xs
xsm
sm
md
lg

"ปวิน" เตือน "ส้มหวาน" อย่ามาประท้วงเพื่อปกป้อง "ธนาธร-เซลฟี่" ชี้ต้องมุ่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR Online - "ปวิน" โพสต์ตรงจากเกียวโตระบุ ไม่อยากให้ปลุกแฟนคลับอนาคตใหม่ลงถนนมาเพื่อปกป้อง "ธนาธร" เพื่อชุมนุมหนึ่งชั่วโมงแล้วด่ารัฐบาลได้นิดหน่อยก่อนแยกย้ายกลับบ้าน ชี้เป้าหมายที่แท้จริงคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมือง

วันนี้ (14 ธ.ค.) นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปอยู่ที่ต่างประเทศ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Pavin Chachavalpongpun วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การนัดชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่ บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามและสถานีสนามกีฬา สี่แยกปทุมวัน โดยระบุว่า ตนไม่อยากเห็นการออกมาประท้วงเพื่อปกป้องธนาธร ที่ทำเหมือนการพบปะสังสรรค์ ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กแล้วปั่นแฮชแท็ก แต่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองและระบบยุติธรรม

"อะไรคือสูตรสำหรับของการลงถนน? คนจำนวนมากต้องรู้สึกร่วมกันถึงความอยุติธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะความอยุติธรรมที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง ตอนเสื้อแดงลงถนนเมื่อ 9 ปีก่อน นั่นไม่ใช่เป็นแค่เพราะพรรคที่เขารักถูกทำร้าย แต่เป็นเพราะเขาเห็นว่า เขาขาดตัวแทนที่เป็นปากเป็นเสียงให้เขา รวมถึงสวัสดิการที่เขาเคยได้รับมันได้หายไป เขาต้องการมันกลับคืนมา เรื่องประท้วงฮ่องกงเป็นตัวอย่างที่ดี ชาวฮ่องกงประท้วงเพราะรักษาสิทธิของตัวเอง กลัวว่าเสรีภาพที่มีอยู่จะถูกปักกิ่งแย่งไปทั้งหมด เมื่อไฟไม่ลามถึงตัว ไม่มีใครยอมเสียสละอย่างแท้จริง ลงถนนชั่วโมงหนึ่งทำได้ แต่จะลงถนนเพื่อเอาชนะ เราต้องการการเสียสละมากกว่านั้น

"...ถามตัวเองว่าลงถนนวันนี้เพื่ออะไร ถ้าเพื่อปกป้องธนาธร ดิชั้นว่าคุณนอนอยู่บ้านเลี้ยงหมาต่อเถอะค่ะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณกำลังทำให้การประท้วงมันถูก personalised เมื่ออเจนด้ามันแค่เรื่องปกป้องคนๆ หนึ่งแต่อย่างเดียว มันเข็นไปได้ไม่ไกล แต่ถ้าคุณคิดว่า พอกันทีไอ้ประเทศเหี้ย ประเทศที่มีระบบยุติธรรมเอาไว้เป็นกระดาษเช็ดตูด คุณลงถนนมาเลยค่ะ ลงแล้วต้องคิดว่า จะทำให้การประท้วงมันต่อยอดอย่างไร ทำให้มัน sustainable แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันไม่ง่าย ย้อนกลับไปอ่านข้างต้น สูตรสำเร็จนั้น ทุกคนต้องรู้ว่ามันส่งผลกระทบต่อเราโดยตรง แล้วต้องมีคนจำนวนมากพอที่คิดแบบนั้น

"...มิฉะนั้นมันจะจบในทำนองนี้ คือมาพบกัน ประท้วงชั่วโมงนึง สังสรรค์ ถ่ายรูปลงเฟซบุค ปั่น hashtag ชิงพื้นที่ในทวิตเตอร์ แล้วเฝ้ารอการปรากฏตัวของมหาวีรุบุรุษธนาธร ได้จับมือ ถ่ายรูปด้วย ด่ารัฐบาลนิดหน่อย พอครบ 1 ชั่วโมง แยกย้ายกันกลับไปดูละครช่อง 7 ต่อ และชีวิตในวันรุ่งขึ้นก็ยังเหมือนเดิม ดิชั้นขอมากกว่านั้นค่ะ"



