เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุดพรรคอนาคตใหม่ก็เริ่มเข้าสู่ “เฟสสอง” โหมดที่ต้อง “หนาว” กันทั้งพรรคกันแล้วหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ยอมให้พรรคยืดเวลาการนำส่งเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องเงินกู้ออกไปอีก 120 โดยเร่งรัดให้ต้องชี้แจงให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติเอกฉันท์ให้พรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการกู้เงินจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคมาเพิ่มเติมให้พิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพรรคอนาคตใหม่ได้ส่งเอกสารมาให้บางส่วนแล้ว และขอขยายเวลาในการส่งเอกสารเพิ่มเติมอีก 120 วัน หรือ 4 เดือน ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตและให้เร่งชี้แจงให้เสร็จภายในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ดังกล่าว
แน่นอนว่า การขอยืดเวลาชี้แจงออกไปอีก 120 วันนั้นมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นความพยายาม “ยื้อ” เวลาออกไปให้นานที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิและแทคติกทางกฎหมายสามารถทำได้ เพียงแต่ว่าจะได้รับการอนุญาตหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และผลก็ออกมาอย่างที่เห็นคือให้ยืดได้แค่อีกไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วระยะเวลาที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งยืดออกไปให้เพียงแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอ เพราะสามารถยื่นเอกสารหลักฐานพร้อมกันทีเดียวตั้งแต่วันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นเอกสารมาบางส่วนแล้วก็ได้
เพียงแต่ว่าเมื่อมีเจตนาจะยื้อออกไปถึง 120 วัน มันก็เป็นสิทธิ์และขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าจะอนุญาตให้หรือไม่ ซึ่งผลก็ออกมาคือให้ยืดเวลาเพียงแค่ถึงวันที่ 2 ธันวาคมนี้เท่านั้น
เอาเป็นว่าเมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าได้เห็นตารางเวลาได้ชัดเจนขึ้น และสำหรับพรรคอนาคตใหม่ก็ต้องบอกว่าเริ่มหวั่นไหวจนถึงขั้น “เริ่มหนาว” กันได้เหมือนกัน เพราะต้องไม่ลืมว่างานนี้หากผลออกมาในทางลบมันย่อมส่งผลสะเทือนกันไปทั้งพรรค ขณะเดียวกันหากบอกว่านี่คือ “ดาบสอง” ที่เป็นคดีต่อเนื่องมาจากถือหุ้นสื่อบริษัทวี-ลัค มีเดียของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิดจนสิ้นสภาพ ส.ส.ไปแล้ว ซึ่งกำลังจะมีผลทางคดีต่อเนื่องเช่นเดียวกันจากการถูกดำเนินคดีตามมาตรา 151 ที่มีโทษจำคุกและปรับรวมไปถึงถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลาถึง 20 ปี หากมีความผิด
สำหรับคดี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปล่อยกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191 ล้านบาท มีปฐมเหตุมาจากการที่ เขาไปเปิดเผยระหว่างได้รับเชิญไปพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อหลายเดือนก่อน ทางหนึ่งก็เพื่อต้องการโจมตีกฎหมายพรรคการเมืองที่ออกแบบมาให้มีอุปสรรคในการระดมทุนของพรรคการเมือง โดยครั้งนั้นเขาอ้างว่าพรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นมาไม่นานและไม่อาจระดมทุนในเวลากระชั้นชิดได้ ทำให้ต้องใช้วิธีปล่อยกู้ให้กับพรรคเพื่อใช้สำหรับสู้ศึกเลือกตั้งที่ผ่านมา
และที่ผ่านมาทางผู้บริหารพรรคไม่ว่าจะเป็น ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ต่างก็ออกมาแถลงโจมตีระบบกฎหมายแต่กลายเป็นยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงมัดคอตัวเองไปอีกชั้นหนึ่ง
ทั้งนี้ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 66 ว่าห้ามไม่ให้มีการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่าเกินเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล นักกฎหมายตำราฝรั่งเศสโต้แย้งว่าในกฎหมายพรรคการเมืองไม่ได้ห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน ดังนั้นจึงถือว่าเมื่อไม่ได้ห้ามก็สามารถทำได้ ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคก็อ้างว่าว่าเงินกู้ถือว่าเป็นภาระหนี้ ไม่ใช่รายได้ ก็ว่ากันไป แต่สำหรับการกำหนดไม่ให้รับบริจาคเงินจากผู้สนับสนุนจากรายเดียวเกิน 10 ล้านบาทต่อปี เพื่อป้องกันการครอบงำพรรคจากนายทุน หรือเป็นเจ้าของพรรคเหมือนเช่นในอดีต
แน่นอนว่านาทีนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความผิดหรือไม่ ต้องรอการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สรุปออกมาก่อน แต่ก็ถือว่าเริ่มเดินเข้าทางตรงแล้ว แม้ว่าหากผลออกมาทางลบก็ยังต้องส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอยู่ดี
ดังนั้นหากบอกว่าสำหรับพรรคอนาคตใหม่เริ่มเข้าสู่ไทม์ไลน์เสี่ยงยุบพรรค ทำให้ต้องเริ่มรู้สึกหนาวกันบ้างแล้ว เพราะเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งขีดเส้นให้ต้องส่งเอกสารหลักฐานการกู้เงินจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 191 บาท ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 2 ธันวาคม ยื้อเวลาออกไปอีกไม่ได้แล้ว
และหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่การพิจารณาของกกต.เพื่อหาข้อสรุป หากผลออกมาทางลบก็จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคหรือไม่ต่อไป และสำหรับใครที่เป็นกรรมการบริหารพรรคก็จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตามมา
ก็ได้แต่หวังว่าผลจะออกมาไม่เลวร้ายขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีอีกหลายด่านที่ต่อเนื่องตามกันมา อย่างน้อยก็มีกรณีหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสิ้นภาพ ส.ส.ก็ต้องโดน กกต.ตั้งข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งมาตรา 151 ที่ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้หรือมีลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งกรณีนี้จะมีโทษจำคุก ปรับและถูกตัดสิทธิ์การเมืองถึง 20 ปี
หรือยังมีกรณี “ดาบสาม” ที่ถูกฟ้องจากคดีล้มล้างการปกครอง ที่ใกล้เวลาตัดสินเข้ามาทุกทีแล้วเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าเริ่มจากคดีเงินกู้ที่ถือว่า “เข้าทางตรง” แล้วเหมือนกัน มันก็ต้องหนาวกันทั้งพรรคนั่นแหละ !!