ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง มั่นใจกำไร-รายได้ปีนี้ดีกว่าปีก่อน ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มต่อเนื่องตามแผน เล็งมุ่งเน้นขยายการลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าภายในประเทศ พร้อมเดินหน้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 300 เมกะวัตต์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ โดยล่าสุด เมื่อช่วงต้นปี 2561 ได้มีการเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 9.2 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่ 6 ที่ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลรวมทั้งสิ้น 60 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการ COD อยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ ทำให้คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการตลอดทั้งปี 2561 ของบริษัทฯ มีโอกาสสูงจะเติบโตได้มากกว่าปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 207.36 ล้านบาท และมีรายได้ 1.1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกของปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทมีรายได้รวม 342.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 235.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 81.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.92 ล้านบาท จากปัจจัยการรับรู้รายจากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB), โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE), โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG ) โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์
ขณะนี้บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ ซึ่งมีแผนที่จะจําหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2562 กำลังการผลิตรวม 49 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 10 เมกะวัตต์ รวมโครงการทั้งสิ้น 119 เมกะวัตต์ ซึ่งการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผน ทำให้มั่นใจว่า บริษัทฯ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 200 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะรวมเป็น 50 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าแสวงหาโอกาสในการลงทุน เพื่อขยายธุรกิจเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเดินหน้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล และชีวภาพ ขนาด 300 เมกะวัตต์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งจะเข้าไปสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมากขึ้น จากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาแล้ว 10 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้ามีโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 พร้อมกันนี้ บริษัทฯ จะดำเนินแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าควบคู่ไปกับการลดต้นทุน โดยขณะนี้ได้มีการปลูกพืชพลังงานเป็นเชื้อเพลิงเพื่อลดต้นทุนโรงไฟฟ้า ซึ่งผลการทดลองในเรื่องดังกล่าวถือว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจมาก
สำหรับเงินลงทุนในการขยายธุรกิจ บริษัทฯ มีเงินลงทุนเพียงพอ เนื่องจากมีเงินที่ได้จากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยระดมเงินทุนได้ 1.1 พันล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ขณะนี้มีอยู่เพียง 1.12 เท่า