เป็นเรื่องอีกจนได้ คราวนี้ “ชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้การชุมนุมของ “ทอน-อนาคตใหม่” เข้าข่ายความผิด ม.45 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โทษถึงยุบพรรค ถ้ามีคนร้อง กกต. หรือจะหาว่าถูกกลั่นแกล้งอีก
น่าสนใจเป็นอย่ายิ่งเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการชุมนุมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ว่าอาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โทษถึงยุบพรรค ว่า
.....การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือ กปปส. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำ
.....นายสุเทพได้ลาออกจาก ส.ส. และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อาจมีคนสงสัยมีเหตุผลอะไร จึงต้องลาออก เพราะนักกฎหมายของ ปชป. เกรงว่าการชุมนุมอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 45 ซึ่งตาม พ.ร.ป. พรรคการเมืองปี 2550 บัญญัติไว้ในมาตรา 66
.....พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
.....มาตรา 45 ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองกระทําการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน หรือกระทําการอันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
.....เมื่อเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน มาตรา 45 กกต.ก็ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นตามมาตรา 92
.....มาตรา 92 เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
.....(3) กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74
.....การชุมนุมของ กปปส. จึงไม่มีใครยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ ปชป. เพราะนักกฎหมายของ ปชป. อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็นก่อนจะทำอะไรที่อาจจะมีผลถึงพรรค ก็จะไม่เสี่ยงและมีการป้องกันไว้ก่อน
.....การที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและนางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ชักชวนให้ประชาชนไปชุมนุมที่สกายวอล์ก หน้าหอศิลป์ ปทุมวันในวันนี้ที่ 14 ธันวาคม 2562 เวลา 17 ถึง 18 นาฬิกา
.....ถ้ามีบุคคลไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 45 ขอให้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92(3)
.....นายธนาธรและนางสาวพรรณิการ์จะอ้างว่ามีสิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 ก็คงไม่ได้
.....บทบัญญัติในมาตรา 44 เป็นการให้สิทธิแก่ประชาชนโดยทั่วไป แต่เมื่อบุคคลใดเป็น ส.ส. หรือมีตำแหน่งในพรรคการเมืองก็ต้องยึดถือปฏิบัติตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้งและ พ.ร.ป. พรรคการเมืองด้วย
.....นายธนาธรกับพวกชักชวนประชาชนไปชุมนุมเพราะไม่พอใจที่ กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีที่นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาทเศษ
.....โดยที่ยังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้รับคำร้องของ กกต.ไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับไว้พิจารณาจะมีคำชี้ขาดว่าอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้
.....ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องของ กกต. หรือให้รับคำร้องไว้พิจารณา แต่พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้อง เรื่องก็ควรจบด้วยดี
.....แต่การนัดประชาชนไปชุมนุมในวันนี้ หากมีผู้ไปร้องต่อ กกต. ว่าเป็นกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 45 และ กกต.มีมติเห็นด้วย จึงยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคอนาคตใหม่อีก
.....นายธนาธร นายปิยบุตร และนางสาวพรรณิการ์ คงจะออกมาโวยว่ามีคนกลั่นแกล้งอีก แต่ถ้าเมื่อใดคิดได้ว่า นักกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่อ่อนด้อยประสบการณ์ในการทำงาน ก็ควรไปปรึกษานักกฎหมายของ ปชป.
