็นเครื่องไบโอแมทริกซ์ คุณวิระชัยเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 ห่างกันสิบปี แต่คุณวิระชัย จะเดินตามหลังพลตำรวจโทคนนี้ตลอดเวลาในยุคหนึ่ง เพราะว่าหลักการแท้จริงในการโค่นพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา คือการดันให้คุณวิระชัยขึ้นมารักษาการเป็น ผบ.ตร. และจะได้อัญเชิญเทพ ก็คือ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล กลับมารับราชการต่อ คุณสุรเชษฐ์ยังเหลืออีกสิบปี โอกาสที่จะขึ้นไปเป็น ผบ.ตร.สูงมาก เพราะคุณสุรเชษฐ์แต่ไหนแต่ไรก็เหาะลงมากินตำแหน่งคนโน้นคนนี้ ไม่เคยมาตามปกติธรรมดาเลย ใช้วิชามาร ใช้วิชาเหาะมาตลอดเวลา ถ้าจักรทิพย์ ชัยจินดา ยังอยู่ คุณวิระชัยจะขึ้นไม่ได้ เพราะว่าในวงในตำรวจด้วยกันแล้ว เขาสนับสนุนให้ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ ซึ่งเป็นคนในซื่อมือสะอาด ขึ้นต่อจากพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ฉะนั้นคุณวิระชัยก็จะหมดโอกาส เมื่อคุณวิระชัยจะหมดโอกาสแล้ว พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ ก็จะกลับมาที่ตำรวจไม่ได้ เพราะฉะนั้นงานนี้คืองานการโค่นล้มเพื่อเอาคุณวิระชัยขึ้นไปเป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วจะได้อัญเชิญเทพที่อยู่นอกสวรรค์ ให้ขึ้นมาในสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง กลับมาเป็นตำรวจอีกครั้งหนึ่ง
ท่านผู้ชมครับ เรื่องมีอยู่แค่นี้ ไม่ได้มีอะไรมากมาย แล้วก็ยังมีการเจรจาต่อรองว่าขออีกตำแหน่งได้ไหม เผื่อคุณสุรเชษฐ์มาที่ตำรวจไม่ได้ ขอมาเป็นเลขาธิการ ปปง. ในข้อเท็จจริงคือมาไม่ได้แล้ว เพราะรักษาการเลขาธิการคนปัจจุบันได้ผ่าน ครม.เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่ตรวจสอบคุณสมบัติเท่านั้นเอง ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่านิทานเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องจริงนะ แต่เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้เป็นเรื่องจริง ส่วนอันไหนจริง อันไหนเท็จ ท่านผู้ชมตัดสินใจเอาเอง ถ้าท่านผู้ชมคิดว่าอันที่เท็จเป็นจริง มันก็จริง ถ้าท่านผู้ชมคิดว่าอันที่จริงเป็นเท็จ มันก็เท็จ สุดแล้วแต่จินตนาการของท่านผู้ชมนะครับ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนดีกว่า เฉพาะตำรวจอย่างเดียวเล่นเข้าไป 1 ชั่วโมงเต็มๆ
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมขอต่อเรื่องของอิหร่านกับอเมริกาหน่อย เดี๋ยวครับท่านผู้ชม ผมขำ ผมขำที่พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ผมขำมาก ท่านผู้ชมตามผมมา แล้วท่านผู้ชมจะขำตามผมด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกว่า คนที่มายิงรถผม เจตนาจะมาฆ่าผม เพราะฉะนั้นแล้วผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องรับผิดชอบ แปลว่าอะไร ต้องลาออกใช่ไหม ถ้าจับคนร้ายไม่ได้ คุณสุรเชษฐ์ครับ ผมชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 05.45 น. ผมโดนคนร้ายถล่มยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างเผาขน ที่หน้าวัดใหม่อมตรส 200 นัด จนกระทั่งผมต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดเอากระสุนที่ศีรษะออก
