“บิ๊กตู่” สั่งเร่ง 12 นโยบาย ต้องเป็นรูปธรรมชัดเจน ภายในปี 2561 ย้ำทุกส่วนราชการ-หน่วยงานของรัฐ ทั่วประเทศ ให้ความสำค้ญ เร่งรัด ขับเคลื่อน ติดตาม ทั้งงานปฏิรูปศึกษา ตำรวจ ราชการ ตั้งศูนย์อำนวยการกลางบริหารภัยพิบัติ บริหารเชิงรุกจัดการทรัพยากรน้ำระยะสั้น/ที่ดินทำกิน/เพาะปลูกพืช บริหารจัดการขยะ โครงการ ครม.สัญจร พัฒนาทรัพยากรบุคลากร รองรับสังคมผู้สูงอายุ ประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการต่างๆ คมนาคมต้องไม่เกิดข้อติดขัด แก้ไขปัญหาระบบสหกรณ์
วันนี้ (17 ก.ค.) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนหนังสือข้อสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ไปยังทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ ให้ความสำค้ญ เร่งรัด ขับเคลื่อน และติดตามการดำเนินการเรื่องต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนั้นๆ ให้มีความคืบหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนภายในปี 2561 เช่น 1. การดำเนินการตามประเด็นปฏิรูปตามรัฐธรรมนูเญ เช่น การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปตำรวจ เป็นต้น 2. การปฏิรูประบบราชการที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง ปรับย้าย สิทธิประโยชน์ อัตรากาลัง ตลอดจนการจ้างงานในลักษณะชั่วคราว (Ad - hoc) 3. การบริหารจัดการภัยพิบัติ ที่ต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวช้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และคูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC) โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการกลางเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้วย
4. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะสั้น (1-2 ปี) การจัดที่ดินทำกิน การเพาะปลูกพืช โดยต้องมีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri - Map) 5. การบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ
6. การติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่างๆ ทั้งที่เป็นโครงการมาจากการลงพื่นที่ตรวจราชการของคณะรัฐมนตรี และโครงการที่ใชังบประมาณเป็นจำนวนมาก 7. การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการระดับท้องถิ่น รวมทั้งการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ของท้องถิ่นที่สมควรกำหนดให้เป็นอำนาจของส่วนท้องถิ่น ที่จะสามารถดำเนินการได้เองตามความเหมาะสมและที่สมควรกำหนดให้เป็นอำนาจของส่วนกลางในการดำเนินการ
8. การผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคลากรในด้านต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพให้รองรับและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ เช่น ด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นต้น 9. การเตรียมการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยพิจารณากำหนดแนวทางการจัดให้มีอาชีพเสริมให้แก่ผู้สูงอายุเพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีวิตที่ดีได้ 10. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่างๆ เช่น วิสาหกิจตั้งต้น (Start up) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งในเรื่องเงินทุน ความรู้ และเทคโนโลยี
11. การกำกับดูแลหน่วยงาน/องค์กรที่กำกับดูแลระบบสาธารณูปโภคฺและระบบคมนาคมชนส่ง ไม่ให้เกิดข้อติดขัด เช่น การเดินรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (รถไฟฟ้า BTS) เป็นต้น และ 12. การแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรให้มีความเข้มแข็ง สามารถเป็นศูนย์รวมสินค้าและผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพ
