xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยพ่ายศึกขอนแก่นทำสะเทือนไปทั้งบาง !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ - สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
เมืองไทย 360 องศา




หากไม่นับเอาเชียงใหม่หรือพื้นที่ทางภาคเหนือก็ต้องบอกว่าจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ทางภาคอีสานถือว่าเป็นเมืองหลวงทางการเมืองของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร มาช้านาน เพราะพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นฐานเสียงหลักถึงขั้นที่ว่าในยุคหนึ่งมีการเปรียบเปรยกันในแบบยอมรับสภาพความพ่ายแพ้ในทำนองว่าแค่ส่ง “เสาไฟฟ้า” ลงไปก็ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เคยเป็นแบบนั้น เพราะไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อพรรคจากไทยรักไทยมาจนถึงเพื่อไทยพวกเขาก็ได้รับการเลือกตั้งถล่มทลาย

อย่างไรก็ดีในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาที่พวกเขาดำเนินยุทธศาสตร์ทางการเมืองผิดพลาดจนนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักษาชาติ และไม่สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พรรคเพื่อไทยที่ถือว่าเป็นเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กุมอำนาจรัฐหลังการเลือกตั้ง ต้องกลายมาเป็นฝ่ายค้านแบบจำใจ

ขณะเดียวกันการเป็นฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้มองอีกด้านหนึ่งมันก็ไม่ต่างจากคนไร้ประสบการณ์ ไม่มีความพร้อม ประกอบกับภายใต้กติกาใหม่ที่ส่งผลให้บรรดาแกนนำคนสำคัญของพรรคไม่ได้เป็น ส.ส.ในแบบบัญชีรายชื่อไม่ได้เข้าสภาแบบเรียบวุธ มันก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อเกมในสภาที่ต้องขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด และแม้ว่าหากเปรียบเทียบเสียงกับฝ่ายรัฐบาลที่แม้จะมีเสียงคู่คี่ก้ำกึ่งที่ฝ่ายรัฐบาลมีเสียง “ปริ่มน้ำ” แต่ยิ่งนานไปกลับยิ่งมีพลังกดดันลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ

เมื่อวกกลับมาที่การเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่น เขต 7 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยคือ นายธนิก มาสีพิทักษ์ พ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐคือ นายสมศักดิ์ คุณเงิน โดย นายธนิก ได้ 38,010 คะแนน ขณะที่ นายสมศักดิ์ได้ไป 40,252 คะแนน โดยพ่ายแพ้ไป 2,242 คะแนน แน่นอนว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้ย่อมมีองค์ประกอบหรือปัจจัยหลายอย่างที่ต้องนำมาถกเถียงกัน แต่ผลที่ออกมาตามที่เห็นคือพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ และที่สำคัญยังต้องเสียเก้าอี้ ส.ส.ให้กับฝ่ายรัฐบาลคือ พรรคพลังประชารัฐไปอีก 1 ที่นั่ง เพราะเดิมเป็นเก้าอี้ของพรรคเพื่อไทยนั่นคือเคยเป็นของ นาย นวัธ เตาะเจริญสุข ที่ถูกศาลสั่งประหารชีวิตจากคดีจ้างวานฆ่าผู้อื่น จนต้องมีการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว

กลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านเสียเก้าอี้ไปหนึ่งที่นั่งและกลับไปเพิ่มที่นั่งให้กับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งในภาวะเสียงปริ่มน้ำแบบนี้ทุกเสียงย่อมมีความหมาย และคราวนี้ความหมายก็คือพรรคพลังประชารัฐ “มีกำไร”

แต่ที่นอกเหนือจากนั้นก็คือ มันเสียหายทั้งเครดิตและเสียหายทั้ง “ยุทธศาสตร์”ของพรรคที่เดินอยู่ในเวลานี้ เพราะอย่างที่รับรู้กันไปแล้วก็คือ พื้นที่ภาคอีสานเป็นฐานเสียงอันเหนียวแน่นของพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร และสำหรับจังหวัดขอนแก่นมันก็ไม่ต่างจาก “เมืองหลวงทางการเมือง” ของพวกเขา แม้ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมาในจังหวัดนี้พวกเขายังสามารถรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่เอาไว้ได้ มีเสียงไม่มีเขตเลือกตั้งเท่านั้นที่พ่ายแพ้ให้กับพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งใน เขต 7 ก็เคยเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งซ่อม

แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาอย่างที่เห็นมองกันเป็นความจริงอยู่ตรงหน้าแบบไม่มีอะไรซับซ้อนคือพรรคเพื่อไทยแพ้ให้กับพรรคพลังประชารัฐ และในคำถามที่ว่ามนต์ขลังของ ทักษิณ ชินวัตร อ่อนแรงไปแล้วหรือ แน่นอนว่าอาจมีเสียงโต้แย้งกล่าวหาแบบ “แพ้แล้วไม่ยอมรับ” ก็คือเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามใช้อำนาจรัฐ หรือโกงอะไรทำนองนี้ ก็ว่ากันไป แต่นาทีนี้ก็คือ “แพ้” และยังมีแนวโน้มกระทบต่อยุทธศาสตร์ของพรรคในอนาคตอีกด้วย

นั่นคือขอนแก่นที่ถือว่าเป็นเมืองหลวงทางการเมืองในภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย “แตกแล้ว” ทั้งที่ระดับแกนนำหลายคนลงไปฝังตัวในพื้นที่เป็นเวลานาน โดยคุณหญิง สุดารัตน์ ได้กล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียง แต่ก็เปิดเผยให้ทราบว่าเธอได้ลงไปอยู่ในพื้นที่ถึงกว่า 20 วันแต่ก็ไม่สำเร็จ

ที่สำคัญผลการเลือกตั้งยังเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามคือพรรคพลังประชารัฐรุกคืบเข้ามาอีกเป็นแผง และถัดมาก็คือมีผลกระทบต่อการทำงานในสภาที่นอกเหนือจากเสียงของฝ่ายค้านลดลงแล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวที่อาจมี “งูเห่า” และส.ส.ฝ่ายค้านย้ายข้างเพิ่มขึ้นอีก

ขณะเดียวกันหากโฟกัสเข้าไปภายในพรรคเพื่อไทยในเวลาอันใกล้นี้ก็มีแนวโน้มจะเกิดแรงกระเพื่อมตามมาอีก เพราะหากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ไม่นานนักที่มีข่าว มีส.ส.พรรคเพื่อไทยนับสิบคนเดินทางไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ถึงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต เพื่อขอให้ปลด คุณหญิงสุดารัตน์ ดกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ครั้งนั้นมีหลายคนที่ไป เช่น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นต้น ตามข่าวบอกว่าพวก ส.ส.โดยเฉพาะในภาคอีสานไม่พอใจ แต่เรื่องก็เงียบเหมือนกับมีการเคลียร์กันได้หรืออาจวางเฉย หรืออาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากยังเป็นช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม อาจมีผลกระทบได้ไม่คุ้มเสีย

แต่มาถึงวันนี้ เมื่อผลการเลือกตั้งซ่อมที่ขอนแก่น เขต 7 ออกมาอย่างที่เห็นแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระเทือนกับพรรคเพื่อไทยอย่างหนักแน่ อย่างน้อยในด้านยุทธศาสตร์ของพรรคในพื้นที่ภาคอีสานที่มีแนวโน้มถดถอยแลละกระจุยกระจายออกไปเรื่อยๆ เพราะถือว่างานนี้เสียหายหนักมาก !!


กำลังโหลดความคิดเห็น