ตอนนั้นคนที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่อ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผมไม่เห็นต้องเรียกร้องให้แกลาออกเลย เพราะผมรู้ ผมเรียกร้อง แกก็ไม่ลาออก ผมไม่เรียกร้องเลย ทำไมผมไม่บ่นล่ะ ทำไมคุณบ่นล่ะ ก็ได้ข่าวว่า พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก็สนิทชิดเชื้ออย่างมากมายกับคุณไม่ใช่หรือ ทำไมยุคนั้นผมไม่เรียกร้องให้ลาออก แต่ทำไมยุคนี้คุณมาเรียกให้พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ลาออก คุณลืมอ่านประวัติศาสตร์ คุณเอาแต่เฉพาะเรียลไทม์ว่าเกิดเหตุแบบนี้ๆๆ คุณถึงเป็นของคุณอย่างนี้ไปไง
ท่านผู้ชมครับ อย่าลืมที่ผมพูดนะ เรื่องนิทาน ถ้าท่านผู้ชมคิดว่าเป็นเท็จ ก็เป็นเท็จ ถ้าคิดว่าเป็นจริง ก็เป็นจริง
เอาล่ะครับ มาต่อเรื่องอเมริกับอิหร่านนิดหนึ่ง สั้นๆ ไม่ต้องยาว ผมได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์เรื่องอิหร่านแล้ว ปรากฏว่ามีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่ตำหนิติเตียนว่าผมมโน ผมมั่ว บางคนก็บอกว่าไอ้เจ๊กลิ้มนี่มันโง่ มันไม่รู้เรื่องหรอก อเมริกาเป็นโน่นเป็นนี่ ดีมาก เลอเลิศประเสริฐศรี บางคนพูดถึงตลอดเวลาว่า ถ้ารบกันแล้ว อเมริกาแค่กดปุ่มๆ เดียว อิหร่านก็หายไปหมด ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้ติดใจหรอกครับกับคำวิพากษ์วิจารณ์ ขออย่าให้หยาบคายก็แล้วกัน ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ผมไม่รู้ว่าคุณศึกษาเรื่องราวมากน้อยแค่ไหน แต่ผมศึกษาเรื่องราวมามากกว่าคุณเยอะ ผมไม่ได้พูดว่าอิหร่านรบกับอเมริกาแล้วจะชนะอเมริกา ผมบอกว่า อิหร่านจะต้องแพ้แน่นอน แต่ก่อนแพ้ จะทำให้อเมริกาบาดเจ็บสาหัส นั่นคือสิ่งที่ผมพูด ท่านผู้ชมไปย้อนหลังดูได้
จริงๆ เวลาคนมาดูรายการผม คนที่เกลียดผม มีอคติ พูดอย่างไรก็ไม่ฟัง บางคนอวดดี ทำเป็นรู้เรื่อง แหม อเมริกาอย่างโน้น อเมริกาอย่างนี้ อิสราเอลอย่างนู้นอย่างนี้ ท่านผู้ชมที่ด่าผมในลักษณะแบบนี้ รู้ไว้เสียด้วยว่าผมจบมาทางประวัติศาสตร์ ผมศึกษามาโดยละเอียด และผมมีข้อมูลหลายอย่างซึ่งคุณไม่ได้ศึกษาหรอก คุณก็แค่อ่านจากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วคุณเห็นอเมริกา เห็นฝรั่ง มันเป็นพ่อคุณ คุณก็มีความรู้สึกว่าคุณเกลียดพวกอิหร่าน พวกอาหรับ พวกแขก คุณไปมองว่าประเทศอเมริกาเป็นประเทศเลอเลิศประเสริฐศรี คุณไปมองว่าอิหร่านเป็นประเทศที่มีผู้ก่อการร้าย
ท่านผู้ชมครับ ตามผมมานิดหนึ่ง ผมจะเล่าให้ฟัง ประเทศที่บอกว่าต้องการปราบผู้ก่อการร้ายทั่วโลก ประเทศอเมริกามันมีหัวรบนิวเคลียร์ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ากี่หัว? 4,000 หัว มันทำลายโลกได้อย่างน้อยที่สุด 100 ครั้ง ล่มสลายแล้วล่มสลายอีก อเมริกามีฐานทัพกระจายอยู่ทั่วโลก 800 กว่าแห่ง ประเทศก่อตั้งมา 239 ปี อเมริกาตั้งมา 239 ปี ท่านผู้ชมเชื่อไหมมีความสุขแค่ 17 ปี อีก 222 ปี ทำสงครามและสู้รบมาตลอดเลย นี่คือข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมเรียนจบจากอเมริกา ปริญญาตรี และปริญญาโท ผมมีเพื่อนเป็นคนอเมริกันเยอะมาก