xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ทันไรออกลายซะแล้ว! ป.ป.ช.สบช่อง “กฎหมายใหม่” เสกข้อมูลคดีหายเกลี้ยงเว็บไซต์ **รับประทานหลากหลาย!! “ป๋าป้อม” ท้องไส้ปั่นป่วน กัดฟันอยู่ประชุม ครม.จนเกือบจบ **“สนามบินสุวรรณภูมิ” ปล่อย “สมาคมโนเนม” บริหาร “ห้องพักผู้โดยสารรอส่งกลับ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ไม่ทันไรออกลายซะแล้ว!! ป.ป.ช.สบช่อง “กฎหมายใหม่” เสกข้อมูลคดีหายเกลี้ยงเว็บไซต์ ตีทุกอย่างเป็น “ความลับทางราชการ” ย้อนแย้งหน้าที่สร้าง “ความโปร่งใส” แต่ทำตัวมี “ลับลมคมใน” หนักกว่านั้น “กฎหมายใหม่” กำหนด “ตายตัว” ระยะเวลาการดำเนินการหลังรับเรื่องร้องเรียนไว้แค่ 2 ปี อาจกลายเป็นช่อง “ตีตก” คดีเข้าโหมด “หมดอายุความ” ง่ายกว่าเดิม
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ  และ  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
รับข่าวดีไปหมาดๆ .. หลัง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หรือ “กฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่” มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ .. อันมีผล “ต่อวีซ่า” ให้ ป.ป.ช.ยุคที่ประธานชื่อ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ที่รับหน้าชื่นว่าเป็น “เด็กในบ้าน” ผู้มีอำนาจปัจจุบัน ได้อยู่ต่อจนครบวาระ อีกราวๆ 7 ปีเศษ .. เป็นทีมาของท่าทีฮึกเหิมของ “ประธานกุ้ย” ที่ประกาศก้องว่า กฎหมายใหม่เอื้อให้การทำงานของ ป.ป.ช. รวดเร็วขึ้น .. อันเป็นการตีความมาจากสาระใน “กฎหมายใหม่” ที่กำหนด “ตายตัว” เรื่องระยะเวลาการดำเนินการหลังรับเรื่องร้องเรียนของ ป.ป.ช. ไว้แค่ 2 ปีเท่านั้น .. แง่หนึ่งเป็นการบีบให้ ป.ป.ช.ต้องเร่งทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลให้เสร็จโดยเร็ว .. แต่ก็มีความกังวลว่า จะเป็นกลายช่อง “ตีตก” คดี ให้เข้าโหมด “หมดอายุความ” ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นสังเวียนมากกว่า .. ยิ่งเป็นน้ำคำจาก “หัวหมู่ ป.ป.ช.” คนปัจจุบันด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไร .. ใครต่อใครก็มองว่าคดีใน ป.ป.ช.จะช้าเร็ว ไม่ได้อยู่ที่คดียากหรือง่าย แต่อยู่ที่ว่า “ใคร” เป็น “ผู้ถูกกล่าวหา” มากกว่า .. ทั้งความคืบหน้าของ “คดีนาฬิกาหรู” ที่ ป.ป.ช.ทำยึกยัก อ้างไปเรื่อยว่าไม่ได้รับความร่วมมือจาก “ห้างนาฬิกา” จนคาราคาซังมาถึงบัดนี้ .. หรือคดีร่ำรวยผิดปกติของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ไต่สวนข้อเท็จจริง มาตั้งแต่ปี 2553 ป่านนี้ก็ยังไม่ถึงไหน ในขณะที่คดีรวยผิดปกติทางฟาก “เพื่อไทย” ปิดกล่องส่งศาล เข้าคุกไปแล้วหลายราย .. แล้วไม่ทันไรก็ยิ่งทำให้ความหวาดระแวงชัดขึ้นไปอีก เมื่อปรากฏว่า จู่ๆ ข้อมูลต่างที่เกี่ยวกับคดีในชั้น ป.ป.ช. อันตรธานหายไปจากเว็บไซต์ ป.ป.ช. .. โดยมีข้อความ อ้างอิงอำนาจตาม มาตรา 36 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ขึ้นมาแทน .. ในขณะที่อีกหลายข้อมูลก็หายไปพร้อมๆ กัน โดยขึ้นข้อความ “อยู่ระหว่างปรับปรุง” เอาไว้ ..

