นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ปฏิสธที่จะชี้แจงถึงเหตุผลของกกต. ในการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค โดยระบุว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องประชุม และเรื่องดังกล่าว กกต.ได้มีมติส่งศาลฯไปแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ศาลฯจะเป็นผู้พิจารณา กกต.ไม่สามารถให้ความเห็นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างยกร่างคำร้องเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน จะสามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ทั้งนี้ในการส่งเรื่องดังกล่าวทางกกต.เห็นว่า เรื่องการกู้ยืมเงิน ข้อเท็จจริงยุติแล้ว เพราะนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ก็ยอมรับว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง จึงเหลือเพียงประเด็นปัญหาข้อกฎหมายว่า พรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่ เพราะ มาตรา 62 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เขียนต่างจากปี 2550 ที่จะกำหนดรายได้อื่นไว้ ทำให้พรรคการเมืองในขณะนั้นมีการกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรค โดยจะเป็นประเภทของเงินทดรองจ่ายไปก่อน
นอกจากนี้ เมื่อกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลบริจาคเงินได้ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาทต่อปี เงินกู้ที่เกินวงเงินดังกล่าวจะถือว่าเป็นการบริจาคเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จึงจำเป็นต้องส่งให้ศาลฯ พิจารณาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป ส่วนที่กกต.มีมติในคำร้องนี้เลย โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้นายธนาธร หรือผู้แทนของพรรคอนาคตใหม่มาชี้แจงก่อน เป็นการใช้อำนาจของกกต. ตามมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นพร้อมรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่ง กกต.พิจารณาได้เลย
**ไม่โทษ"เธอ" แล้วจะโทษใคร !
นายชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ "ดร.โจ" อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อ "วันสิ้นพรรค" กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ระส่ำไปทั้งพรรค สาขาต่างจังหวัดเตรียมตัวตกงาน เรื่องเงินกู้ 191 ล้าน ที่นำไปสู่มติ"ยุบพรรค"จากที่ประชุม กกต. เป็นเพราะนักกฎหมาย ผู้ไม่เคยออกนอกห้องบรรยาย ไปสู่โลกความจริงแห่งการนำกฎหมายไปใช้ ประกาศยอมแพ้ ไม่ส่งเอกสารการเงินให้กกต. เพราะเห็นว่าการไม่ส่งเอกสาร เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะในทางบัญชี จะสัมพันธ์กับกฎหมาย ทุกอักษร ทุกตัวเลข ที่ใส่ลงไป คือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เท่ากับยิ่งมากความ เติมแต่งแก้ไข อธิบาย ยิ่งพันคนเพิ่มขึ้นได้ โทษฐานความผิดอาจถูกขยายกว้างขึ้นอีก เมื่อตัดสินใจเช่นนี้จึงนำ "หายนะ" มาสู่พรรค คือ แกนนำพรรค กรรมการบริหาร อาจติดคุก หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่เหลือต้องทิ้งพรรคไปหาพรรคใหม่ เจ้าหน้าที่พรรค ผู้ช่วยส.ส. ตกงานเกือบพัน
"การระดมทุนวิธีแบบปลอดภัยไม่ผิดกฎหมาย มีมาก แต่นักกฎหมายคนเก่ง เขาคนเหนือคน นิสัยไม่ชอบฟังใคร ความสูญเสียจึงเกิดขึ้นเพราะคนของคุณไม่ระวังกันเอง ไม่จำเป็นต้องจ้องจับผิด คุณผิดด้วยการกระทำของคุณเอง"
นายชาญวิทย์ ยังระบุถึง ระบบการบริหารจัดการในพรรค ว่าเป็น"ระบบเผด็จการ ห่อหุ้มด้วยระบบอุปถัมภ์" การสร้างระบบประชาธิปไตยข้างนอก กับข้างในคนละอย่าง คนละชุดกัน เปรียบเป็น "พรรคเผด็จการซ่อนรูป"
"ผู้ที่มีอำนาจเหนือสุด สร้างชนชั้นแฝงแบ่งแยกคน คือตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด คนนี้มี"นิสัยผู้หญิง" ใครเขาก็รู้ เธอรับบทบาทประสานคนหมู่มาก แต่ไม่คบคนไม่สุงสิงกับใคร ไม่คิดให้เบอร์ และ Lineใครไว้ติดต่อทำงาน ไม่โทรหาผู้สมัครที่ไหน ทั้งพรรค ส.ส. ผู้ช่วย อดีตส.ส. รู้ดี นายธนาธร ก็วางบทบาทเช่นเดียวกับเธอ ที่ไม่ให้ใครเข้าถึง ยกเว้นชนชั้นของเขา เธอเป็นคนไม่พอใจคนง่าย ไม่ชอบใคร ชักสีหน้า แล้วไม่พูดกับคนนั้นอีก เธอรู้หรือไม่กระแสพรรคตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเธอมีส่วนเป็นอย่างมาก พรรคแตก คนออก ความขัดแย้งลุกลามเกิดขึ้นไปทั่ว คอร์รัปชันโกงกินเงินสนับสนุน เธอแทรกแซงป้องกันคนของชนชั้นตลอด วันนี้พรรคล่ม เพราะงานเอกสารที่คนทำไม่เป็น ไม่ควรยุ่ง ไม่โทษเธอแล้วโทษใคร เมื่อยุ่งไปทุกเรื่อง ความจริง ถ้าปลดเธอได้ ตั้งแต่แรกๆ การถูกเสนอให้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก ก็ไม่มี แต่ตอนนี้ ช้าไปแล้ว" ดร.โจ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างยกร่างคำร้องเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน จะสามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ทั้งนี้ในการส่งเรื่องดังกล่าวทางกกต.เห็นว่า เรื่องการกู้ยืมเงิน ข้อเท็จจริงยุติแล้ว เพราะนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ก็ยอมรับว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง จึงเหลือเพียงประเด็นปัญหาข้อกฎหมายว่า พรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่ เพราะ มาตรา 62 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เขียนต่างจากปี 2550 ที่จะกำหนดรายได้อื่นไว้ ทำให้พรรคการเมืองในขณะนั้นมีการกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรค โดยจะเป็นประเภทของเงินทดรองจ่ายไปก่อน
นอกจากนี้ เมื่อกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลบริจาคเงินได้ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาทต่อปี เงินกู้ที่เกินวงเงินดังกล่าวจะถือว่าเป็นการบริจาคเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จึงจำเป็นต้องส่งให้ศาลฯ พิจารณาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป ส่วนที่กกต.มีมติในคำร้องนี้เลย โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้นายธนาธร หรือผู้แทนของพรรคอนาคตใหม่มาชี้แจงก่อน เป็นการใช้อำนาจของกกต. ตามมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นพร้อมรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่ง กกต.พิจารณาได้เลย