เป็นคนดีๆ ทั้งนั้น แต่นโยบายรัฐบาลอเมริกาคือนโยบายรุกรานและครอบงำ ถามว่าผมเห็นใจอิหร่านไหม ตอบว่าผมเห็นใจ เห็นใจตรงไหน เห็นใจตรงที่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยตั้งแต่เริ่มแรก เขาเป็นเพียงแต่ขับไล่พระเจ้าชาห์ ปาห์ลาวี ซึ่งเป็นหุ่นเชิดของตะวันตก ออกจากอิหร่าน แล้วเขายึดน้ำมันทั้งหมดคืนมาเป็นของประชาชนชาวอิหร่าน ถามว่าเขาผิดตรงไหน? สมบัติของคนอิหร่าน เขาเรียกคืนมา แล้วตรงนั้นล่ะคือจุดเริ่มต้นของการปิดล้อมอิหร่าน กดดันอิหร่าน กลั่นแกล้งอิหร่านมาโดยตลอด
เห็นหรือยังครับ ถ้าอิหร่านไม่ยึดน้ำมันมา เอาน้ำมันแจกให้พวกเขาใช้เหมือนเดิม ท่านผู้ชมเชื่อผมสิครับ ไม่มีหรอกครับเหตุการณ์นี้ แต่เผอิญท่านอยาตอลลาห์ โคมัยนี่ ผู้ที่ปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน นานมาแล้ว 30 ปีที่แล้ว ท่านเห็นว่านี่คือสมบัติของประเทศชาติ ควรเอามาให้อิหร่าน ผมเป็นคนรักความยุติธรรม ผมเห็นว่าท่านอยาตอลลาห์ โคมัยนี่ ทำ และทำในเรื่องที่ไม่ผิด เพราะเขาทำให้กับประเทศชาติของเขา อเมริกาต่างหากที่ผิด เพราะอเมริกาสูญเสียผลประโยชน์ตรงนี้ไป อเมริกาก็เลยใช้ความกดดันรอบตัว
จิตแพทย์พิสูจน์แล้ว"ทรัมป์บ้า"
ท่านผู้ชมครับ ในการพูดของผมอาทิตย์ที่แล้ว ผมบอกว่าไอ้ทรัมป์มันบ้า เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าผมอคติ ผมจะเปิดคลิปๆ หนึ่งให้ท่านผู้ชมดู คลิปนี้คนที่พูดคือ ดร.แบนดี ลี นักวิทยาศาสตร์ชาวจีน เกิดในอเมริกา ท่านเป็นนักนิติจิตเวชแห่งวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ของมหาวิทยาลัยที่ชื่อดังในโลกนี้ นอกจากนั้นท่านยังเป็นประธานของภาคีสุขภาพจิตโลก ก็คือเป็น President of World Health Company ฟังดูนะครับ ผมแปล subtitle ให้ดูเรียบร้อยแล้ว ฟังดู แล้วเดี๋ยวเราต่อกัน
(> > > คลิป < < <)"กลุ่มจิตแพทย์ 37 คน จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ร่วมกันวิเคราะห์และสรุปเป็นเอกฉันท์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ป่วยทางจิต ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะทำให้โลกตกอยู่ในอันตราย
สิ่งที่เราค้นพบจากรายงานของมุลเลอร์ คือ สัญญาณเตือนภัยว่า ประธานาธิบดี (โดนัลด์ ทรัมป์) สอบตกในทุกเกณฑ์ของความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล และยึดโยงกับความเป็นจริง
จิตแพทย์กลุ่มนี้ได้ทำการวิเคราะห์สุขภาพจิตของทรัมป์ จากรายงานของมุลเลอร์ ซึ่งพวกเขาสามารถสรุปได้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ขาดความสามารถมองเห็นโลกที่แท้จริงเสียแล้ว
ดิฉันชื่อ ดร.แบนดี ลี ดิฉันเป็นนักนิติจิตเวช แห่งวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล นักนิติจิตเวชทำการประเมินสุขภาพจิตให้กับศาล และเบิกความเพื่อหน่วยงานทางด้านกฎหมายหรือหน่วยงานรัฐ สิ่งที่ดิฉันจะพูดต่อไปนี้คือทักษะส่วนตัวของดิฉัน แม้ว่าฉันจะมีตำแหน่งประธานของภาคีสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Coalition) ก็ตาม ดิฉันและเพื่อนร่วมงานได้ประเมินรายงานของโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตอัยการพิเศษสหรัฐฯ (ผู้รับหน้าที่สอบสวนกรณีความเกี่ยวข้องของรัสเซียกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2016) จากมุมมองทางด้านสุขภาพจิต
