นายกฯ แนะอุดมการณ์พรรคอย่างเดียวไม่พอ ต้องอุดมการณ์ชาติด้วย ยันไม่โง่พูดผ่านสื่อยุบสภา แค่ถามขั้นตอน ย้ำเสถียรภาพโอเค ไม่ปรับ ครม. อ้าแขนรับ ศก.ใหม่ร่วมรัฐบาล แต่ยังไม่พูดถึงโควตา โยนแกนนำเคลียร์ วอนจบดรามาพรรคร่วม ชี้เข้าขากันดีแล้ว
วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า อากาศประเทศไทยเป็นแบบนี้ อากาศหนาวมีความสุขสบายใจ ฉะนั้น อย่าไปเร่งอุณหภูมิความร้อนให้กับประเทศ สื่อขอร้องด้วยแล้วกัน หลายๆ เรื่องทุกอย่างผ่านพ้นมาได้ด้วยดี จะอะไรอย่างไรก็ไปว่ากันใหม่ในวันหน้าว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ส่วนอันเก่าให้จบๆกันบ้าง ต้องไปว่าอันใหม่ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป
“ผมคิดว่าทุกอย่าง ทุกคนก็ต้องมีอุดมการณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์พรรค อุดมการณ์ชาติ มันต้องมีทั้งสองอย่าง พรรคอย่างเดียวไม่พอต้องอุดมการณ์ชาติด้วย” พล.ประยุทธ์กล่าว
พล.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องในสภาพอได้แล้ว มันจบแค่นี้ก็จบเท่านี้ไปก่อน ถ้าไปพูดกันทุกวันๆ มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ก็ค่อยไปดูในเรื่องของวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก ตนคิดว่าถ้าเราช่วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ประเทศชาติอยู่ตรงไหน การเป็นฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเป็นเรื่องของประชาธิปไตยอยู่แล้วตนเข้าใจดี แต่ขอให้มีเหตุมีผลสักหน่อย และเอาสถานการณ์ภายในประเทศมาจับดูจะช่วยกันได้อย่างไรในบางเรื่องบางมิติ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะคล้อยตามทั้งหมด
“วันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปโน่นไปนี่ แม้กระทั่งการยุบสภาอะไรต่างๆ ผมยังไม่ได้คิดตรงนั้น เพียงแต่ถามดูว่าแต่ก่อนเขาทำกันอย่างไร เรื่องเหล่านี้ก็แค่นั้นเอง ผมไม่ได้ไปประกาศว่าจะทำอะไร มันประกาศไม่ได้เรื่องเหล่านี้ มันเสียไปทั้งหมด ความมั่นใจของต่างประเทศก็เสีย อย่าไปเขียนแบบนั้น ผมคงไม่โง่พอที่จะไปพูดเรื่องเหล่านี้ในสื่อในอะไรต่างๆ มันไม่ได้ เราต้องรักษาสภาพให้ได้มากที่สุด ถ้าเรายอมรับว่าวันนี้เป็นเสียงส่วนน้อยแล้วเป็นเสียงใคร เสียงมาจากประชาชนไม่ใช่หรือ เขาเลือกพรรคการเมืองแต่ละพรรคมา เป็นสิทธิของเขาที่จะเลือกอยู่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราจะแก้อย่างไรในครั้งหน้าครั้งต่อไป ไปว่ากันตรงนี้นะจ๊ะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพื่อลดกระแสข่าวลือต่างๆ ยืนยันได้หรือไม่ว่าขณะนี้ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่า “ไม่มี ไม่มี ผมยืนยันว่าผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องตรงนี้เลย วันนี้ทุกคนเริ่มทำงานเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เข้ามากันใหม่ๆ มันฉุกละหุก ก็ต้องมีการระวังในเรื่องของการหาเสียง รัฐบาลเองก็ต้องระมัดระวังในเรื่องการใช้งาน และระมัดระวังในเรื่องการดูนโยบายในภาพรวม ดังนั้น เรื่องต่างๆ เหล่านี้ขอให้ทุกคนเข้าใจ ว่าถึงแม้จะมีนโยบายของพรรคต่างๆ ออกมา ทั้งหมดจะต้องนำมากลั่นกรอง อย่างเรื่องข้าวก็ต้องนำเข้าสู่คณะกรรมการนบข. เรื่องปาล์มก็นำเข้าสู่คณะกรรมการปาล์ม ถึงแม้จะมีการประกาศนโยบายไปแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องมาดูว่าทั้งหมดทำได้หรือไม่ รัฐบาลมีเงินเพียงพอหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้รับผิดชอบตรงนี้ และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งมาจากหลายพรรคการเมือง ถ้าทุกคนยอมกันทุกอย่างก็ทำได้ เพราะนี่คือ ครม. ไม่ใช่ว่าผลงานที่ทำออกมาแล้ว เป็นเรื่องของพรรคนั้น พรรคนี้ พรรคก็คือพรรค ผมเคารพในมติของแต่ละพรรค แต่สิ่งที่ทุกคนต้องเคารพคือ มติของ ครม.