xs
xsm
sm
md
lg

“เอาอยู่” ไพศาล ยก “ลุงป้อม” เหมาะสุด กุมอำนาจแก้ไม่สงบภาคใต้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อะไรทำให้ รัฐบาลไม่กลัว “บีอาร์เอ็น” ไพศาล พืชมงคล มีคำตอบถึง 6 ข้อ ที่สำคัญคือ การสร้างไมตรีกับอิสลามโลก ไม่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมุสลิม เดินหนทางสันติ ฯลฯ พร้อมแนะให้ “ลุงป้อม” กุมอำนาจแก้ปัญหา

วันนี้ (13 พ.ย.) เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ของนายไพศาล พืชมงคล โพสต์ข้อความระบุว่า ผมไม่คิดว่า รัฐบาลจะกลัว brn เพราะ

1.ประเทศไทย สร้างความเป็นไมตรีและความเข้าใจเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ ต่อสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลก, สันนิบาตประเทศอิสลามโลกหรือoic และรอบิเฏาะห์ไว้เป็นอย่างดีแล้ว ครบถ้วนดีแล้ว 5 ปีที่ผ่านมาลุงป้อมแกทำเรื่องนี้ไว้มากมาย

2. ประเทศไทยไม่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมุสลิม และไม่เป็นฝักฝ่ายกับนิกายใด ดังนั้นแม้พวกisisมากหลาย ก็นิยมชมชอบมาพักผ่อนท่องเที่ยวประเทศไทย พวกเขาก็รักประเทศไทย และรักคนไทยด้วย เพราะคนไทยไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายไม่เคยรังเกียจพวกเขา มิหนำซ้ำเอาใจดูแลเป็นอย่างดีและทิปก็งามด้วย

3. ขณะนี้รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย เป็นชีอะ และยกเลิกข้อตกลงทุกชนิด กับซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งถอนทหารมาเลเซีย ที่ส่งไปช่วยซาอุรบเยเมน กลับประเทศนานแล้ว

ทั้งลุงป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)แกก็สนิทสนมกับท่านรัฐมนตรีกลาโหมนี้เป็นอย่างดี เพราะแกเป็นพี่ใหญ่ของ รมว.กห.อาเซียนมานาน และก็ลุงป้อมนี่แหละที่ช่วยประสานความเข้าใจจีนมาเลเซีย ในช่วงที่เข้าใจผิดกัน ในช่วงแรกที่ท่านมหาเดย์กลับมาเป็นนายกฯ

ดังนั้นมาเลเซียจึงประกาศท่าทีไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ของไทย

4.ผู้นำ brn เขารู้ดีว่าท่าทีแท้จริงของประเทศไทยคือ การเดินหนทางสันติ เพราะถ้าหากเดินทางความรุนแรงป่านนี้ก็คงไม่มีการเจรจาหารือกันอย่างต่อเนื่อง และเขาก็จำแนกออกว่า พวกใดบ้างที่เที่ยวผสมโรงหาประโยชน์กันอยู่ทั้งสองข้าง

5. แผน "ยุทธการปลาหมึกยักษ์" หรือแผนการตั้งรัฐอิสลามแห่งisis ไม่สามารถรุดหน้าไปได้ เพราะสถานการณ์พลิกผันไปแล้ว และกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ไม่เล่นด้วย มิหนำซ้ำยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยเหลือประเทศที่ถูกคุกคามต่อต้านปราบปราม การก่อเหตุอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

ไม่เห็นหรือว่าสถานการณ์ในยะไข่ อาเจะห์ และ และมินดาเนาเดี้ยงไปหมดแล้ว และสิ่งที่เรียกว่ายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกนั้น กลุ่มอาเซียนก็ไม่เอาด้วย

ที่ลุงป้อมเพียรรักษาระยะใกล้ระยะเคียงกับรัสเซียและจีนไว้อย่างลึกซึ้ง จึงเป็นการวางเส้นทาง แบบเดียวกับที่ลุงจิ๋วเคยเดินหมาก "ตีเว่ยช่วยจ้าว" ในยุคสงครามสั่งสอนนั่นเอง

6. แกนนำ brn อยู่ในมาเลเซียเป็นส่วนใหญ่ ทางมาเลเซียผ่อนผันก็เพราะมุ่งหมายช่วยเหลือให้มีการเจรจากัน หากจะกระทำศึกต่อกัน มาเลเซียคงไม่เล่นด้วย

เหล่านี่แหละคือเหตุผลที่ผมต้องเสนอ ขอให้มอบลุงป้อมรับผิดชอบเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งทางด้านทหารตำรวจและมหาดไทย ด้วย