สิ่งที่เราพบจากรายงานของมุลเลอร์ เป็นสัญญาณเตือนว่า ประธานาธิบดี สอบตกในทุกเกณฑ์ของความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล และยึดโยงกับความเป็นจริง
การประเมินของเราเป็นบทสรุปในขั้นสุดท้ายแล้ว คำแนะนำของเราที่เป็นคำแนะนำแรกสุด คือ ตัดอำนาจในการเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์และการประกาศสงครามของนายทรัมป์ จริงๆ เรามีข้อเสนอมากกว่านี้ แต่หากพิจารณาถึงความเร่งด่วน เราตัดสินใจที่จะเน้นไปที่สองประเด็นที่สำคัญที่สุด ความไม่แน่นอนและความหุนหันพลันแล่น ที่จะนำเราไปสู่ความสุ่มเสี่ยงของการทำสงครามกับอิหร่าน ควรแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสมรรถภาพทางจิตใจ (mental capacity) ของประธานาธิบดี
การกระทำหลายๆ อย่างของเขาตรงเผงกับการที่เราจะวินิจฉัยบุคคลหนึ่งว่าเป็นบุคคลที่ขาดสมรรถภาพทางจิตใจ (lack mental capacity)
หลายอย่างสามารถป้องกันได้หากเราทำการประเมินสุขภาพ เพื่อความพร้อมในการปฏิบัติงาน (fitness-for-duty) สำหรับประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี ก่อนที่พวกเขาจะเข้ารับตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์จะต้องผ่านการประเมินทางด้านสุขภาพจิตอย่างเข้มข้นก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ และต้องทำการประเมินใหม่ทุกๆ ปี แต่ผู้ที่สั่งการเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์กลับไม่ต้องผ่านการประเมินนี้
สิ่งที่เราทำคือการประเมินสมรรถภาพทางจิตใจ เราทำการทดสอบการทำงาน ไม่ใช่การวินิจฉัย และในกรณีนี้คือความสามารถของบุคคลในการตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผล เป็นอิสระจากความหุนหันพลันแล่น ความบ้าบิ่น ความหวาดระแวง และความเชื่อผิดๆ การทดสอบสมรรถภาพทางจิตใจ ผู้เข้าทดสอบจะต้องสามารถรับข้อมูลและคำแนะนำ เห็นคุณค่าและใช้ประโยชน์ข้อมูลนั้นอย่างยืดหยุ่น พิจารณาถึงผลพวง จากความมีเหตุผล จากความเป็นจริง และความคิดที่น่าเชื่อถือ โดยไม่ถูกแทรกแซงอย่างเกินเลยจากความหุนหันพลันแล่น ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด การตอบสนองทางด้านอารมณ์ หรือความไม่แน่นอน ผันผวน และละเว้นจากพฤติกรรมอันใดที่จะนำพาตัวเองหรือผู้อื่น ให้ตกอยู่ในอันตราย
ปฏิกิริยาของนายทรัมป์ ต่อทั้งพันธมิตรและคู่ปรับของเขา รวมถึงการปลุกปั่นความรุนแรงของเขาในที่สาธารณะ แสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่เพียงพอว่าเขาไม่มีความสามารถเหล่านี้เลย
การทำงานของเราไม่ได้มุ่งเป้าไปที่นายทรัมป์ ที่อาจจะไม่เป็นอันตรายหากเขาอยู่ในฐานะของพลเมืองทั่วไป แต่เป็นการปกป้องสังคมจากอำนาจของผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งไม่ได้แสดงให้เห็นความสามารถในการควบคุมมัน
ในเมื่อหลักฐานนั้นมีอยู่อย่างล้นหลาม และในเมื่อการทดสอบจริงมุมมองจากภายนอกนั้นมีความสำคัญมากกว่าการสัมภาษณ์ส่วนบุคคล เราจึงเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องทำการสัมภาษณ์ (ทรัมป์)
