ช่างเปรียบได้เห็นภาพ ดร.โจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ ลากไส้ “ส้มเน่า” ออกมากอง ทำเหมือน “พระยันตระ” เทศน์ดีมีคุณธรรมแต่มั่วสีกา ในพรรคเป็นเผด็จการ แต่ชอบอ้างตนเป็นประชาธิปไตย เตือนอย่าหลงเชื่อ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ม.ค. 63) เฟซบุ๊ก ดร.โจ ชาญวิทย์ ใจสว่าง ของนายชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ ดร.โจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ หัวข้อ “วิชามาร”
โดยระบุว่า “สังคมอยากเห็นความก้าวหน้าระบบประชาธิปไตย เหมือนที่ผมวาดหวังไว้
แต่ผมไม่เชื่อว่า อนาคตใหม่จะทำอย่างตรงไปตรงมา
อนาคตใหม่จะทำเหมือนพระยันตระ คือ เทศน์ดีมีคุณธรรม แต่มั่วสีกา โดยแสดงธรรมสวยๆ เหมือนจะพาให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
พระยันตระ แสดงธรรมะสวยๆ เก่ง น้ำเสียงนิ่มเสนาะหู ทำให้สาวกหลงใหลและศรัทธา พลังแห่งศรัทธาที่ได้ พระยันตระ มุ่งหวังเพื่อประโยชน์อื่น ทั้งเสพเมถุนกับสีกาและได้มาซึ่งเงินทองของบริจาคทั้งหลาย โดยมีพลังมวลชนที่ศรัทธาคอยปกป้อง เรื่องผิดศีลในอนาคต
ธรรมะพระยันตระจึงเพื่อการดูดซับผลประโยชน์ของตนและไวยาวัจกรผู้ใกล้ชิดเท่านั้น ไม่ได้พาผู้คนหลุดพ้นจากทุกข์ใดๆ ซึ่งกว่าจะขับไล่ได้ สร้างความเสียหายให้ศาสนาและสาวกมากล้น
อนาคตใหม่มารูปแบบนี้ ไปที่ไหนจะสร้างประชาธิปไตยที่นั่น แสดงหลักประชาธิปไตยสวยๆ กระจายอำนาจ ป้องกันผูกขาด ทำลายระบบอุปถัมภ์ ปรามปราบคอร์รัปชัน
แต่ทั้งหมดดำรงอยู่ในพรรคอนาคตใหม่อย่างเหนียวแน่น กรรมการบริหารพรรค 5 คน กุมอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ โดยมีบัญชีรายชื่อ 20 อันดับแรก รับใช้อย่างใกล้ชิด เขาตีวงบริหารพรรคกันแค่นี้ ปัจจุบันยังเป็นแบบนี้
ไม่มี ส.ส. ผช.ส.ส.คนไหนปฏิเสธว่าสิ่งที่ผมพูดไม่เป็นความจริง ที่โทรมาและนัดพบยังบอกว่า นับวันมีแต่บ้าอำนาจมากกว่าเดิม โดยเฉพาะ “ตี๋เล็ก นักกฎหมายจอมกร่าง รวบอำนาจในพรรคไว้คนเดียว ส่วนสาขาจังหวัด “ติ่งส้ม” ควบคุม
โดยเอก หัวหน้า ลอยตัว ไม่เข้ามารับรู้เรื่องการใช้อำนาจของเพื่อน มีหน้าที่พูดประชาธิปไตยสวยๆ อยู่ข้างนอก
แต่รับรู้การใช้อำนาจเผด็จการของเพื่อนทุกคนเป็นอย่างดี รู้หมดใคร ที่เพื่อนกำจัดและกดหัวใครไปแล้วบ้าง เอก คนนี้ล่ะ ที่ทีมสร้างภาพลักษณ์กลบความเป็นเผด็จการเบอร์ 1 ด้วยการให้อุ้มลูกออกสื่ออยู่กับครอบครัว พาวิ่ง ออกกำลังกาย แลดูอ่อนโยน
เขาไม่ยอมรับระบบประชาธิปไตยจริง เพราะถ้าใช้เต็มรูปแบบดั่งที่เขาคุย เขาจะควบคุมการบริหารจัดการในพรรคเบ็ดเสร็จไม่ได้ ผู้บริหาร นักวางยุทธศาสตร์ ผช.ส.ส. ผชช.ประจำ ส.ส. ผอ.เลือกตั้ง ผจก.จังหวัด ฝ่ายการเงินสาขา จะได้บุคคลที่หลากหลายความสามารถเข้ามาอยู่เสมอกับเอกและพวกนักกฎหมายจอมซ่า