นอกจากนี้นายปวินยังโพสต์อธิบายความต่อด้วยว่า

"ถามตัวเองว่าเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร ถ้าคือการเปลี่ยนโครงสร้างการเมือง ธนาธรต้องยุติวาทกรรมคนกรุง -- เปิดเผย สร้างสรรค์ สันติ -- เพราะแม่งโครตที่จะ cliché และ meaningless ไร้ความหมาย พูดเพื่อปลอบประโลมติ่งส้มสาขากรุงเทพให้รู้สึกดี รู้สึกว่าเป็นคนมีการศึกษา รู้สึกว่าตัวเองคลีน เพียว ออแกนิค เลอค่า มีอารยะและมีคุณธรรม
...สังคมไทยมันไปไกลกว่านั้นแล้ว ศัตรูของประชาธิปไตยมันเหี้ยกว่านั้นมาก วาทกรรมสวยๆ ตลาดบนอย่าง -- เปิดเผย สร้างสรรค์ สันติ -- ไม่มันสามารถระคายผิวพวกมันได้ เราต้องการความจริงใจกว่านั้น ความหนักแน่น และก้าวต่อไปที่แน่ชัด ไม่ใช่แค่วาทกรรมเก๋ๆ วันละคำ ขอโทษค่ะ ใครไม่เห็นด้วยโปรดอันเฟรนด์ดิชั้น เพราะมิฉะนั้น ดิชั้นจะอันเฟรนด์คุณ อีคนตลาดบน!"

"ธนาธรบอกว่า "ของขวัญที่ดีที่สุดในปีใหม่นี้คือการที่คุณประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" คำพูดแบบนี้แสดงถึงปัญหาการไม่มี consistency ของธนาธรเอง ก่อนอื่นต้องตอบว่า วันนี้ ประเด็นอะไรสำคัญที่สุดที่ทำให้คนออกมาม็อบ แล้วธนาธรต้องยึดกับประเด็นนั้นไว้ เพื่อไม่ให้คนติดตามหลุดประเด็น หวั่นไหว ไม่แน่ใจ ถ้าประเด็นวันนี้ของการก่อม็อบมันคือระบบยุติธรรมที่พังพินาศ ธนาธรต้องเล่นประเด็นนี้วันนี้ เช่น ควรตอบว่า ของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดคือการรื้อระบบยุติธรรมทั้งหมด อะไรก็ว่าไป นี่คำตอบกลับกลายเป็นสะเปะสะปะ แม้การขอให้อีประยุทธ์ลาออกจะไม่ผิด แต่มันกลายมาเป็นอีกประเด็นหนึ่ง หรือม็อบวันนี้คือม็อบไล่อีประยุทธ์ ถ้าใช่ พูดเรื่องประยุทธ์จะไม่ผิดเลย นี่คือการคิดแบบมียุทธวิธี แต่ดังที่ปรากฏ การรวมตัววันนี้มันไม่มียุทธวิธีใดๆ ทั้งสิ้น"

"ถ้าม็อบนี้นำโดยชาวบ้านทั่วไป การเอาญัตติไล่ประยุทธ์ขึ้นมานำ ถือว่าเป็นเรื่องเหมาะสม เพราะอีประยุทธ์มันสมควรถูกไล่ไปนานแล้ว แต่การที่มีพรรคการเมืองมานำ แล้วใช้ญัตตินี้เป็นตัวเดินเรื่อง มันฟังลำบาก เพราะพรรคของคุณร่วมหัวจมท้ายกับเค้าตั้งแต่แรก ยอมรับกติกาที่เค้าเขียน ยอมรับผลการเลือกตั้ง ยอมเป็นฝ่ายค้าน (ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าดิชั้นเห็นว่ากติกาเหล่านั้นถูกนะคะ) เมื่อยอมอยู่ในกติกาอย่างนั้น แม้จะถูกกระทำมากเท่านั้น การออกมาไล่นายกและพรรครัฐบาลมันเป็นเรื่องที่ขาดน้ำหนัก ที่เขียนมาทั้งหมด ดิชั้นยังเห็นว่า การโจมตีกระบวนการยุติธรรมมันคือญัตติหลักวันนี้ ใหญ่กว่าเรื่องไล่ไอ้นายกโง่ออกด้วยซ้ำ ส่วนภารกิจไล่ไอ้โง่นั้น ให้งาน "วิ่งไล่ลุง" ทำจะดีกว่า .....ด้วยรักจากเกียวโต....."






กำลังโหลดความคิดเห็น