ซึ่งอำนาจ มาตรา 36 ที่ว่านั้น กำหนดเกี่ยวกับ “เงื่อนไข” ในการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการต่างๆ ของ ป.ป.ช.ในลักษณะต่างๆ ที่มี “ชั้นความลับ” แตกต่างกันออกไป .. เมื่อข้อมูลต่างๆ พร้อมใจกันถูกถอดออก ก็น่าเป็นห่วงว่า ป.ป.ช.จะตีความว่าทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องกล่าวหาร้องเรียนต่างๆ หรือเรื่องที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด หรือตีตกข้อกล่าวหาไปแล้ว ข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่เคยรายงานไว้ในเว็บไซต์ เหมารวมไปว่าเป็น “ความลับทางราชการ” ทั้งหมด .. หากไม่ใช่ความผิดพลาดทางเทคนิค “ระยะสั้นๆ” ก็จะกลายเป็นว่างานต่างๆ ของ ป.ป.ช.จะถูก “ปิดบังซ่อนเร้น” นับจากนี้เป็นต้นไป สาธารณชนไม่ต้องรับรู้ความคืบหน้า หรือกระทั่งบทสรุปของข้อร้องเรียนต่างๆ .. น่าตลกไม่น้อยที่ ป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบภารกิจตรวจสอบให้เกิด “ความโปร่งใส” กลับพยายาม “ปิดบังซ่อนเร้น” งานของตัวเองอย่างมีเลศนัย .. และแทนที่จะใช้อานิสงส์ ของกฎหมายใหม่เป็น “อาวุธใหม่” ขับเคลื่อน “วาระปราบโกง” ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่โฆษณาชวนเชื่อว่าเป็น “รัฐธรรมนูญปราบโกง” แต่เลือกหยิบมาใช้จนเกิดความหวาดระแวงแบบนี้.

**รับประทานหลากหลาย!! “ป๋าป้อม” ท้องไส้ปั่นป่วน กัดฟันอยู่ประชุม ครม.จนเกือบจบ รายงานผลงานเอก แก้หนี้นอกระบบ ก่อนสิ้นสภาพให้ลูกน้อง “หิ้วปีก” ไปโรงพยาบาล แค่อาหารเป็นพิษเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นต้องหยอดน้ำเกลือ เปิด “ผู้ต้องสงสัย” เมนูกลางวัน ครม. คาวหวานครบครัน กว่า 10 รายการ จนไม่รู้ว่าจานไหนเป็น “ของแสลง” กันแน่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทำเอาใจหายใจคว่ำ .. ระหว่างการการประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่มี “รถฉุกเฉิน” ของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จอดสแตนด์บาย อยู่ตีนบันไดห้องประชุม.. ปรากฏว่า มาคอย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ “ท้องเสีย” กะทันหันในระหว่างการประชุม .. แต่ด้วย “สปิริต” อันแรงกล้า ต้องอยู่รายงานผลงานการแก้ไขหนี้นอกระบบ ที่กำลังเป็น “นโยบายเรือธง” ของเจ้าตัว ทำให้ต้องกัดฟันอยู่ร่วมประชุมจนเกือบจบ .. หลังเสร็จภารกิจในที่ประชุม ถึงกับต้องให้ลูกน้อง “หิ้วปีก” มาขึ้นรถเพื่อไปโรงพยาบาล ให้หมอเช็กอาการ .. โดย “เสธ.ก้อง” พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม อัพเดตอาการของ “ลูกพี่” ว่า เกิดอาการปวดท้อง จุกเสียด ช่วงท้ายของการประชุม ครม. .. เมื่อออกมาให้หมอดูอาการ และกินยาขับลมเพื่อระบาย นั่งพักจนอาการดีขึ้น เน้นด้วยว่า “ไม่ได้หยอดน้ำเกลือ” แต่อย่างใด .. ก่อนที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินจากอุบลฯ มาลงดอนเมือง ตรงดิ่งกลับถึงบ้านพักเป็นที่เรียบร้อย .. วินิจฉัยว่า อาการของ “ป๋าป้อม” เกิดจาก “อาหารเป็นพิษ” โดย “ผู้ต้องสงสัย” ก็เป็นมื้อกลางวันของ ครม. .. ที่มีหลายเมนู ตั้งแต่ ข้าวผัดหมู กุ้งอบเกลือ ต้มแซ่บเนื้อลาย ตำข้าวโพดกุ้งสด ลาบทอด คอหมูย่าง ส้มตำหมูยอไทยปู ขนมจีนน้ำยา 4 ภาค ก๋วยจั๊บญวน บัวลอยมะพร้าวอ่อน ตบท้ายด้วย ทุเรียน ผลไม้ล้างปาก .. ดูๆ แล้วก็ไม่มีจานไหนที่น่าจะเป็น “ของแสลง” อีกทั้งรัฐมนตรีคนอื่น ก็ไม่มีใครเป็นอะไร .. สงสัยต้องย้อนกลับไปในระหว่างลงพื้นที่วันก่อนประชุม ที่ “ป๋าป้อม” บินเดี่ยว แยกไปคนละคณะกับ “น้องตู่” .. เห็น “เสธ.