หัวร้อนสุดสุด “พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์” แกนนำคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย จวกยับ “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” แดงตัวพ่อถึงในคุก ไล่ตะเพิดไปตั้งพรรคใหม่ หลังวิจารณ์ยับ แพ้เลือกตั้งซ่อมขอนแก่น เป็นความเสื่อมถอยโดยแท้
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(24 ธ.ค.62) นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงกรณีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา กล่าวหาพรรคเพื่อไทยเสื่อมถอย
โดยระบุว่า “ถึงความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งซ่อมที่ขอนแก่น เป็นความถดถอย ของพรรคเพื่อไทย และเป็นการนำที่ไร้ประสิทธิภาพ พรรคมีแต่นักเลือกตั้ง ไม่เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริงนั้น
ตนได้อ่านแล้ว รู้สึกถึงความเป็นตัวตนของนายสมยศ เพราะเป็นเพื่อนกัน ติดคุกมาด้วยกัน แต่การที่เพื่อนออกมาพูดลักษณะนี้ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย อยากจะบอกว่า หลักการของพรรคและนักการเมืองพรรคนี้ ยังสู้จริง ยังยึดโยงกับประชาชน ไม่ได้อาศัยบุญเก่าอย่างเดียว ก็ยังพยายามเข้าวัด หมั่นทำบุญอยู่ เพียงแต่คนบางคนไม่เคยเข้าวัดเลยไม่เห็นว่า พวกเราเข้าวัดทำบุญสม่ำเสมอ
นายพิพัฒน์ชัย กล่าวว่าอยากฝากไปถึงนายสมยศ ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่ขอนแก่น ในฐานะนักการเมืองที่เคลื่อนไหวมากับประชาชนที่รักประชาธิปไตยที่แท้จริง และอยู่ในพื้นที่ช่วยหาเสียงตั้งแต่วันแรก จนถึงวันสุดท้าย
อยากบอกว่าทุกคนทำงานหนักมาก โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) ทุ่มเทอย่างจริงจัง ประชาชนก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ในสภาวการณ์นี้ ทั้งเงิน ทั้งอำนาจรัฐลงไปเต็มๆ แน่นอน เขาคงทำให้จับไม่ได้แน่ แต่ที่พบเห็นในเหตุการณ์จริง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยายวัย 86 ถูกแย่งสิทธิของตนไปต่อหน้า จึงต้องขึ้นโรงพักแจ้งความกัน ที่นั่นเขาเชียร์กันออกนอกหน้า ถึงขั้นปักธงเชียร์กันไม่เว้นแม้แต่ บนโต๊ะทำงาน กกต. ทหารหลายหน่วยมีหน้าที่ขับรถเกราะวิ่งตระเวนกดดันหัวคะแนน และชาวบ้าน มันเป็นการหาเสียงที่ไม่ต้องหาเสียง เป็นการจัดตั้งแล้วเรียกทุกฝ่ายมาบังคับให้ไปดำเนินการในทุกยุทธวิธี
ถ้าใครไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง คงไม่รู้จริง จากการที่ไม่รู้จริงแล้วออกมาพูดเพื่อหาพื้นที่สื่อไม่เกิดผลกับการทำงาน
ในวันที่นายสมยศอยู่ในคุก ยังต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่รอด ทำแม้กระทั่งรับจ้างเย็บหมอน เย็บที่นอน เพื่อความอยู่รอด ในเรือนจำพี่ใหญ่มาจากไหน ก็ไม่กล้าหือ กล้าอือกับผู้คุม ประชาชนที่นั่นก็เช่นกัน เขายอมด้วยความฝืนใจ เพื่อให้เขาอยู่รอด โดยไม่ต้องมีปัญหากับผู้นำชุมชน สิ่งที่ผมออกมาพูดเพื่ออยากให้ใช้หลักการมากกว่าหลักกู ไม่มีใครไม่สู้จริงหรอกครับ แต่การสู้ไม่ได้หมายความว่าสู้แล้ว ต้องติดคุก จึงจะเรียกว่าสู้
พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ใช่พรรคที่ดีที่สุด แต่เชื่อว่าเป็นพรรคที่เลวน้อยกว่าพรรคอื่นๆ เรายอมรับในการวิพากษ์วิจารณ์ อย่างมีเหตุและผล แต่ไม่สมควรวิจารณ์ ในอารมณ์ชังพรรค ชังนักการเมือง
ถ้าเห็นว่าไม่มีพรรคไหนดีเลยในสายตา ตั้งพรรคเองเลย กลัวอะไร ฟอร์ดยังกล้าตั้งพรรค แต่อย่าตอบว่า ไม่เล่นการเมือง เพราะถ้าไม่เล่นการเมือง แต่ชอบแต่วิจารณ์การเมือง มันจะเข้าข่าย ดีแต่พูด พรรคเพื่อไทยพร้อมทำงานหนัก ผิดบ้าง ถูกบ้าง เป็นวิสัยน์ของ คนทำงาน"(ข้อมูลจากไทยโพสต์)
ทั้งนี้วานนี้(23 ธ.ค.) สมยศ พฤกษาเกษมสุข โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “ความเสื่อมถอยและจุดจบพรรคเพื่อไทย”