ในรายงานยาว 448 หน้าของมุลเลอร์ แสดงให้เห็นถึงมุมมองอื่นๆ ของพฤติกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์ ปริมาณและคุณภาพของรายงานทำให้การประเมินนี้เป็นไปได้ เมื่อเทียบกับการประเมินปกติทั่วๆ ไป จริงๆ แล้วเรามีข้อมูลที่มากกว่าและดีกว่าเสียอีก จากพิธีปฏิญาณตน (เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี)
อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าจะให้โอกาสในการทำประเมินกับประธานาธิบดี ถ้าเขาเชื่อว่าเขายังมีสมรรถภาพดีอยู่ และเราขอให้เขาให้คำตอบกับเราภายใน 3 สัปดาห์นี้ ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของเขาได้ยืนยันว่าได้รับข้อเสนอแล้ว แต่กลับไม่มีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องการทดสอบประเมินโดยตรงแต่อย่างใด ดังนั้นเราจึงดำเนินการสรุปและให้ข้อเสนอแนะ
นักจิตวิทยาถูกกีดกันไม่ให้วินิจฉัยคนไข้ หากปราศจากการประเมินโดยตรง
แต่ ดร.แบนดี ลี กล่าวว่า การวินิจฉัยไม่จำเป็นในการพิสูจน์ว่าทรัมป์ไม่มีสมรรถภาพ
การประเมินสมรรถภาพนั้นแตกต่างจากการทดสอบวินิจฉัยเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาคนไข้ การวินิจฉัยไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับความสามารถในการปฏิบัติงานของบุคคลหนึ่งในหน้าที่ คนหลายคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการป่วยทางจิตได้รับความช่วยเหลือและยังทำงานได้ปกติดีเยี่ยมในที่ทำงาน
เรายังไม่สนใจที่จะทำการวินิจฉัย เพราะประธานาธิบดีไม่ใช่คนไข้ของเรา ความรับผิดชอบเบื้องต้นของเราคือ การปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของสาธารณะ ดังเช่นที่จริยธรรมวิชาชีพของเรากำหนด โดยปกติการประเมินสมรรถภาพจะต้องดำเนินการโดยนายจ้าง ไม่ใช่คนไข้ และในกรณีนี้นายจ้างของประธานาธิบดี ก็คือประชาชน การค้นพบของเราเป็นการยืนยันต่อข้อสังเกตของเราในหนังสือ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ "The Dangerous Case of Donal Trump : 37 Psychiatrists and Mental Health Experts Assess a President"
เราคาดการณ์ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ว่าอาการของนายทรัมป์จะค่อยๆ แย่ลงภายใต้ความกดดันและการถืออำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดี
เราจะอยู่อย่างไร หากผู้นำโลก เป็นคน ... บ้า"
ท่านผู้ชมดูแล้วผมจะอธิบายความนิดหนึ่ง โรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่คุณแบนดี ลี พูดถึง เป็นอัยการพิเศษสหรัฐฯ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสืบสวนกรณีความเกี่ยวข้องของรัสเซียกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 จากมุมมองของทางด้านสุขภาพจิต เอกสารในการสอบสวนทั้งหมด ดร.ลี คนนี้ และทีมงาน เอามาอ่านดู สอบคนนี้พาดพิงถึงทรัมป์ ทรัมป์พูดอย่างนี้ เมื่อเขาดูหมดแล้ว ใช้ทักษะและความรู้ที่เขาเรียนมาทางด้านจิตเวช เขาบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์สอบตกในทุกเกณฑ์ของความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลและยึดโยงกับความเป็นจริง ก็คือว่า ทรัมป์มันไม่ได้ยืนอยู่บนความเป็นจริง มันบ้า นี่คือพูดตามภาษาชาวบ้าน "มันบ้า" แต่ ดร.