นนทบุรี ที่ผ่านมา สร้างประชาธิปไตยกลบวิธีสรรหาผู้สมัคร อบจ. แบบเผด็จการ เป็นข่าวไปทั่ว กระทั่งต้องเลิกจัดไปอีกหลายจังหวัด ส่วนที่ระยองรู้ทันจึงเลิกไปก่อน กล่าวคือ อนาคตใหม่ ล็อคสเปค โดยกรรมการบริหารและผู้มีสิทธิลงคะแนนตกลงกันมาแล้วว่าจะเลือกใคร
เป็นวิชามาร สร้างประชาธิปไตยลวงตาประชาชน เมื่อกลุ่มนี้เข้าไปบริหารจัดการประเทศ อธิบดี กระทรวง ทบวง กรม สำนักงานต่างๆ ตำรวจ ทหาร ผู้ว่าฯ นายอำเภอ จะต้องก้มหัวตัวตรงกันหรือไม่ ประมวลผลกันดู ว่าประชาธิปไตย เพื่อกระจายอำนาจอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมจะเกิดขึ้นได้หรือไม่
เมื่อเผด็จการยังมีอำนาจอยู่ในพรรค ผมจึงไม่เชื่อว่าพรรคนี้จะสร้างประชาธิปไตยได้
สังคมอย่าหลง พระธรรมประชาธิปไตยหวานๆ จากนักเทศน์อนาคตใหม่
ดูกันไปยาวๆ โดยเฉพาะหลังศาล รธน. ตัดสิน ทุกพรรคการเมืองเก่าและใหม่จะสร้างประชาธิปไตยไปทางไหน ค่อยว่ากันต่อไป”
สำหรับ ดร.โจ ก่อนหน้านี้ก็เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคอนาคตใหม่หลายครั้ง แต่ละครั้งล้วนพูดได้ว่าลากไส้พรรคอนาคตใหม่ กี่ขดก็เอาออกมาหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแบ่งชนชั้นในพรรคอนาคตใหม่ การบริหารพรรคที่เป็นเผด็จการโดยไม่กี่คน ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องลึก “วงใน” ทั้งสิ้น จนทำให้เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง รวมทั้งเมื่อเกิดคดีถึงขั้นถูกเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญ “ยุบพรรค” ก็ยังมีข้อมูลเด็ดที่ชี้ให้เห็นว่าความผิดอยู่ที่ใคร หาใช่ถูกกลั่นแกล้งรังแกอย่างที่กล่าวอ้างไม่
อย่างเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 62 ดร.โจก็ได้โพสต์ข้อความเช่นกัน หลังจาก กกต.มีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท หัวข้อ “ลาก่อนอนาคตใหม่”
โดยระบุว่า “ระส่ำไปทั้งพรรค หลัง “วันสิ้นพรรค” กำลังจะเกิดขึ้น
หวาดระแวงลงไปตามตามกัน ทั่วถึงสาขา ตจว. เตรียมตัวว่างงาน
เพราะเหตุ “ยุบพรรค”
จากเรื่องเงินกู้ 191 ล้าน และเงินบริจาค ที่ตกแต่งบัญชี อำพรางผู้ให้และผู้รับ
ธรรมดา พูดกันเยอะ พรรคไม่รอด ขนาดหุ้นสื่อ ยังออกเทาๆบ้าง ในมุมนักกฎหมายบางคน แต่พอนักกฎหมาย ผู้ไม่เคยออกนอกห้องบรรยาย สู่โลกความจริงแห่งการนำกฎหมายไปใช้ ประกาศ ยอมแพ้ไม่ส่งเอกสารการเงินให้ กกต.เท่านั้น
หมดพรรคก็ว่าได้ พูดกันเสียงเดียว “หายนะ” แล้วอนาคตใหม่ หลักๆ คือ
1. แกนนำพรรค กรรมการบริหาร ผู้บริจาคเงิน ติดคุก
2. แกนนำพรรค กรรมการบริหาร หมดสิทธิลงการเมืองยาว
3. ส.ส. ที่เหลือ ต้องทิ้งพรรค หาพรรคใหม่
4. เจ้าหน้าที่พรรค ผู้ช่วย ส.ส. ตกงาน เกือบพัน