เนื้อหาระบุว่า “การเลือกตั้งซ่อมขอนแก่นพรรคเพื่อไทยแพ้พรรคพลังประชารัฐ ยับเยิน การอ้างเหตุว่า มีการใช้เงินซื้อเสียง(แต่จับไม่ได้สักที) เป็นเหตุผลเก่า แค่ปลอบใจกันเอง ความพ่ายแพ้สะท้อนได้หลายแง่มุมด้วยกันทั้งตัวบุคคล การลงพื้นที่หาเสียง ยุทธวิธีหาเสียง นโยบายการหาเสียง ภาวะผู้นำภายในพรรค และบทบาทของพรรค
พรรคเพื่อไทยกำลังเสื่อมถอย ด้วยเหตุที่มีแต่นักเลือกตั้ง และนักการเมืองที่ไร้ศักยภาพ ขาดความมุ่งมั่นจริงจังในการต่อสู้ทางการเมือง เหินห่างจากชาวบ้านและทำได้แค่สร้างภาพฉาบฉวย อาศัยบุญเก่าที่สะสมกันมา แต่ทว่าไร้มนต์ขลังไปแล้ว ไม่มีสิ่งที่ดีกว่าและเหนือกว่าเดิม
หากพรรคเพื่อไทยยังอาศัยแค่บุญเก่า ห่างเหินจากชาวบ้าน ขาดความมุ่งมั่นจริงจัง และขาดความกล้าหาญทางการเมือง ไม่ได้ต่อสู้เป็นปากเสียงแทนความเดือดร้อนของชาวบ้าน ฯลฯ ก็ต้องพบกับความเสื่อมถอยในที่สุด
สำหรับ พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ เดิมชื่อ นายสมชาย ไพบูลย์ เป็นคนนครศรีธรรมราช
เป็นหนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ “นปช.” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ติดตามข่าวการเมือง
ส่วนที่มาของการเปลี่ยนชื่อ ไม่ได้มาจากการตั้งของพระเกจิชื่อดังที่ไหนตั้งให้ หากแต่เป็นชื่อที่เขาตั้งขึ้นเอง โดยได้ศึกษาจากตำราการตั้งชื่อของห้องสมุดระหว่างที่อยู่ในเรือนจำคลองเปรมมา 8 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีคนทักมาหลายครั้งว่า คนเกิดวันอาทิตย์ชื่อ “สมชาย” ซึ่งมี “ส” จะเป็นกาลกิณี
เขายังคิดอยู่เสมอว่า ชื่อก็เป็นเพียงนามสมมุติ ที่สำคัญคำว่า “สมชาย” เป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้อย่างไรก็เป็นมงคลจึงใช้ชื่อนี้เรื่อยมา ทั้งนี้เมื่อได้ศึกษาตำราการตั้งชื่อความคิดเปลี่ยนชื่อจึงเกิดขึ้น และเมื่อออกจากเรือนจำก็ได้เปลี่ยนชื่อ ซึ่งมีความหมายว่า “ชัยชนะที่วิเศษของนักพัฒนา” แต่คนก็ยังเรียก “สมชาย” อยู่เหมือนเดิม เว้นแต่คนที่รู้จักใหม่ๆ เท่านั้น(ข้อมูลจาก คมชัดลึก /ไลฟ์สไตล์/11 ก.พ.55)
ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ต้องยอมรับว่า ความพ่ายแพ้มาจากหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญ คือ สมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ มีฐานเสียงใหญ่ใน อ.หนองเรือ ซึ่งประชากรมากกว่า อ.มัญจาคีรี บ้านเกิดของ นายธนิก มาสีพิทักษ์ จากพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า การเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 “สมศักดิ์” แพ้ นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีตส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ที่ถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต และศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว จนสิ้นสภาพส.ส. เนื่องจากคดี จ้างวานฆ่าปลัด อบจ.ขอนแก่น เพียงแค่ 3 พันคะแนน ขณะที่บัตรเสียใน อ.หนองเรือ ถึง 5 หมื่นใบ และส่วนใหญ่เป็นของ “สมศักดิ์” ซึ่งก็คาใจกันอยู่
นั่นแสดงว่า “สมศักดิ์” ก็ไม่ธรรมดา แถมเกาะติดพื้นที่อย่างเหนียวแน่น รวมทั้งหัวคะแนนสาย “นวัธ” ก็ใส่เกียร์ว่าง เพราะ “นวัธ” ต้องการให้หลานชายซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นลงสมัครแทน แต่พรรคไม่เห็นด้วย
ถามว่า กระแสพรรคเพื่อไทยเสื่อมหรือไม่ จุดอ่อนที่ “สมยศ” พูดก็ไม่ผิด เพราะพรรคเพื่อไทย หลังจากไม่มี “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” บุญเก่า ก็เริ่มหดหาย ขณะที่ฝ่ายบริหารพรรคก็มีการเปลี่ยนแปลง เอา “มือเก๋า” ออก เปิดโอกาสให้คนที่คิดว่าตัวเองเก่งเข้ามาแทน และแน่นอน การไม่ได้เป็นรัฐบาล “บุญใหม่” ก็ย่อมไม่ได้สร้างเช่นกัน
ต่างจากพลังประชารัฐที่ทุ่ม “ประชานิยม” ลดแลกแจกแถมกันสุดลิ่ม และนโยบายช่วยเรื่องราคาพืชผลการเกษตรทุกอย่าง ก็กำลังทำงาน สามารถเอามาเป็น “จุดขาย” ได้ ระวังให้ดีก็แล้วกัน ถ้าเกษตรกรติดใจเมื่อไหร่ เพื่อไทย ก็นับวันเสื่อมถอย อย่างที่ “สมยศ” ว่า
ยิ่งถ้านักเลือกตั้งไม่เกาะติดพื้นที่ จบ! เสื้อแดงก็เสื้อแดงเถอะ