ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ควันหลงฉายาครม.แสบๆคันๆ “ภูมิใจไทย”แปลเป็นดี “อนุทิน สารหนู =สารดี”“มนัญญา = หญิงเหล็ก”“โอ๋ แซ่รื้อ=ทำให้ดีขึ้น” ขณะที่ “ธรรมมนัส”อ้อนให้รอดูว่า “คนเทาเทา”จะทำอะไรให้ชาวบ้านบ้าง ส่วน “ลุงตู่”ยังไม่ขำ ไม่เล่นด้วย อยากด่ามาหน้าต่อหน้า ขอจริงจังเห็นใจรัฐบาลทำหน้าที่
หลังสื่อประจำทำเนียบฯ มอบฉายาแสบๆ คันๆ ให้กับรัฐบาล และคณะรัฐมนตรีของ“ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะฟังแล้ว “หัวร้อน”งอนนักข่าวทำเนียบฯไปพักนึง พอตั้งหลักได้นายกรัฐมนตรีเจ้าของฉายา“อิเหนาเมาหมัด”ก็กลับมาเป็น “คนเดิม”ที่จริงจังและดุดัน เหมือนเคย
"ผมไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือดีใจ อยากตั้งอะไรก็ตั้งไปเถอะครับแต่ไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ในการทำงานของพวกเรา ไม่เช่นนั้นก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังใจทำงาน เพราะทำไปแล้วก็ตั้งกันเป็นแบบนี้ ผมควรจะรู้สึกแบบนี้ไหม ถ้าผมไม่ทุ่มเทไม่ตั้งใจ ก็ด่าผมมาเลยด่าตรงๆต่อหน้า ไม่ใช่เรื่องตลก เอาล่ะเครียดอีกแล้ว" พูดจบพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
ส่วนคนที่ดูจะถูกตั้งฉายาแบบ “จัดหนัก”อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ฉายา “เทามนัส”กลับยิ้มใส่เมื่อมีสื่อมาถาม แถมยังขอบคุณที่ตั้งฉายาให้ ไม่ได้ตื่นเต้น หรือรู้สึกอะไร เพราะเคยบอกตลอดเวลาว่าอยู่กับปัจจุบันและอนาคตแล้ว จะทำให้ดีที่สุดในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ฉายาก็เป็นเรื่องของฉายา เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องรู้ว่าตัวเราเองทำอะไร และ ทำเพื่อใครในทุกวันนี้
นี่ก็ต้องยกนิ้วให้ "ร.อ.ธรรมนัส" เพราะไม่ง่าย ที่ทั้งถูกว่าถูกมองไปตามฉายา โดยเฉพาะในโลกโซเชียลฯ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “นักการเมืองสีเทา”ร.อ.ธรรมนัส ยังอ้อนขอให้รอดู ..."ดูว่าคนเทาเทาจะทำอะไรให้ชาวบ้านบ้าง ไม่ใช่ว่าใสสะอาดเงียบ ประวัติดี แต่ไม่ทำอะไรเลย อย่างนั้นไม่ใช่ธรรมนัส"
ขณะที่ "3 รมต.ภูมิใจไทย" ตั้งแต่ "อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรค รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กับฉายา“สารหนู” “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”รมว.คมนาคม “โอ๋ แซ่รื้อ”และ“มนัญญา ไทยเศรษฐ์”รมช.เกษตรและสหกรณ์ ฉายา "มาดามแบนเก้อ" ซึ่งฉายาเหล่านี้ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษกพรรคภูมิใจไทย ออกมาแปลความหมายว่าเป็น “เป็นเรื่องดี”ที่สะท้อนถึงการทำงานหนักของรัฐมนตรีของพรรค
เนื่องเพราะการทำงานตามนโยบายทุกอย่างของรัฐมนตรี ตั้งแต่ อนุทิน -ศักดิ์สยาม มา น.ส.มนัญญา ได้ดำเนินการไปนั้นเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่ง อนุทินได้ฉายา “สารหนู”นั้นอยากให้มอง “สาร”ที่ว่านั้น เป็น“สารดี”เพื่อเอามาฆ่า“สารพิษ”ที่กำลังทำลายสุขภาพ ทำลายชีวิตประชาชน จึงเป็นที่มาของการผลักดันนโยบายการแบน 3 สารพิษทางการเกษตร โดยร่วมกับรัฐมนตรี มนัญญา ที่ได้ฉายา “มาดามแบนเก้อ”แม้สุดท้ายการผลักดันจะยังไม่สำเร็จทันที แต่ก็ได้ทำให้สังคมได้ตระหนักถึงพิษภัยของ 3 สารเคมีที่ใช้ในการเกษตร ซึ่งอนาคตจะต้องมีการลดการใช้และนำไปสู่การเลิกใช้ได้