ซึ่งเหนือกว่าทุกเรื่องทั้งปวง จึงไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด แม้นโยบายพรรคนั้น พรรคนี้จะดี แต่พรรคนี้คือพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าทุกอย่างดี ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลดีไปด้วย ผมจึงไม่ได้มีความกังวลเลยว่า จะต้องไปยุบสภาหรืออะไร ทุกอย่างไม่มี อย่างการประชุมวันเดียวกันนี้ ผมก็ได้ชมว่าการประชุมก็เริ่มดี และเข้าขากันมากขึ้น ซึ่งทุกคนจะต้องมาร่วมมือกัน ถ้าทุกคนแยกกันคิด แยกกันทำ งบประมาณก็มาคนละชิ้น การตัดสินใจก็ยาก เราจึงจำเป็นต้องมีกรอบในการใช้จ่ายงบประมาณ วันนี้นายกรัฐมนตรี ก็ต้องใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่ มีข้อมูลมีรายละเอียดต่างๆ และพร้อมรับฟังข้อมูล จากรองนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าส่วนราชการเองก็มีข้อมูล ถือเป็นการทำการของรัฐบาลต้องเป็นแบบนี้ ฟังทุกคนพูด แล้วค่อยมาหาข้อยุติ ไปสั่งอย่างเดียวมันไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ติดขัดไปทั้งหมด ในห้องประชุมทุกคนก็โอเค สั่งปุ๊บปั๊บ แต่พอไปทำจริงก็ติดทั้งหมด ต้องนำกลับมาทบทวนใหม่อีกหลายรอบ สุดท้ายประชาขนและประเทศชาติก็เสียประโยชน์”
เมื่อถามถึงเสถียรภาพของรัฐบาลยังคงมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แน่นอน ยังโอเคอยู่ และไม่ใช่ว่าตนในฐานะนายกฯ ไปร่วมกินข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาล เป็นคนละเรื่อง
เมื่อถามว่าเรื่องปรับ ครม.ยึดหลักเกณฑ์และระยะเวลา แค่ไหนถึงจะพิจารณาเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีหลักว่าจะต้องกี่เดือน แต่จะยึดหลักว่าเมื่อไหร่ที่ทำงานกันไม่ได้ ก็ปรับ เมื่อถามว่า 4 เดือนที่ผ่านมา มีผลงานด้านใดบ้างที่จะต้องปรับ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปรับการทำงานให้เข้ากันให้ได้โดยเร็ว ไม่ใช่เป็นผลงานของใคร ของมัน เป็นผลงานของรัฐบาลแล้ววันนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรก็เข้าขากันทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพื่อเสถียรภาพของรัฐบาลจำเป็นต้องดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่มาร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “ก็เขามาหรือไม่ เขาจะมาหรือไม่ ถ้าจะมาก็มา ถ้าสนใจก็มา เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะไปพูดคุยกัน”
เมื่อถามว่าหากพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้ามาร่วมรัฐบาล จะจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์หัวเราะในลำคอ พร้อมกล่าวว่า “ไม่ใช่ ให้มาก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งมาต่อรองอะไรในวันนี้ ถ้ามาแล้วสัดส่วนการจัด ครม.จะเป็นอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีโควตาอยู่ไม่ใช่หรือ จะมา 3-4-5-6 คนจะมากันอย่างไร อยู่กันตรงไหนไปว่ากันอีกที ก็ต้องไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะรัฐมนตรีเรามีอยู่จำนวนแค่นี้ ถ้าเข้ามาแล้วขอตำแหน่งรัฐมนตรีเลย แล้วจะทำอย่างไร คนเก่าจะไปอยู่ที่ไหน มันต้องไปคุยและตกลงกันก่อน เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะไปคุยกัน”