**ไม่โทษ"เธอ" แล้วจะโทษใคร !
นายชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ "ดร.โจ" อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อ "วันสิ้นพรรค" กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ระส่ำไปทั้งพรรค สาขาต่างจังหวัดเตรียมตัวตกงาน เรื่องเงินกู้ 191 ล้าน ที่นำไปสู่มติ"ยุบพรรค"จากที่ประชุม กกต. เป็นเพราะนักกฎหมาย ผู้ไม่เคยออกนอกห้องบรรยาย ไปสู่โลกความจริงแห่งการนำกฎหมายไปใช้ ประกาศยอมแพ้ ไม่ส่งเอกสารการเงินให้กกต. เพราะเห็นว่าการไม่ส่งเอกสาร เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะในทางบัญชี จะสัมพันธ์กับกฎหมาย ทุกอักษร ทุกตัวเลข ที่ใส่ลงไป คือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เท่ากับยิ่งมากความ เติมแต่งแก้ไข อธิบาย ยิ่งพันคนเพิ่มขึ้นได้ โทษฐานความผิดอาจถูกขยายกว้างขึ้นอีก เมื่อตัดสินใจเช่นนี้จึงนำ "หายนะ" มาสู่พรรค คือ แกนนำพรรค กรรมการบริหาร อาจติดคุก หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่เหลือต้องทิ้งพรรคไปหาพรรคใหม่ เจ้าหน้าที่พรรค ผู้ช่วยส.ส. ตกงานเกือบพัน
"การระดมทุนวิธีแบบปลอดภัยไม่ผิดกฎหมาย มีมาก แต่นักกฎหมายคนเก่ง เขาคนเหนือคน นิสัยไม่ชอบฟังใคร ความสูญเสียจึงเกิดขึ้นเพราะคนของคุณไม่ระวังกันเอง ไม่จำเป็นต้องจ้องจับผิด คุณผิดด้วยการกระทำของคุณเอง"
นายชาญวิทย์ ยังระบุถึง ระบบการบริหารจัดการในพรรค ว่าเป็น"ระบบเผด็จการ ห่อหุ้มด้วยระบบอุปถัมภ์" การสร้างระบบประชาธิปไตยข้างนอก กับข้างในคนละอย่าง คนละชุดกัน เปรียบเป็น "พรรคเผด็จการซ่อนรูป"
"ผู้ที่มีอำนาจเหนือสุด สร้างชนชั้นแฝงแบ่งแยกคน คือตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด คนนี้มี"นิสัยผู้หญิง" ใครเขาก็รู้ เธอรับบทบาทประสานคนหมู่มาก แต่ไม่คบคนไม่สุงสิงกับใคร ไม่คิดให้เบอร์ และ Lineใครไว้ติดต่อทำงาน ไม่โทรหาผู้สมัครที่ไหน ทั้งพรรค ส.ส. ผู้ช่วย อดีตส.ส. รู้ดี นายธนาธร ก็วางบทบาทเช่นเดียวกับเธอ ที่ไม่ให้ใครเข้าถึง ยกเว้นชนชั้นของเขา เธอเป็นคนไม่พอใจคนง่าย ไม่ชอบใคร ชักสีหน้า แล้วไม่พูดกับคนนั้นอีก เธอรู้หรือไม่กระแสพรรคตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเธอมีส่วนเป็นอย่างมาก พรรคแตก คนออก ความขัดแย้งลุกลามเกิดขึ้นไปทั่ว คอร์รัปชันโกงกินเงินสนับสนุน เธอแทรกแซงป้องกันคนของชนชั้นตลอด วันนี้พรรคล่ม เพราะงานเอกสารที่คนทำไม่เป็น ไม่ควรยุ่ง ไม่โทษเธอแล้วโทษใคร เมื่อยุ่งไปทุกเรื่อง ความจริง ถ้าปลดเธอได้ ตั้งแต่แรกๆ การถูกเสนอให้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก ก็ไม่มี แต่ตอนนี้ ช้าไปแล้ว" ดร.โจ ระบุ