ภาพจากแฟ้ม
ขณะที่ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง จากเหตุการณ์คนร้ายยิงถล่มป้อมจุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน บ้านทางลุ่ม หมู่ที่ 5 ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมา ฝ่ายวิชาการ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ออกแถลงการณ์ยอมรับว่า การถล่ม ชรบ. 15 ศพ เป็นการปฏิบัติการของแนวร่วมในพื้นที่ ซึ่งผ่านการตัดสินใจของแกนนำในพื้นที่ เพื่อตอบโต้ความไม่จริงใจของรัฐไทย ต่อการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยบีอาร์เอ็น อ้างว่า รัฐไทยเล่นละคร โดยทางหนึ่งพร้อมที่จะเปิดเวที “พูดคุยสันติสุข” กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่อีกทางหนึ่งมีการสั่งให้ชุดปฏิบัติการไล่ล่าแกนนำและกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

หลังจากที่เอกสารของบีอาร์เอ็นและมาราปาตานีเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ได้สร้างความกังวลแก่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าและประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา เป็นอย่างยิ่ง เพราะตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมา บีอาร์เอ็นไม่เคยรับหรือปฏิเสธว่าเป็นผู้ก่อเหตุ

ดังนั้น เมื่อบีอาร์เอ็นออกมารับว่าเป็นผู้ปฏิบัติการในการสังหารหมู่พลเรือน แสดงว่า บีอาร์เอ็นมีความพร้อมที่จะเปิดหน้าสู้กับกองกำลังของรัฐไทย และพร้อมที่จะสู้ในเวทีของสหประชาชาติ เป็นการยกระดับความรุนแรงเต็มรูปแบบ ซึ่งต่อไปบีอาร์เอ็นต้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้นายอาบู ฮาฟิช อัลฮากิม โฆษกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน มาราปาตานี ได้เผยแพร่แถลงการณ์เป็นภาษารูมี จำนวน 3 หน้า มีข้อความบางส่วนระบุว่า ขอแนะนำให้ประเทศไทยทบทวนและประเมินจุดยืนและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับข้อจำกัดและความกังวลในบางประเด็นที่ขัดขวางกระบวนการสันติภาพไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า บางทีบทความนี้อาจเป็นที่เปิดตาต่อแนวทางที่เป็นจริง ที่รัฐบาลนำมาใช้ได้ หากต้องการความสงบสุขที่แท้จริง

นั่นเท่ากับว่า ท่าทีของ บีอาร์เอ็น ในแถลงการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนแข็งกร้าว และพร้อมสร้างสถานการณ์รุนแรงได้อีกทุกเมื่อ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับรัฐไทย สวนทางกับสิ่งที่ ไพศาล พืชมงคล วิเคราะห์เอาไว้ และเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าจะเอาอยู่

สำหรับ ไพศาล พืชมงคล ถือว่าเคยทำงานใกล้ชิดกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มีบทบาทสูงในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงสองคน

นั่นคือ เป็นกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) อดีตที่ปรึกษากฎหมายรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ)

นอกจากนี้ ยังมีประสบการณ์อีกมากมาย เช่น เป็นที่ปรึกษาโครงการ C3I โครงการน้ำพระทัยจากในหลวง เพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นที่ปรึกษาในคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ดำรงตำแหน่ง 22 มี.ค. 2539 - 21 มี.ค. 2543) เป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ฯลฯ

หลังร่วมงานกับพล.อ.ชวลิตแล้ว ไพศาลได้ร่วมงานกับกลุ่มผู้จัดการ โดยเรียบเรียงหนังสือ "สามก๊ก ฉบับคนขายชาติ" (ใช้นามปากกา "เรืองวิทยาคม") และเขียนคอลัมน์ "ข้างประชาราษฎร์" (ใช้นามปากกา "สิริอัญญา" อันเป็นนามของเพื่อนรักสมัยยังอยู่อำเภอระโนต ผลงานนี้ทำให้ไพศาลได้รับประทานรางวัลนักเขียนบทความดีเด่นประจำปี 2552 จากหม่อมเจ้าหญิงกรณิกา จิตรพงศ์ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

จนกระทั่งเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ไพศาลถูกเรียกตัวโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อทำหน้าที่ร่างประกาศของคณะ พร้อมกับมีชัย ฤชุพันธุ์ และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ดำรงตำแหน่ง 12 ต.ค. 2549 - 2 มี.ค. 2551)

ดังนั้น การออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชี้ให้เห็นปัจจัย 6 ข้อที่รัฐบาลไม่กลัว “บีอาร์เอ็น” จึงนับว่าใกล้ชิดวงในอย่างมากทีเดียว และการเสนอให้ “ลุงป้อม” กุมอำนาจทั้ง ตำรวจ ทหาร และมหาดไทย ในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็นับว่าน่าสนใจ และน่ารับไว้พิจารณาเช่นกัน!?


กำลังโหลดความคิดเห็น