รองโฆษกเพื่อไทยตั้งโต๊ะแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ด่ายับรัฐบาลประยุทธ์แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ หลอกว่าจะขึ้นแรง จ้องถลุงเงินประกันสังคม แต่ขณะที่กำลังถังแตกก็ยังแจกเงินผ่าน “ชิมช้อปใช้”ทั้งที่ไม่เกิดประโยชน์ แถมกำลังจะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า สรุป“บิ๊กตู่”แก้ปัญหาไม่ได้ ควรลาออก
วันนี้(18 พ.ย.) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ของพรรค ตอนหนึ่งว่า กรณีที่มีการจัดงาน “อยู่เย็นเป็นสุข” เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่พรรคอนาคตใหม่จัดงาน “อยู่ไม่เป็น”นั้น คนไทยจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร ในเมื่อต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง เพราะรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว และต้องทนอยู่กับนายกฯ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือก ทั้งยังโดนรัฐบาลประยุทธ์หลอกหลายเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาทต่อวัน ซึ่ง รมว.แรงงานก็เพิ่งยอมรับว่าทำไม่ได้ ก็เลยไม่ได้เขียนไว้ในนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภา และได้บอกกับคณะกรรมาธิการแรงงานฯ ว่า รัฐบาลไม่สามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเองได้ ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการค่าจ้างทั้ง 3 ฝ่าย แล้วถ้าพรรคพลังประชารัฐไม่มั่นใจว่าทำได้ แล้วเอาไปเขียนไว้เป็นนโยบายหาเสียงได้อย่างไร หากเป็นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามทำ ป่านนี้ก็คงโดนยื่นคำร้องขอยุบพรรคไปแล้ว
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า ที่แย่กว่านั้น คือ นอกจาก จะไม่ขึ้นค่าจ้างให้แรงงานตามที่หาเสียงแล้ว ยังจ้องจะเอาเงินกองทุนประกันสังคมของผู้ใช้แรงงานมาถลุงอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิ์และไม่ได้ถามความสมัครใจของประชาชนเจ้าของเงิน ที่สำคัญ ถ้าเอาเงินกองทุนประกันสังคมมาบริหารแล้วเกิดความเสียหาย รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะที่ผ่านมา กิจการหรือรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้น ก็ล้วนแต่ประสบปัญหาขาดทุน แม้แต่กิจการผูกขาดอย่าง บริษัท การบินไทย ก็ยังขาดทุนมโหฬาร จนต้องยกเลิกการรับสมัครแอร์สจ๊วตจำนวน 200 อัตรา ทั้ง ๆ ที่ เปิดและปิดรับสมัครไปแล้วโดยมีผู้สมัคร 3,500 คน จนผู้สมัครโวยวาย บริษัท การบินไทยก็เลยต้องคืนค่าสมัคร 3 ล้านกว่าบาท และขอโทษผู้สมัคร ซึ่งสะท้อนความย่ำแย่ของกิจการ
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า ถึงแม้รัฐบาลจะถังแตก แต่ก็ยังชอบแจกเงินในโครงการประชานิยมต่าง ๆ โดยเฉพาะ มาตรการ ชิมช็อปใข้ ที่มีหลายเฟส ทั้ง ๆ ที่ ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงและไม่ได้สร้างงานสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน แค่แจกเงินให้ชาวบ้านใช้เป็นครั้ง ๆ แล้วก็จบ จึงไม่ได้สร้างกำลังซื้อที่ถาวรในระบบเศรษฐกิจ และน่าสังเกตว่า ชิมช็อปใช้ เฟส 3 ก็มีคนเข้าร่วมโครงการต่ำกว่าเป้า เพราะคราวนี้ไม่ได้แจกเงินให้ใช้ 1,000 บาท เฉย ๆ แต่ประชาชนต้องควักเงินตัวเองมาใช้ก่อน แล้วถึงจะได้เงินคืนในรูป Cash Back แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้จ่าย เพราะมีหนี้สินท่วมหัว และมีปัญหาคนตกงานสูง โครงการชิมช็อปใช้ เฟส 3 ในส่วนของผู้สูงอายุจึงมีคนมาขอใช้สิทธิ์ต่ำกว่าเป้าซึ่งก็สะท้อนสภาพที่แท้จริงของประชาชนที่ขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค จึงไม่กล้าใช้เงินเพราะเศรษฐกิจไม่ดี
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่าในการประชุม ครม. พรุ่งนี้ จะมีการพิจารณานโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลพูดให้ชัดเจนว่า จะเอาเงินตรงไหนไปจ่ายส่วนต่างค่าโดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งหากต้องใช้เงินภาษีของคนไทยทั้งประเทศไปอุดหนุน รัฐบาลก็ควรถามคนต่างจังหวัดและคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าด้วยว่าเขาเต็มใจช่วยจ่ายค่านั่งรถไฟฟ้าของคนกรุงเทพฯ หรือเปล่า หากรัฐบาลประยุทธ์แก้ปัญหาไม่ได้ และไม่รู้วิธีใช้เงินงบประมาณแผ่นดินให้คุ้มค่าและเป็นธรรม พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรลาออกไป จะอยู่ไปทำไม ในเมื่อยิ่งอยู่คนไทยก็ยิ่งจน ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าใครจะอยู่เป็น หรืออยู่ไม่เป็น แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่า รัฐบาลประยุทธ์ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งถ่วงความเจริญของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จึงควรรีบลาออกไป ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้