ลี เป็นนักวิทยาศาสตร์ คงไม่พูดจาแบบเจี๋ยวกุ้ยแบบผม ก็เลยบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์สอบตกในทุกเกณฑ์ของความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลและยึดโยงกับความเป็นจริง แล้ว ดร.ลี แนะนำไปว่า คำแนะนำแรกสุดที่คณะจิตเวชจะแนะนำประธานาธิบดีทรัมป์ คือให้ตัดอำนาจในการเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์และการประกาศสงครามของนายทรัมป์ เห็นหรือยัง เพราะ ดร.ลี กำลังบอกว่า ถ้าขืนปล่อยให้คนบ้าบริหารประเทศต่อไป วันหนึ่งข้างหน้ามันอาจจะตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มประเทศโน้น ถล่มประเทศนี้ เพราะมันเป็นคนบ้า
ดร.ลี บอกว่า การกระทำหลายๆ อย่างของเขาตรงเผงกับการที่เราจะวินิจฉัยบุคคลคนหนึ่งว่าเป็นบุคคลที่ขาดสมรรถภาพทางจิตใจ ก็คือเป็นคนบ้านั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว เขาพูดเลยนะ เขาบอกเขาคาดการณ์ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วนะ คลิปนี้เพิ่งล่าสุดนี้นะ เขาคาดการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ว่าอาการของนายทรัมป์จะค่อยๆ แย่ลงๆ ภายใต้ความกดดันและหลงตัวเองในการมีอำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดี
ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมเป็นทนายในศาล ท่านผู้พิพากษาครับ ผมหมดคำถาม ท่านผู้ชมจะเห็นด้วยหรือยัง ว่าผมไม่ได้ไปซี้ซั้วว่านายทรัมป์บ้า เมื่อมีคนติติงมา หาว่าผมมโน ผมก็เลยจำเป็นต้องเอาตรงนี้ออกมาให้ดู ผมไม่ได้ด่านายทรัมป์บ้านะ นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเยล คณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องจิตเวช นิติจิตเวช และทีมงานของเขา 37 คน ได้ตรวจสอบ วิเคราะห์ รายงานการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ แล้วเขาสรุปเป็นเอกสารว่าทรัมป์มันบ้า
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็สนุกสนานดีพอสมควร ได้ฟังนิทาน ที่ท่านเชื่อว่าจริง ก็จริง ถ้าเชื่อว่าไม่จริง ก็ไม่จริง ไปแล้ว ก็เอาเป็นว่ารอเจอกันศุกร์หน้า แต่ว่าเผอิญวันพุธนี้ วันที่ 22 คณะแพทยศาสตร์ รามาฯ ได้เชิญผมไปพูดที่โรงพยาบาลรามาฯ ในห้องประชุมใหญ่ ใหญ่ที่สุด เขาบอก ในเรื่อง "สถานการณ์โลก" ซึ่งเรื่องนี้เขาเชิญมา 3 เดือนที่แล้ว 2 เดือนที่แล้ว โดยที่เขาไม่รู้นะว่าอิหร่านกับอเมริกาจะรบกัน เวลาที่ปาฐกถาก็คือ 14.30-16.00 น. ท่านผู้ชมที่อยากไปฟังสดๆ ก็ไป ถ้าไม่อยากไปก็รอดู แล้วผมจะเอามาแปะในเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ
ท่านผู้ชมครับ อย่าหาว่าผมเชียร์ยานี้เลย COCO MEGA 3 ผมทานประจำ ตอนนี้ แทนที่ผมจะทานน้ำมันมะพร้าวสดๆ วันละ 4 ช้อน ท่านผู้ชมครับ 73 สมองยังแล่นอยู่เหมือนเดิม ความจำยังดี พูดจายังคล่องแคล่ว รู้ผิดรู้ถูก เพราะฉะนั้นแล้วไม่ผิดหวังหรอกครับ ยานี้
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ขอจากกันเพียงแค่นี้ แล้วเราก็จะเจอกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง สวัสดีครับ