เมื่อถามว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นผู้ประสานงานและเจรจา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ต้องมาคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลผ่านแกนนำของพรรค ก็ต้องไปคุยกัน จะมาคุยอะไรกับตน ผมก็หวังว่าวันนี้ทุกพรรคจะมาร่วมกันทั้งหมด จะมากันหรือไม่ละ อย่างไรก็ตาม ที่มีข่าวว่าบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลพอใจหลังได้ร่วมกินข้าวกับผมนั่น คงไม่ใช่ เรื่องกินข้าวก็ส่วนเรื่องกินข้าว ส่วนจะมีการนัดพบปะกันทุกเดือนหรือไม่นั้น ต้องดูเวลาและความเหมาะสมของผม และที่ผมไปไม่ได้ไปจับตา หรือก้าวล่วงอะไรสักอย่าง เพียงแต่ไปทำความเข้าใจว่าผมเป็นอย่างไร ตัวผมคืออะไร และผมทำเพื่อใคร ทุกคนร่วมมือกันกับผมได้หรือไม่ หลายอย่างผมได้พูดไปว่า รัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง บางคนก็ยอมรับว่าไม่รู้เรื่อง ดังนั้นวันนี้เราต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผมก็ฟังทุกคน อะไรที่ไม่เข้าใจก็ได้อธิบาย ก็ดูว่าเข้าใจกันมากขึ้น”
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจอารมณ์นักการเมืองมากขึ้นแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจไปด้วย อารมณ์ก็คงเหมือนผม อย่างผมบางทีอารมณ์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยเหมือนกัน แต่ผมยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน เพราะฉะนั้น อย่างอื่นผมไม่คิด และหวังว่าทุกคนจะคิดแบบผม รวมทั้งสื่อมวลชน อย่าไปพาดหัวข่าวตัวโตๆ ไร้สาระ ปัดโธ่เอ๊ย”
เมื่อถามว่าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่มั้ง แต่ผมก็มีหลักการของผม ไม่ใช่จะการเมืองอย่างเดียว การเมืองจะต้องครอบคลุมในเรื่องของการมีธรรมาภิบาล เป็นผู้นำที่มีหลักการ ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำเพื่อการเมืองอย่างเดียว ถ้าทำเพื่อการเมืองอย่างเดียว ประเทศชาติก็ติดหล่มเหมือนเดิม เพราะปัญหามีมากมาย”
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการออกกำลังกายว่า อยากให้ทุกคนออกกำลังกายกันให้มากขึ้น ส่วนตัวก็ใช้วิธีออกกำลังกายที่บ้านและคงไม่จำเป็นต้องมานำออกกำลังที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะเคยนำมาแล้ว 1-2 ปี ทำไมจะต้องมาสอนเดินกันตลอดเวลา ทุกคนก็ต้องออกกำลังกายกันเอง ถ้าจะให้มานำออกกำลังกายอีก เดี๋ยวจะถูกต่อว่าจากเจ้าหน้าที่ว่าเรียกมาทำไม จะต้องทำงาน ส่วนข้างนอกก็จะบอกว่าไม่มีงานทำอย่างไร ก็โดนทั้งขาขึ้นขาร่อง ถ้าเลิกวิพากษ์วิจารณ์กันได้ ก็คงทำงานได้สบายกว่านี้ ยังมีสิ่งที่อยากทำอย่างอิสระกับตัวเรา ที่สามารถจะนำไปสิ่งอื่นๆ ได้อีกมาก แต่ทุกคนล็อกมาที่ตนทั้งหมด แล้วจะมาต้องการอะไรจากเราอีก วันนี้มีแต่ความหวัง ความศรัทธาและความเชื่อมั่น ซึ่งวันนี้ตนเชื่อมั่นในประชาชน เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา ยังไม่พอกันอีกหรือ