xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"ยืนยันรัฐบาลมีเสถียรภาพ ย้ำไม่ยุบสภาฯ ไม่ปรับ ครม.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขอสื่อมวลชนหยุดสอบถามเรื่องสภาผู้แทนราษฎร โดยมองว่าหากรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมมือกันทำงาน มองถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก จะทำให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ มีความเข้าใจการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างดี แต่ขอให้มีเหตุและผล รวมถึงสอดคล้องกับสถานการณ์ภายในประเทศ ไม่ได้หวังให้ทุกคนมาคล้อยตามทั้งหมด แม้ขณะนี้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ต่างๆ มากมาย รวมถึงเรื่องการยุบสภา

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดจะยุบสภาขณะนี้ เพียงแต่สอบถามว่าที่ผ่านมาดำเนินการเรื่องนี้กันอย่างไรเท่านั้น แต่ไม่ใช่จะตัดสินใจยุบสภาอย่างแน่นอน เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคงไม่โง่พอที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ในสื่อต่างๆ เพราะรัฐบาลต้องรักษาเสถียรภาพให้มากที่สุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ไม่มีแนวคิดปรับคณะรัฐมนตรี เพราะทุกคนทำงานเข้าขากันดี เพียงแต่การทำงานที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาบ้าง เนื่องจากแต่ละพรรคต้องคำนึงถึงนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน ขณะที่รัฐบาลต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในภาพรวม ดังนั้น ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าแม้จะมีนโยบายของแต่ละพรรค แต่ทุกอย่างต้องผ่านการกลั่นกรองร่วมกัน และต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เพื่อให้เป็นมติ และเป็นผลงานของรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะแม้จะประกาศนโยบายไปแล้วก็ต้องมาพิจารณาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ โดยต้องดูว่างบประมาณมีเพียงพอหรือไม่ด้วย ซึ่งท้ายที่สุดหากทุกฝ่ายยอมรับสามารถทำได้ด้วยดี จึงไม่กังวลว่าสถานการณ์จะนำไปสู่การตัดสินใจยุบสภา

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ซึ่งไม่ใช่เพราะนายกรัฐมนตรีไปร่วมงานเลี้ยงกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะทุกคนทำงานเข้าขากันได้ จึงไม่จำเป็นต้องปรับครม. และไม่ได้ตั้งหลักเกณฑ์ว่าจะต้องปรับ ครม.ช่วงไหน แต่จะปรับเมื่อพรรคร่วมรัฐบาลทำงานร่วมกันไม่ได้แล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกระแสข่าวดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคเศรษฐกิจใหม่ หากต้องการมาร่วมงานกันก็ยินดี เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะพูดคุยกัน ส่วนการต่อรองตำแหน่ง เห็นว่ายังไม่ใช่เรื่องที่ต้องหยิบยกมาพูดคุยเวลานี้ เพราะควรมาทำงานร่วมกันก่อนจึงจะมาตกลงกัน เนื่องจากแต่ละพรรคมีสัดส่วนรัฐมนตรีตามโควตาที่กำหนด หากมาจำนวน 2-3 คนก็ต้องมาคุยกัน อย่างไรก็ตาม มุ่งหวังให้ทุกพรรคการเมืองมาร่วมงานกันทั้งหมด แต่จะมาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละพรรค