“นิพิฏฐ์” จี้ คสช.เลิกลับล่อ ผิดมารยาททางการเมือง แนะเปิดหน้าเล่นอย่างแฟร์ดีกว่า “อรรถวิชช์” ซัด สวมหมวกทับซ้อน เบรกพรรคอื่น แต่ตัวลุยลงพื้นที่ ดักเว้นไพรมารีเอื้อพรรคทหารเสียของ
วันนี้ (24 ก.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวระหว่างลงพื้นที่ ครม.สัญจร ว่า ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น ว่า ต้องยกคำพูดของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่เคยพูดว่า การกระทำวันนี้บางครั้งก็ไม่ผิด แต่อาจจะผิดในวันหน้า นายกฯออกไปสัญจรต่างจังหวัดเยอะ มันไม่ผิด และถูกที่คนเป็นนายกฯต้องไปได้ทุกที่ แต่ในอนาคตถ้านายกฯตัดสินใจลงการเมือง ตั้งพรรคเอง หรือมีคนสนับสนุน การกระทำในวันนี้อาจถูกครหาได้ว่า เอาเปรียบคนอื่นเขา ตัวเองทำได้ ยิ่งถ้านายกฯลงเลือกตั้ง หรือยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะถูกข้อครหา
“แต่ถ้าไม่ลงเล่น ไม่รับ ไม่ยินยอมให้มีการเสนอชื่อ มันก็ไม่ผิดว่าไปหาเสียงล่วงหน้า ไม่มีใครรู้ พล.อ.ประยุทธ์ คิดอะไรในใจอยู่ เล่นกันแฟร์ๆ เลยดีกว่า ไม่มีอะไรต้องทำลับๆล่อๆ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำวันนี้อาจผิดมารยาททางการเมือง แต่ผิดกฎหมายหรือเปล่าไม่รู้ แต่ในระบบปกติเขาไม่ทำอย่างนี้กัน”
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่แปลกอะไรที่คนเป็นนายกฯจะเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน แล้วไปลงพบปะประชาชนไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเลือกตั้ง แต่แปลกตรงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้า คสช. สวมหมวกอีกใบ คือ หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งเบรกคนอื่น กฎหมายลูกพรรคการเมือง มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว พรรคต้องไปเตรียมการทำไพรมารีโหวตเฟ้นตัวผู้สมัคร แต่ถูกเบรกไม่ให้เดินหน้าได้ การสั่งเบรกคนอื่นไม่ให้ขยับ แต่ท่านเองขยับอยู่ตลอดเวลา อาจจะมาเป็นผู้เล่นด้วยไม่ยุติธรรม ยิ่งเหนี่ยวรั้งจะทำให้การเมืองไทยไม่ได้ถูกปฏิรูปตามเจตนารมณ์ที่วางไว้
“ผมไม่ว่าท่านดูด ไปหาเสียงขณะเป็นนายกฯ แปลกตรงที่เป็นหัวหน้า คสช.สั่งยุติการเดินหน้าให้พรรคการเมืองอื่นดำเนินกิจกรรมเพื่อปฏิรูปการเมืองนั้นไม่ควร ตนไม่รู้ว่าทำไมยังไม่ประกาศชัดว่าจะเล่นการเมือง แต่การเลือกตั้งหากยืดออกไปไม่น่าจะดีสำหรับเขา ถ้ากาบัตรกันเมื่อสองปีที่แล้ว นายกฯไม่มีทางเป็นชื่ออื่นได้เลยนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่วันนี้ความรู้สึกของคนมันเปลี่ยนไปแล้ว”
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า สิ่งที่อยากเห็นคือการปฏิรูปการเมือง การทำไพรมารีโหวตให้สมาชิกพรรค ประชาชน มีโอกาสคัดเลือกตัวผู้สมัครที่ต้องการมากกว่านายทุน เป็นเรื่องใหญ่ พลิกโฉมหน้าการเมืองไทย น่าเสียดายที่หัวหน้า คสช.ยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง อีกทั้งมีกระแสข่าวว่า จะใช้อำนาจยกยอดการทำไพรมารีโหวตออกไป ไม่เป็นผลดี ถ้ายกเลิกด้วยสาเหตุที่ว่า พรรคตัวเองที่จะตั้งใหม่ไม่มีความพร้อม ไม่ยุติธรรม นอกจากไม่ยุติธรรมยังลบล้าง แนวทางที่จะปฏิรูปการเมืองจะหายไป เสียเปล่า ปฏิรูปไม่ได้