xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองปีใหม่เดือดปุดแต่อนาคตใหม่ล่มสลาย !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา



บรรดาหมอดูหมอเดาต่างทำนายทายทักออกมาตรงกันว่าสถานการณ์บ้านเมืองในปีหน้าจะเกิดความวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับปี 62 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ก็อาจจะจริงหากประเมินจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปีนี้ โดยเฉพาะทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองที่หลายอย่างมีความเกี่ยวพันกัน และแยกจากกันจากปัญหาภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุม เช่นสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ สหรัฐฯกับจีน ขณะที่ภายในประเทศโดยเฉพาะการเมืองที่หลายกรณีกำลังเชื่อมโยงตอเนื่องไปจนถึงปีหน้า ที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปีกันเลยทีเดียว

หากโฟกัสกันเฉพาะเรืองการเมืองที่เชื่อมโยงพันไปถึงปีหน้าก็ต้องเริ่มศักราชกันกับเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่ต้องลุ้นระทึกกันตั้งแต่ปลายปีต่อเนื่องกันไป ที่เห็นกันอยู่ก็คือคดีที่ถูกร้องว่ามีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองที่ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคม ปี 2563 โดยผู้ถูกร้องมีทั้ง พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค รวมไปถึงคณะกรรมการบริหารพรรค

ที่ต้องบอกว่าลุ้นกันหนัก ก็เพราะว่ามันมีผลต่ออนาคตของพวกเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอนาคตทางการเมือง รวมไปถึงอนาคตในคุกด้วยก็เป็นได้ เพราะหากผลการวินิจฉัยออกมาเป็นลบ นอกจากจะถูกยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว บรรดาคณะกรรมการบริหาร และคนที่มีรายชื่อดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามมา และอาจจะมี “ดาบสอง” อย่างที่ทราบกันดีว่า อาจ “เสี่ยงคุก” ตามมาด้วย

สำหรับสาเหตุที่อาจทำให้บรรดาหมอดูการเมือง และบรรดานักวิเคราะห์สถานการณ์มองในมุมเดียวกันว่าการเมืองในปีหน้าจะ “แรง”กว่าปีนี้ ส่วนหนึ่งก็อาจจะประเมินจากเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากกรณีของพรรคอนาคตใหม่และพวกแกนนำที่ถูกดำเนินคดียาวเป็นหางว่าวซึ่งล้วนแล้วแต่ “หนักๆ”ทั้งสิ้น และคงปฏิเสธความจริงไม่ได้เสียด้วย เพราะอย่างที่รู้กันว่าคดีถูกร้องในเรื่องการล้มล้างการปกครองมันมีผลลกระทบใหญ่หลวงหากผลออกมาเป็นลบ และยังมีอีกคดีหนักที่ตีคู่กันมาอีกนั่นคือคดีปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว และล่าสุดศาลฯได้แจ้งให้พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงภายใน 15 วันมาตั้งแต่ปลายปี นั่นเท่ากับว่าจะครบกำหนดในราวต้นเดือนหน้า ซึ่งก็ใกล้เคียงกันวันเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองในวันที่ 21 มกราคมนั่นเอง แม้ว่าอาจใช้แท็กติกทางกฎหมายขอเลื่อน หรือขอขยายเวลาออกไปเหมือนกับที่มักเกิดขึ้นในทุกคดีที่พวกเขาเคยทำมาก่อนหน้านี้ แต่ก็นั่นแหละขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ตามคำร้องขอหรือไม่ เพราะหลายกรณีก็ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่ามีหลักฐานครบถ้วนแล้ว เป็นต้น

แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าคดีล้มล้างการปกครองอาจจะไม่น่าจะมีผลเลวร้ายถึงขั้นยุบพรรค หรือยกคำร้อง โดยคดีที่น่าจะ “หนัก” น่าจะเป็นคดี “ปล่อยเงินกู้”ให้กับพรรคของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งในคดีนี้ไม่จำเป็นต้องไต่สวนหาความจริงแล้วเพราะเจ้าตัวพูดเอง และมีหลักฐานทางเอกสารจากการที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) มาก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเหลือแต่ข้อพิจารณาทางกฎหมายเท่านั้น ทำให้เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานนัก แต่กรณีนี้มีการประเมินตรงกันจากหลายฝ่ายว่า “เสี่ยงสูง”

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากอาการของเจ้าตัวเองคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เหมือนกับ “นั่งไม่ติด” ดังที่เห็นจากกรณีการนัดชุมนุมในลักษณะ “แฟลซม็อบ” เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากทราบว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่จากกรณีเงินกู้ดังกล่าว และถูกมองว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นการ “กดดันศาล” นั่นเอง และหลังจากนั้นก็ประกาศนัดชุมนุมอีกครั้งในเดือนหน้าคือเดือนมกราคมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งมันก็ใกล้เคียงกันเวลาที่ศาลจะนัดวินิจฉัยทั้งสองคดีสำคัญดังกล่าวแล้วนั่นเอง

ประกอบกับในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันก็มีการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่เข้าใจว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันในช่วงต้นปี ทุกอย่างล้วนเป็นกิจกรรมคู่ขนานเชื่อมโยงกันไป นอกเหนือจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผสมโรงเข้ามาอีก แต่ถึงอย่างไรสำหรับพรรคอนาคตใหม่ที่เคลื่อนไหวโดยแกนนำพรรค ไม่ว่าจะเป็น ธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ หัวหน้าพรรค ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ที่กำลังเคลื่อนไหวกดดัน มันก็ถูกจับได้ไล่ทันว่า เป็นเรื่อง “ส่วนตัว” ทำให้พลังในการขับเคลื่อน “นอกสภา” ลดความชอบธรรมลง

ขณะที่การเคลื่อนไหวในสภา แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีหรือภายในเดือนมกราคมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักฟอกรัฐบาล แม้จะน่าตื่นเต้น แต่เมื่อพิจารณาจากบทบาทของฝ่ายค้านในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ถือว่า “ยังไม่เข้มข้น” ประกอบกับฝ่ายรัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นทั้งจากกรณี “งูเห่า” จากพรรคเศรษฐกิจใหม่ และการชนะเลือกตั้งซ่อมทั้งสองครั้งคือที่ นครปฐม และที่ขอนแก่น รวมๆแล้วก็ได้เสียงเพิ่มเข้ามาร่วม 10 เสียง ทำให้พ้นจาก “เสียงปริ่มน้ำ” ไปได้พอสมควร

ดังนั้นแม้ว่าพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมของสภาพการเมืองในปีหน้าจะดูร้อนแรง ก็คงจะใช่เพราะมีหลายปัจจัยที่ประดังเข้ามา แต่ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังคงกุมเกมได้มั่นคง เพราะหากจะเดือดปุดก็คงมีแค่พรรคอนาคตใหม่ที่ต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่คำถามก็คือแล้วมันมีโอกาสรอดหรือไม่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น