“บิ๊กป๊อก” ชี้ ช่วย 13 ชีวิตทีมบอลหมูป่าติดถ้ำ ไม่มีใครเป็นพระเอก หรือ ฮีโร่ บอกทุกฝ่ายร่วมมือเต็มที่ เผย นายกฯส่งคลิปท่อผ้าใบขนาดใหญ่ให้เด็กคลานออก เป็นอีกแนวคิดของคนไทยในการช่วยเหลือ
วันนี้ (7 ก.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมถาษณ์ถึงสถานการณ์การช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมฟุตบอลหมูป่าติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย จนถึงขณะนี้ ว่า โครงสร้างการทำงานในการช่วยเหลือที่ผ่านมา ตามกฎหมายของประเทศเมื่อมีภัยหรือเหตุการณ์เกิดขึ้น จะมีผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ แต่เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องบูรณาการการทำงานทุกหน่วยงาน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดโดยตำแหน่ง สามารถที่จะประกาศเป็นภัยพิบัติได้เลย
ทั้งนี้ เหตุการณ์ทั้ง 13 ชีวิต ต้องระดมทรัพยากรมนุษย์ไปแก้ปัญหาอย่างมาก ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ทุกฝ่ายต่างทำงานในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ จนประสบผลสำเร็จ สามารถพบเด็กทั้ง 13 คนอย่างปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่มีใครเป็นพระเอก หรือ ฮีโร่ แต่สำเร็จได้ เพราะปัจจัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายและทุกคน
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ตอนนี้มีการตั้งสมมุติฐานว่า จะต้องนำทั้ง 13 ชีวิต ออกมาจากทางปากถ้ำ แต่การช่วยเหลือในขณะนี้ มีปัญจัยที่ต้องคำนึงทั้งอากาศภายในถ้ำ ต้องเพียงพอ ด้วยการเสริมออกซิเจน เข้าไป นำเครื่องดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เข้าไปในถ้ำ สภาพร่างกายเด็กแข็งแรงหรือ เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว สามารถดำน้ำได้หรือไม่ ปริมาณน้ำในถ้ำ ซึ่งหากมีฝนตก และมีปริมาณน้ำที่สูงขึ้น ก็ต้องตัดสินใจนำออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้น สถานการณ์ในขณะนี้ทุกคน ชี้ว่า ยังไม่ต้องนำออกมาในตอนนี้ หากอาศัยอยู่ได้ก็อยู่ไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
“ถ้ำขุนน้ำนางนอน คือ ทางน้ำใต้ดินธรรมชาติ พอน้ำไม่มีก็เรียกกันว่าถ้ำซึ่งทางกายภาพ มีลักษณะเป็นทางน้ำขึ้น ลง สลับกันไป ภายในถ้ำเป็นหิน มีสภาพมืด มองไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้น หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องหาวิธีการเตรียมการแก้ปัญหาไว้ หากนำทั้ง 13 ชีวิตออกมาไม่ได้ ในตอนนี้ ก็จะต้องให้อยู่ต่อไป ซึ่ง ก็จะมีการเตรียมเดินสายอากาศให้มีอากาศได้หายใจ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
สำหรับการนำตัวทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำ ทุกหน่วยงานมีการค้นคิดหาแนวทางทุกวัน โดยไม่ยอมแพ้ ทั้งการเดินเท้าทางป่า หาโพรง หรืออีกสิ่งหนึ่ง คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งคลิปวิดีโอของต่างประเทศมาให้ดู คือ การใส่ท่อลงไปในน้ำ เพื่อให้เด็กได้คลานออกมา เป็นท่อผ้าใบ ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้พบอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้ว ซึ่งถูกใช้ในช่วงน้ำท่วม โดยคนไทยเป็นผู้ผลิต มีลักษณะเป็นท่อผ้าใบ ทดลองในสระแล้ว คลานเข้าออกได้ ซึ่งขณะนี้มีท่อยาวประมาณ 300 เมตรเท่านั้น และจะส่งไปในพื้นที่ทันที ตอนนี้อุปกรณ์นี้น่าจะถึงแล้ว ดังนั้น จะเห็นได้ว่าทีมสนับสนุนนั้น คิดหาทางช่วยเหลือตลอด และส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปคิดกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
“ถ้าเด็กไม่แข็งแรงก็ต้องอยู่ไปก่อน จนพร้อมและไม่เสี่ยง ส่วนเวลาจะนานเท่าใด นั้นก็ต้องประเมินกันอีกครั้ง แต่สถานการณ์ในวันนี้ คือ ทำให้พวกเขาได้มีอากาศหายใจ มีหมอดูแลสุขภาพ และเตรียมการฝึกดำน้ำ ถ้าจำเป็นต้องออกทางปากถ้ำ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวทางการช่วยเหลือ ในด้านอื่นๆ ขณะนี้ได้ให้อาจารย์ในพื้นที่ กรมทรัพยากรธรณี และทหารจากสหรัฐฯที่มีอุปกรณ์ไปดูจุดผนังถ้ำที่ตื้นที่สุด เพื่อเจาะบาดาลลงไป หวังให้มีอากาศได้หายใจ แต่ถ้าเจาะได้ และขยายรูให้ใหญ่ขึ้นแค่เพียงนำคนลอดขึ้นมา ก็จะช่วยเด็กได้ ซึ่งขณะนี้กำลังหาโพรงธรรมชาติ ที่เป็นพื้นที่ใกล้ที่สุด หากสอบถามผู้เชียวชาญในพื้นที่ว่าทำได้ ก็ต้องดำเนินการ ทันที
“การสูบน้ำขณะนี้ได้ผลอย่างหนึ่ง คือ ระยะที่ดำน้ำเมื่อก่อนเป็นกิโล แต่เดี๋ยวนี้เหลือ 300 เมตร แต่ถ้าสูบได้ดีกว่านี้ ขอแค่ช่องว่างบนเพดาน กับน้ำ เท่านั้น การทำงานก็จะง่ายขึ้นและมาใคร่ครวญตัดสินใจว่าจะนำออกมาอย่างไร แต่ตอนนี้ทุกคน นายกรัฐมนตรีให้แนวทางว่า ทำอย่างไรอย่าให้เกิดความสูญเสียเกิดขึ้น” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว