นีโอฯ จัดงาน Inter Care Asia 2018 มั่นใจช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยด้าน รมว.พม.เผยไทยพร้อมรับมือด้วยกลไกประชารัฐ รัฐ-เอกชน-สังคม ผนึกกำลังเพื่อให้ผู้สูงวัยคนไทยสามารถวางแผนและเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นายสืบพงษ์ สมิตทันต์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือ นีโอ ในฐานะผู้จัดงาน InterCare Asia 2018 กล่าวภายในพิธีเปิดงาน Inter Care Asia 2018 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2561 ณ ฮอลล์106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา ว่าบริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัยในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 11 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2564 ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร และจะเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 28 ในปี 2568
บริษัทฯ จึงจัดงาน InterCare Asia 2018 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เพื่อตอบรับกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้นอกจากจะมีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ยังมีเป้าหมายในเรื่องการสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจสำหรับผู้สูงอายุให้สามารถเติบโต และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ด้วยโดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอดระยะเวลา 3 วัน มากกว่า 8,000 คน และเกิดการซื้อขายภายในงานมูลค่าไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท
งาน Inter Care Asia 2018 ได้รวบรวมสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เข้ามาจัดแสดง ซึ่งทางนีโอฯ และหน่วยงานพันธมิตรผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน รวมถึงผู้ประกอบการที่จะมาจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ ล้วนมีความพร้อมอย่างเต็มที่และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของผู้สูงอายุ โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ร่วมจัดแสดงสินค้ารวมทั้งบริการกว่า 180 บูท แบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่
1. Homecare & Equipment เป็นกลุ่มประเภทอุปกรณ์และเครื่องมือในการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ เช่น วีลแชร์ วอล์กเกอร์ เครื่องช่วยฟัง อุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
2. Rehabilitation โซนอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการดูแลช่วยเหลือและปกป้องผู้สูงอายุ เช่น หุ่นยนต์ผู้ช่วย ศูนย์กระดูกและข้อ เครื่องช่วยเดินที่ออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพ
3. Medical Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานบริการนวดแผนไทย รวมถึงการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
4. Service กลุ่มสินค้าและสถานบริการสำหรับดูแลและช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการ เช่น Nursing Home วีลแชร์ติดตั้งบนรถสำหรับผู้พิการ โรงพยาบาลที่ดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
5. Nutritional Food รวมสินค้าและผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารเสริม สมุนไพร อาหารเฉพาะโรค อาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารที่มีไขมันต่ำ และมีส่วนประกอบที่ป้องกันและลดความเสี่ยงโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ มาจัดแสดง
“ผมมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสามารถช่วยยกระดับให้ผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เราทุกคนวางแผนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุได้อย่างสมบูรณ์แบบ” นายสืบพงษ์กล่าว
ทางด้าน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิด Inter Care Asia2018 ว่าความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วนกับการจัดงานในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า สังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าและให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุอย่างชัดเจนที่ต้องการให้งาน Inter Care Asia 2018 เป็นเวทีกลางในการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในธุรกิจบริการผู้สูงอายุ และมีการนำเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและคนพิการมาใช้ในวงกว้างผ่านงานแสดงสินค้าและบริการ ซึ่งถือเป็นเวทีสำหรับแสดงสินค้าและเทคโนโลยีผู้สูงอายุระดับเอเชีย
ในส่วนของรัฐบาลก็ได้สนับสนุนให้เกิดการลงทุนทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้สูงวัย โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้เปิดประเภทการให้การส่งเสริมใหม่ 4 กิจการ ได้แก่ 1. กิจการบริการสาธารณสุขด้านแพทย์แผนไทย เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการบริการในอนาคต 2. กิจการศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ด้านหัวใจ ด้านมะเร็ง และด้านไต 3. กิจการสถานพยาบาลในพื้นที่เฉพาะเพื่อเป็นการกระจายการให้บริการไปอย่างทั่วถึงสำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และ 4. กิจการบริการขนส่งผู้ป่วย แพทย์ หรืออุปกรณ์การแพทย์ ทั้งทางอากาศ ทางบก ทางเรือ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลได้รวดเร็ว
และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้สนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพและบริการที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ได้ให้การส่งเสริมการลงทุนแก่อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ในพื้นที่ 3 จังหวัด (อีอีซี) ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ทั้งการผลิตอาหารทางการแพทย์ การผลิตเครื่องมือแพทย์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงบริการทางการแพทย์ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย อาทิ การให้บริการด้านการแพทย์ผ่านอินเทอร์เน็ตสมาร์ทโฟน (eHealth and mHealth) และการวิจัยและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและติดตามผลระยะไกล (Remote Health Monitoring Devices)
“การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทุกภาคส่วนมีบทบาทสำคัญทั้งสิ้น รัฐบาลได้สนับสนุนด้านนโยบายต่างๆ ภาคเอกชน ทั้งผู้จัดงานและผู้ประกอบการ ก็ได้คัดสรรสินค้าและบริการต่างๆ มานำเสนอ เพื่อให้ภาคประชาชนมาร่วมเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศด้วยกลไกประชารัฐ จากการสานพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม Inter Care Asia 2018 จึงถือเป็นเวทีแห่งการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในธุรกิจบริการผู้สูงอายุ และมีการนำเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวก แก่ผู้สูงอายุและคนพิการ” พล.อ.อนันตพรกล่าว
นอกจากนี้ ภายในงาน Inter Care Asia 2018 มีการจัดประชุมสัมมนาโดยมีการบรรยายพิเศษที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่นในหัวข้อ รู้จักและรับมือกับโรคซึมเศร้า เพื่อการรับมือกับโรคซึมเศร้าอย่างถูกวิธี จากคุณรัตนิษฐา โพธิ์รักษา การบรรยายในหัวข้อบริหารเงินหลังเกษียณ สไตล์วัยเก๋า เพื่อการวางแผนทางการเงินแบบเตรียมความพร้อมสู่วัยเกษียณ จากคุณกิตติพัฒน์ แสนทวีสุข วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการบรรยายในหัวข้อปรับบ้าน เพื่อความสุขของผู้สูง วัย (Elderly Homecare Solutions) เพื่อการใช้ชีวิตประจำวันที่สะดวกสบายขึ้น จากคุณนิวัฒน์ ธัญปิตินันทน์ กรรมการสายงานส่งเสริมการค้าและการลงทุน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น