xs
xsm
sm
md
lg

จบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว “กรณ์” เปิดใจทิ้งประชาธิปัตย์ เดินหน้าสร้างทางเลือกการเมืองใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กรณ์” โพสต์เฟซบุ๊กหลังโบกมือลาค่ายพระแม่ธรณี พร้อมขอบคุณมิตรภาพดีๆ กับเพื่อน ส.ส. ชี้สภาฯ ผ่าน กม.งบปี 63 ถือว่าจบภารกิจที่พรรคมอบให้แล้ว ย้ำการตัดสินใจของนักการเมืองต้องฟังเสียงประชาชน

วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Korn Chatikavanij” ว่า “ขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ ผมทำงานภาคเอกชนสายการเงินอยู่เกือบ 20 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือประธานธนาคาร JP Morgan (ประเทศไทย) ผมลาออกตอนอายุ 39 เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกตอนนั้นก็เพราะอิ่มตัวกับการทำงานหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว และอยากจะหันมาทำงานรับใช้บ้านเมืองพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้โอกาสผมตลอดมา โดยที่โอกาสสำคัญที่สุดคือ การเป็นรัฐมนตรีคลังในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง และด้วยเหตุนี้ความผูกพันที่ผมมีกับพรรค และเพื่อนร่วมพรรคจึงเป็นสิ่งที่จะอยู่กับผมตลอดไป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ร่วมพิจารณาอนุมัติงบประมาณแผ่นดินจนเสร็จเรียบร้อย ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลสามารถเดินหน้าได้เต็มที่ในการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคที่ผมได้ช่วยร่างไว้ในฐานะ(อดีต)ประธานนโยบาย ผมจึงคิดว่าผมได้ทำภารกิจที่พรรคได้มอบหมายไว้จนครบถ้วนหมดแล้ว ผมจึงได้ยื่นใบลาออกตามที่ตั้งใจไว้”

นายกรณ์ระบุว่า ในการลาออกจากพรรคนั้น ขอขอบคุณมิตรภาพที่เพื่อน ส.ส. และอดีต ส.ส.ได้มอบให้ ตนจากไปจากพรรคแต่จะยังคิดถึงเพื่อนๆ ทุกคน แต่ที่สำคัญที่สุดขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้ให้โอกาสทำงานเพื่อบ้านเมือง จะไม่มีวันลืมทุกคะแนนที่ให้ผมตั้งแต่ปี 2548 ในฐานะผู้สมัครประชาธิปัตย์ รวมถึงกำลังใจของทุกๆ คนที่กรุณามอบให้เสมอมา ตนมีความฝันที่อยากจะสร้างการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลง การเมืองที่กล้าคิดกล้าทำ มีความรอบคอบแต่ไร้ความกลัว มีความเด็ดเดี่ยวแต่มีคุณธรรม เป็นการเมืองที่จะชวนผู้คนในสังคมไทยที่มีศักยภาพ มาร่วมกันออกแบบและขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน ตลอดเวลาที่ทำงานการเมืองได้มีส่วนร่วมกับประชาชนหลากหลายกลุ่มทำให้ได้มองเห็นประเทศไทยและสังคมการเมืองไทยในภาพที่กว้างขึ้นและลึกขึ้น ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ตัดสินใจเดินหน้าสร้างทางเลือกทางการเมืองที่คนไทยแสวงหา เป็นการเมืองที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าแม้แต่จะพลั้งพลาด และเป็นการเมืองที่มั่นใจในศักยภาพของคนไทย เป็นการเมืองที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงประเทศในหลากหลายมิติ ด้วยความเชื่อว่าหากเราไม่กล้าเปลี่ยน ไม่กล้าท้าทายตัวเอง คนไทยจะลำบาก เพราะเราจะแข่งขันไม่ได้

“การจะตัดสินใจสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่เป็นก้าวที่สำคัญของชีวิตจะต้องฟังเสียงข้างในของตัวเอง แต่สำหรับนักการเมืองไม่ว่าจะก้าวเล็กหรือก้าวใหญ่ต้องมาจากการรับฟังเสียงของประชาชนอีกด้วย ดังนั้น ทุกๆ ก้าวต่อไป ผมตั้งใจจะเดินไปพร้อมกับพี่น้องประชาชนทุกคน”










กำลังโหลดความคิดเห็น