.....ส่วนที่มีพรรคการเมืองบางพรรคจะให้นักกฎหมายของพรรคมาช่วยนั้น ขอให้พิจารณาให้ดี เพราะพรรคการเมืองพรรคนั้นก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคมาแล้ว
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ (17 พ.ค.62) นายชูชาติ ศรีแสง เคยออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศตัดญาติขาดมิตรตลอดชีวิต ถ้า "ประชาธิปัตย์" ไปร่วม "อนาคตใหม่" มาแล้ว ในช่วงหลังเลือกตั้งและกำลังเตรียมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งแม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว และผลก็ออกมาแล้ว ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับพรรคอนาคตใหม่
ทว่าความน่าสนใจ มันอยู่ที่จุดยืนของ นายชูชาติ ศรีแสง และสิ่งที่นายชูชาติ อ่านเกมพรรคอนาคตใหม่ ว่า เฉียบคมแค่ไหน
โดยระบุ ว่า.....นอกจากนี้เมื่อจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็จะได้โวยวายและหาเสียง กับพวกคลั่งธนาธรดังที่เคยกระทำว่า นักการเมืองพรรคอื่นๆ เป็นไดโนเสาร์และนิยมเผด็จการประชาชนพึ่งไม่ได้
.....มีเพียงพรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตยและประชาชนพึ่งได้
ประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคอนาคตใหม่ไม่มีทางสำเร็จได้ และนายธนาธรกับนายปิยบุตรก็คงรู้เช่นเดียวกัน
.....แต่ที่กระทำเข่นนี้น่าจะเพื่อต้องการกลบ ข่าวที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐวิฉัยว่านายธนาธรขาดจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. หรือไม่
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ประกาศจัดตั้งรัฐบาลที่มีนายธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรีให้เรียบร้อยภายใน 7 วัน
.....สำหรับพรรคภูมิใจไทยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เคยยืนยันหลายครั้งแล้วว่า จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
.....ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าถ้ามีมติที่ประชุม ส.ส. กับคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์โดยรวมยังคงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะมีเพี้ยนๆ ไปบ้างก็ตาม
.....แต่ถ้า ปชป. ละเลยสิ่งนี้และยอมร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งรู้กันอยู่ว่าคิดอย่างไรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องตัดญาติขาดมิตรกันตลอดชีวิต
.....ผมเชื่อว่าการประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคอนาคตใหม่ไม่มีทางสำเร็จได้ และนายธนาธรกับนายปิยบุตรก็คงรู้เช่นเดียวกัน
.....แต่ที่กระทำเช่นนี้น่าจะเพื่อต้องการกลบ ข่าวที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐวินิจฉัยว่านายธนาธรขาดจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. หรือไม่
.....นายธนาธรน่าจะอยู่ในลักษณะของคนปากกล้าขาสั่น เพราะ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวิฉัยว่า ขาดคุณสมบัติก็ต้องหลุดจากการ เป็น ส.ส. และจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี กับถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปีด้วย
.....นอกจากนี้เมื่อจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็จะได้โวยวายและหาเสียง กับพวกคลั่งธนาธรดังที่เคยกระทำว่า นักการเมืองพรรคอื่นๆ เป็นไดโนเสาร์และนิยมเผด็จการประชาชนพึ่งไม่ได้
.....มีเพียงพรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตยและประชาชนพึ่งได้
ย้อนกลับไปในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง(23 ก.พ.62)
ชูชาติ ศรีแสง เอาไว้สั้นๆ แต่ได้ความหมายอันลึกซึ้ง ระบุว่า “ผู้ที่หลอกลวงชาวบ้านแม้กระทั่งประวัติของตัวเอง เรื่องอื่นๆ จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าไม่โกหก”
กรณีมีผู้ร้องเรียนกล่าวหานายธนาธร ว่าทำผิดมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลในเว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่ว่านายธนาธรเคยดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 วาระ ซึ่งตามข้อเท็จจริงนายธนาธรไม่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาก่อน
เรื่องนี้ ต่อมากกต.พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานไม่พอฟังได้ว่านายธนาธรได้กระทำความผิดตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงมีมติให้ยุติเรื่อง
ตามประวัตินายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2485 การศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลฎีกา และรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
ทั้งหมดทั้งปวง ทำให้เห็นได้ว่า การที่นายชูชาติ ออกมาโพสต์ให้เห็นความผิดในการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.62 ของนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ จึงอยู่บนพื้นฐานที่มาจากประสบการณ์ในการคลุกคลีอยู่ในวงการผู้พิพากษาและนักกฎหมายมาอย่างยาวนาน ย่อมอ่านกฎหมายได้อย่างแตกฉานและชี้ประเด็นได้ชัดอย่างเจนด้วย
งานนี้ ถ้ามีคนร้อง กกต. คงได้ลุ้นกันอีก ว่าความผิดยุบพรรคจะเกิดขึ้น ซ้ำซาก หรือไม่ จับตาดูต่อไปก็แล้วกัน