การไม่ส่งเอกสาร เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้ในทางบัญชี จะสัมพันธ์กับกฎหมาย ทุกอักษร ทุกตัวเลข ที่ใส่ลงไปคือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เท่ากับยิ่งมากความ เติมแต่งแก้ไข อธิบาย ยิ่งพันคนเพิ่มขึ้นได้ โทษฐานความผิดอาจถูกขยายกว้างขึ้นอีก ผิดเท่าที่มีอยู่ก่อน ก็หนักพอแล้ว
คุกไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ดั่งที่ ธนาธร บอก
การทำการเมือง ที่มีแนวร่วมต้องโทษโดนคดี คือความเจ็บปวดทั้งนั้น
ความสำเร็จที่น่าภูมิใจ คือถึงเป้าหมาย โดยไม่มีการสูญเสียใครสักคน
สู้กับ คสช. แต่ไม่ป้องกันตัวเอง เหมือนไปแข่งกีฬาต่างประเทศ สิ่งที่ต้องระวัง คือ เจ้าภาพจ้องจับผิดเรื่องกฎกติกา มารยาท มาก เพราะการผิดแม้นครั้งเดียวคือการแพ้โดยไม่ต้องแข่งให้จบเกมก็ได้
กับ คสช. คล้ายกัน รู้กันทุกพรรค กกต. ศาล รธน. คนของใคร เขาอาจโน้มเอียงได้ จึงต้องระวังซึ่งถ้า ทำเรื่องหุ้นสื่อให้เสร็จก่อนหน้านานๆ คดีก็ไม่เกิด
ส่วนการระดมทุน วิธีแบบปลอดภัยไม่ผิดกฎหมายมีมาก แต่นักกฎหมายคนเก่ง เขาคนเหนือคน นิสัยไม่ชอบฟังใคร ความสูญเสียจึงเกิดขึ้นเพราะคนของคุณไม่ระวังกันเอง ไม่จำเป็นต้องจ้องจับผิด คุณผิดด้วยการกระทำของคุณเอง
การวิจารณ์อนาคตใหม่ ไม่ใช่ว่า ผมชื่นชอบและไปนิยม “ประยุทธ์”
ประยุทธ์ ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมอย่างดี
แต่อนาคตใหม่ ไม่ใช่ “ม้าขาว” ที่จะมาแทน ประยุทธ์
ระบบการบริหารจัดการในพรรค ผมเห็นว่าเป็น “ระบบเผด็จการ ห่อหุ้มด้วยระบบอุปถัมภ์”
มีการสร้างระบบประชาธิปไตยข้างนอกกับข้างในคนละอย่าง คนละชุดกัน
จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝากประชาธิปไตยไว้กับพรรคเผด็จการซ่อนรูป
ผู้ที่มีอำนาจเหนือสุด สร้างชนชั้นแฝงแบ่งแยกคน
คือตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
คนนี้มี “นิสัยผู้หญิง” ใครเขาก็รู้
เธอ รับบทบาทประสานคนหมู่มาก แต่ไม่คบคน ไม่ “สุงสิง” กับใคร ไม่คิดให้เบอร์และ Line ใครไว้ติดต่อทำงาน ไม่โทรหาผู้สมัครที่ไหน ทั้งพรรค ส.ส. ผู้ช่วย อดีต ส.ส. ทราบดี
ธนาธร วางบทบาทเช่นเดียวกับเธอ ที่ไม่ให้ใครเข้าถึง ยกเว้นชนชั้นของเขา
เธอ เป็นคนไม่พอใจคนง่าย ไม่ชอบใคร ชักสีหน้า แล้วไม่พูดกับคน คนนั้นอีก
เธอรู้หรือไม่ กระแสพรรคตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเธอมีส่วนเป็นอย่างมาก
พรรคแตกคนออก ความขัดแย้งลุกลามเกิดขึ้นไปทั่ว คอร์รัปชันโกงกินเงินสนับสนุน เธอแทรกแซงป้องกันคนของชนชั้นตลอด
วันนี้พรรคล่มเพราะงานเอกสารที่คนทำไม่เป็น ไม่ควรยุ่ง
ไม่โทษเธอแล้วโทษใคร เมื่อยุ่งไปทุกเรื่อง
ความจริง ถ้าปลดเธอได้ ตั้งแต่แรกๆ การถูกเสนอให้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก ก็ไม่มี