ก้อง” เล่าว่า ตอนลงพื้นที่ “นายป้อม” รับประทานหลากหลาย จนไม่รู้ว่าจานอร่อย จานไหนเป็นสาเหตุ .. ที่ทำเอา “ป๋าป้อม” ต้องเสียอาการขนาดนั้น

แล้วยังไปจ้างช่วงให้บริษัทอื่นโดยไร้หลักประกันใดๆ ทำ “สายการบิน” ไม่ไว้ใจ เกรงว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันจะดูแลไม่ได้ เรื่องสำคัญเกี่ยวกับ “มาตรการรักษาความปลอดภัย” แท้ๆ ยังปล่อยให้ “หากิน” กันแบบนี้ ซ้ำรอย “บัตร Premium Lane - Priority Pass” ที่ยังขายกันโจ๋งครึ่ม
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร, นิตินัย ศิริสมรรถการ  และ  ประสงค์ พูนธเนศ
กลายเป็นของคู่กันไปแล้ว .. ความไม่ชอบมาพากลกับ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ในความรับผิดชอบของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” .. ที่ล่าสุดมีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ “ห้องพักผู้โดยสารรอส่งกลับ” หรือ Detention Room สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาแล้วมีปัญหา ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ .. ก่อนหน้านี้ ทอท. ได้ทำสัญญากับ “บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง” มาตั้งแต่ปี 2550 ด้วยค่าตอบแทนการประกอบการ 5% ของรายได้แต่ละเดือนให้แก่ ทอท. .. เป็นรายได้ที่มาจากค่าบริการ ที่พัก-อาหาร ให้กับผู้โดยสารที่มีปัญหา แล้วไปเรียกเก็บจาก “สายการบินที่ผู้โดยสารนั้นๆ ใช้บริการ” รูปแบบเดียวกับทั่วโลก .. ข่าวว่าจู่ๆ ทอท.ได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทฯดังกล่าว และพบว่ามีกลุ่มบุคคล ในนาม “สมาคมการบินพลเรือนและการท่องเที่ยวไทย” หรือ “ACATT” เป็นผู้เข้าไปดำเนินการแทน .. ปัญหามีว่า ทอท.ไม่มีการทำสัญญาใดๆ เป็นกิจลักษณะกับ ACATT ที่มีการสืบทราบมาว่า ไปจ้าง “บริษัทรักษาความปลอดภัยอีกแห่ง” มาดำเนินการแทน .. ที่สำคัญยังมีการปรับขึ้นค่าบริการจากเดิม 580 บาทต่อคนต่อวัน เป็น 800 บาทต่อคนต่อวันอีกด้วย ..

เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้กับ “สายการบินต่างๆ” ที่รู้สึกไม่มีความมั่นใจในการบริหารจัดการห้องพักผู้โดยสารรอส่งกลับ ของกลุ่ม ACATT ที่ไม่มีสัญญาใดๆ กับ ทอท. ก็เท่ากับไม่มีการประกันความเสียหายใดๆ ด้วย .. อีกทั้ง “บริษัทรักษาความปลอดภัย” ที่มารับช่วงดำเนินการแทน ก็ไม่มีใบอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้ามของสนามบิน หากเกิดเรื่องขึ้น ก็อาจจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ .. เมื่อเกิดความไม่โปร่งใสเช่นนี้ ทำให้ “สายการบินต่างๆ” ไม่กล้าจ่ายค่าบริการที่ถูกเรียกเก็บ แล้วยังมองว่าเป็น “ขบวนการกินหัวคิว” ที่อาจส่งผลกระทบต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย ภายในสนามบินของ ทอท. .. เรื่องไม่ชอบมาพากลแบบนี้ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กำกับดูแล ทอท. คงต้องลงมาขันนอตให้เกิดความชัดเจนซักหน่อย .. หรือแค่กริ๊งกร๊าง เช็กกับ นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กระทั่ง ประธานกรรมการบอร์ด ทอท. ประสงค์ พูนธเนศ ที่น่าจะรู้อะไรเป็รนอะไรบ้าง .. อีกทั้งเรื่องเดิมๆ อย่าง “บัตร Premium Lane - Priority Pass” ที่ “เครือผู้จัดการ” เคยเปิดโปงว่า มีการนำออกมาขายให้กับ “ผู้โดยสารธรรมดา” กันโจ๋งครึ่ม ป่านนี้ก็ยังขายกันเป็นล่ำเป็นสันอยู่เลย.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น