"ท่านอนุทิน และ มนัญญา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการผลักดันแบนสารพิษ เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ต่อชีวิตประชาชน โดยไม่เกรงกลัวผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา โดยเฉพาะ มนัญญา ถือเป็นรัฐมนตรีหญิงเหล็กของพรรคอย่างแท้จริง เดินหน้าชน ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะถูกแรงกดดันรอบด้านก็ยังยืนยันที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด" โฆษกพรรคภูมิใจไทย ระบุ
ในส่วนของ "ศักดิ์สยาม" ที่ได้รับฉายา “โอ๋ แซ่รื้อ”นั้น เป็นเพราะผลงานที่เห็นเด่นชัด การทำงานปรับเปลี่ยนหรือรื้อโครงการต่างๆ เพื่อทำให้ดีขึ้น ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง คือ ความจำเป็นที่จะต้องรื้อ ยืนยันว่า การทำงานของท่านรัฐมนตรีหลังจากนี้ หากไปเจออะไรที่ไม่ชอบมาพากลที่ไม่เกิดประโยชน์สูงสุดก็จะเดินหน้ารื้อต่อไป แต่ต้องเข้าใจว่า การดำเนินการของท่านรัฐมนตรีอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้มีการศึกษาวิจัยมาแล้ว แต่หากอะไรที่มองแล้วว่าไม่เป็นประโยชน์ รัฐมนตรีก็พร้อมที่จะหยุดรื้อเช่นกัน
ฟังอย่างนี้ ก็ต้องบอกว่า ตั้งแต่หัวหน้าคณะ"รัฐบาลเซียงกง" จนถึงรมต. มีครบทุกอารมณ์จริงๆ
**แกนนำแดง "พิพัฒน์ชัย-สมยศ" ซัดกันนัว หลังเพื่อไทยแพ้ พลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น
หลังรู้ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22ธ.ค.) โดย"สมศักดิ์ คุณเงิน" พรรคพลังประชารัฐ โค่น "ธนิก มาสีพิทักษ์" จากพรรคเพื่อไทยลงได้ ก็เกิดดรามา ในบรรดา "แกนนำแดง" ขึ้นมาทันควัน เพราะขอนแก่น ถือเป็นฐานที่มั่นใหญ่ ของพรรคเพื่อไทย ในภาคอีสาน แต่ปล่อยให้พลังประชารัฐ มาตีเมือง เอาเก้าอี้ส.ส.ไปได้
วันรุ่งขึ้น "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" แกนนำแดง กลุ่ม 24 มิถุนา ก็โพสต์เฟซบุ๊กถึงความพ่ายแพ้ครั้งนี้ว่า เป็นความเสื่อมถอยอย่างมากของพรรคเพื่อไทย เพราะมีแต่นักเลือกตั้ง และนักการเมืองที่ไร้ศักยภาพ ขาดความมุ่งมั่นจริงจังในการต่อสู้ทางการเมือง... แต่มาอ้างเหตุว่า มีการใช้เงินซื้อเสียง (แต่จับไม่ได้สักที) ซึ่งเป็นเหตุผลเก่า แค่ปลอบใจกันเอง ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ สะท้อนได้หลายแง่มุม ทั้งตัวบุคคล การลงพื้นที่หาเสียง ยุทธวิธีหาเสียง นโยบายการหาเสียง ภาวะผู้นำภายในพรรค รวมทั้งบทบาทของพรรคด้วย
เจอเข้าแบบนี้ "พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์" แกนนำคนเสื้อแดงนปช. ในพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ในทีมหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ก็โพสต์สวนกลับทันทีว่า ... หลักการของพรรค และนักการเมืองพรรคนี้ ยังสู้จริง ยังยึดโยงกับประชาชน ไม่ได้อาศัยบุญเก่าอย่างเดียว ก็ยังพยายามเข้าวัด หมั่นทำบุญอยู่ เพียงแต่คนบางคนไม่เคยเข้าวัด เลยไม่เห็นว่าพวกเรายังเข้าวัดทำบุญสม่ำเสมอ...
ทุกคนทำงานหนักมาก โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทุ่มเทอย่างจริงจัง ประชาชนก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ในสภาวการณ์นี้ ทั้งเงิน ทั้งอำนาจรัฐ ลงไปเต็มๆ แน่นอนเขาคงทำให้จับไม่ได้แน่ แต่ที่พบเห็นในเหตุการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยายวัย 86 ถูกแย่งสิทธิ์ของตนไปต่อหน้า จึงต้องขึ้นโรงพักแจ้งความกัน ที่นั่นเขาเชียร์กันออกนอกหน้า ถึงขั้นปักธงเชียร์กันไม่เว้น แม้บนโต๊ะทำงาน กกต. ทหารหลายหน่วยมีหน้าที่ขับรถเกราะ วิ่งตระเวนกดดันหัวคะแนน และชาวบ้าน ถ้าใครไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง ก็จะไม่รู้จริง เมื่อไม่รู้จริงแล้วออกมาพูดเพื่อหาพื้นที่สื่อ มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา...