แต่ช้าไปแล้ว วันนี้ถ้าผมขอความเมตตาจากศาลได้ ผมขอให้มีโทษสูงสุดคือปรับอย่างเดียว อย่างอื่นให้ยกให้หมด ผมไม่อยากเห็นคนเล่นการเมืองต้องคดีอีก
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 ดร.โจ ยังโพสต์ข้อความหัวข้อ “หยุดเถิด ธนาธร อย่าลงถนน”
พร้อมระบุว่า “ความผิดพลาด เกิดจาก ปิยบุตร นักกฎหมาย ผู้ไม่เคยออกนอกห้องบรรยาย สู่โลกความจริงแห่งการนำกฎหมายไปใช้ ปลดทิ้งเสีย ทุกอย่างจะคลี่คลาย ห้ามให้เข้ามายุ่งการเมืองอีก
ลองลงมติอย่างกว้างขวางดู แล้วคุณจะเห็นว่า จริงอย่างที่ผมบอกหรือไม่ ผมไม่อยากนำเรื่องแบบนี้ มาชี้แนะภายนอก แต่เมื่อถูกปิดกั้้น ต้องพูดกันแล้ว
โดยเฉพาะการดัน คุณธนาธร ลงถนน เลขาฯ อะไรของคุณ ให้หัวหน้าพรรคพ้น ส.ส. จากเรื่องเร่งรีบถอนหุ้นสื่อ ไม่ทัน
เลขาฯ ที่ไม่รู้เรื่องการเงิน การบัญชี แต่ไปยุ่งจนจะต้องติดคุก ยุบพรรคกันยกทีม เรื่องแค่นี้ บริษัททำบัญชี เยอะแยะ เขาทำได้ แต่เลขาฯทำจากเรื่องธรรมดา จนต้องติดคุก ไม่ใช่ต่อต้านทหาร แล้วติดคุก คุณธนาธร ครับ
ใครเขาก็วิจารณ์ นักวิชาการ องค์กรเอกชน งานสัมมนาต่างๆ เขาวิจารณ์กันทั้งนั้น มันเป็นเรื่องแนวคิดทฤษฎีในการนำเสนอทั่วไป ไม่มีข้อหาวิจารณ์กองทัพแล้วยุบพรรค คุณโดนเรื่องงานเอกสาร ที่เลขาฯไม่ทำให้เรียบร้อย เท่านั้นเอง
คนนี้ไง ที่ “นิสัยผู้หญิง” เหมาะหรือทำงานกับคนหมู่มาก เมื่อนิสัยหยุมหยิมโกรธคนง่าย และไม่คิดสุงสิง ติดต่อใคร จะเอาคนแบบนี้มาทำงานใหญ่ สร้างพรรคการเมืองหรือครับ ย้อนไปดูความนิยมก่อนหน้าสักหน่อยนะครับ ตั้งแต่งาน “อยู่ไม่เป็น” ทั้งระดม ว่าจ้างและขนคน มาจากหลายจังหวัด แม้นคนที่ลาออกไปแล้ว ยังรู้ว่าเกณฑ์คน ในที่สุดหาไม่ได้ ตามที่อยากโชว์คนรุ่นใหม่เต็มหน้าเวที จึงจำต้องเอาผู้อาวุโส ขึ้นนั่งแถวหน้าออกทีวีแทน
ตามมาด้วย งานภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง ยาวไปอีสานบางจังหวัด ไม่มีแนวร่วมกระทั่งงานล่ม จัดสัมมนาไม่ได้ ล่าสุดนนทบุรี ไปปลุกระดมให้สมาชิกแค่ไม่กี่คน เกลียดชังทหารให้ลงถนน ช่วยธนาธร
เชื่อผมเถอะครับ มวลชนพรรค ไม่มีจริง ตรวจสอบดูที่สาขาไหนก็ได้ งานเลี้ยงฉลองสาขากี่จังหวัดแล้วที่จัดไม่ได้ เพราะข้างในเสื่อม ไม่มีแนวร่วมมา แม้นกินฟรี คนยังไม่ไปเลย
ธนาธร ตรวจสอบดูได้ครับ แล้วหยุดลงถนนเถิดครับ กลับไปเริ่มต้นใหม่ ด้วยการปลด ปิยบุตรและพวกเขาออกด่วน เพื่อล้มล้างระบบเผด็จการ ที่ปิยบุตรสร้างไว้ให้หมดปัญหาข้างในเน่า ลงถนนข้างก็เน่าเหมือนเดิม และสังคมเขาไม่เอาครับ อย่าทำ
โพสต์ของ ดร.โจ เหมือนเปิดตา เปิดโลกทัศน์ให้คนไทยจำนวนหนึ่ง ได้พินิจพิเคราะห์มากขึ้น ส่วนจะเชื่อ ดร.โจ หรือไม่ อาจไม่ใช่ประเด็นในเวลานี้ เพราะ ดร.โจ ก็พร้อมให้พิสูจน์ระยะยาวอยู่แล้ว เพียงอย่าหลับหูหลับตาเชื่ออย่างหวานหอม ไปกับคารมแห่งวาทกรรมลองโลกเท่านั้นเอง!?