ไม่เพียงเท่านั้น “พิพัฒน์ชัย” ยังเอาเรื่องที่ทั้งคู่เคยติดคุกด้วยกันมาแฉ อีกว่า "สมยศ" ตอนอยู่ในคุก ยังต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่รอด ทำแม้กระทั่งรับจ้างเย็บหมอน เย็บที่นอน ... ในเรือนจำ ใครจะเป็นพี่ใหญ่มาจากไหน ก็ไม่กล้าหือกล้าอือกับผู้คุม ประชาชนที่ขอนแก่นก็เหมือนกัน เขายอมด้วยความฝืนใจ เพื่อให้เขาอยู่รอด จะได้ไม่ต้องมีปัญหากับผู้นำชุมชน ... พรรคเพื่อไทย อาจจะไม่ใช่พรรคที่ดีที่สุด แต่เชื่อว่าเป็นพรรคที่เลวน้อยกว่าพรรคอื่นๆ แต่ถ้าเห็นว่าไม่มีพรรคไหนดีเลยในสายตา ก็ไปตั้งพรรคเองเลย และอย่ามาบอกว่า ไม่เล่นการเมือง เพราะถ้าไม่เล่นการเมือง แต่ชอบแต่วิจารณ์การเมือง มันจะเข้าข่ายดีแต่พูด...
อย่างไรก็ดี หากวิเคราะห์ถึงการเลือกตั้งซ่อมที่ เขต 7 ขอนแก่น ครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทย มาจากหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญ คือ "สมศักดิ์ คุณเงิน" จากพรรคพลังประชารัฐ มีฐานเสียงใหญ่ใน อ.หนองเรือ ซึ่งมีประชากรมากกว่า อ.มัญจาคีรี บ้านเกิดของ "ธนิก มาสีพิทักษ์" จากพรรคเพื่อไทย และ ถ้าย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา "สมศักดิ์" แพ้ "นวัธ เตาะเจริญสุข" อดีต ส.ส.เขตนี้ ที่ถูกศาลชั้นต้นสั่งประหารชีวิต ไปเพียงแค่ 3 พันคะแนน ขณะที่บัตรเสียใน อ.หนองเรือ มีจำนวนมากถึงหลักหมื่น และส่วนใหญ่เป็นของ "สมศักดิ์" ซึ่งก็คาใจกันอยู่ ... นั่นแสดงว่า "สมศักดิ์" ก็ไม่ธรรมดา แถมเกาะติดพื้นที่อย่างเหนียวแน่น
ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ หัวคะแนนสาย "นวัธ" ก็ใส่เกียร์ว่าง เพราะ"นวัธ" ต้องการให้หลานชาย ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นลงสมัครเป็นตัวตาย ตัวแทน แต่พรรคไม่เห็นด้วย กลับไปเลือกเอา”ธนิก” มาลงสู้
ถามว่า กระแสพรรคเพื่อไทยเสื่อมหรือไม่... จุดอ่อนที่ "สมยศ" พูดก็ไม่ผิด เพราะพรรคเพื่อไทย หลังจากไม่มี "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" บุญเก่าก็เริ่มหดหาย ขณะที่ฝ่ายบริหารพรรค ก็มีการเปลี่ยนแปลง เอา “มือเก๋า”ออก เปิดโอกาสให้คนที่คิดว่าตัวเองเก่งเข้ามาแทน และแน่นอน การไม่ได้เป็นรัฐบาลมาหลายปีต่อเนื่อง "บุญใหม่" ก็ย่อมไม่ได้สร้างเช่นกัน
ต่างจากพลังประชารัฐ ที่ทุ่มเทให้กับนโยบาย "ประชารัฐ" และนโยบายช่วยเรื่องราคาพืชผลการเกษตรทุกอย่าง ก็กำลังทำงาน สามารถเอามาเป็น "จุดขาย"ได้ ... ระวังให้ดีก็แล้วกัน ถ้าเกษตรกรติดใจเมื่อไหร่ "เพื่อไทย" ก็นับวันเสื่อมถอย อย่างที่ "สมยศ" ว่า ... ยิ่งถ้านักเลือกตั้งไม่เกาะติดพื้นที่ ก็จบ! เสื้อแดงก็เสื้อแดงเถอะ !!