รัฐบาลลุงตู่ เติม 236 ล้าน งบกลางปฏิรูปเฟสสอง ภารกิจยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี/ปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน เผยเฟสแรก 6 เดือนใช้เงินจัดประชุม คกก.ทุกชุด สร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างแนวร่วม ทำกิจกรรมแล้วกว่า 30 ล้าน ส่วน “ปฏิรูปเฟสสอง” เพิ่ม 40 โครงการ 6 กลุ่มกิจกรรม/โครงการเร่งด่วน ชู “ไม้มีค่า” แก้จน จัดกองทุนสร้างผู้นำชุมชน ผุด “สนง.ลดความเหลื่อมล้ำ” พร้อมชงแผน “สร้างอนาคตไทย”
วันนี้ (4 ก.ค.) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2561 อนุมัติจัดสรรงมประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 236,688,260 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามภารกิจยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ในระยะที่ 2 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ในฐานะสำนักงานเลขานุการ ซึ่งมีความจำเป็นต้องได้รับสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่องตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งนายกอบศักดิ์ ภูตระภูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบแล้ว
ก่อนหน้านั้น ในช่วงจัดทำงบประมาณรายจ่าย ปี 2561 สภาพัฒน์ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูป ทำเรื่องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานตามภารกิจยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ จำนวนเงิน 168,846,300 บาท เพื่อดำเนินการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติและร่างแผนการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่สามารถดำเนินการได้ทัน
“โดยงบกลางจะใช้เป็นค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 สภาพัฒน์ได้รับการจัดสรรงบกลางฯ สำหรับการดำเนินการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ งวดที่ 1 จำนวน 30,433,120 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ทุกชุดที่ได้รับการแต่งตั้ง ในช่วงเดือน ตุลาคม 2560 ถึงเดือนมีนาคม 2561 รวมระยะเวลา 6 เดือน”
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ (ยกเว้นด้านการศึกษา) ของเดือนพฤษภาคม 2561 มีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ รวมทั้งหมด 36 ครั้ง รวมเป็นวงเงินประมาณ 2.24 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนดำเนินการภายใต้กรอบเวลาตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนิบการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 ในการจัดทำ การดำเนินการ การขับเคลื่อน การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ การจัดทำแผนแม่บทด้านต่างๆ รวมทั้งการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยการสร้างความรู้ความเช้าใจและสร้างแนวร่วมในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และร่วมกันขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด
มีรายงานด้วยว่า การดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ล่าสุดได้จัดกลุ่มกิจกรรม/โครงการเร่งด่วน (Quick Win)จำนวน 40 โครงการที่ได้จากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง 11 ด้าน ตามกลุ่มการสร้างการรับรู้ (Theme) จำนวน 6 กลุ่มแล้ว ประกอบด้วย
(1) แก้จน เพื่อปากท้องและคุณภาพชีวิตที่ดีชี้น โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ไม้มีค่า ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนปลูกต้นไม้ยืนต้น มูลค่าสูงในที่ดินกรรมสิทธิ์ เพื่อการออมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ จัดกองทุนสร้างผู้นำชุมชน และที่ดิน แปลงใหญ่
(2) แก้เหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาคและเท่าเทียม โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ สำนักงานบูรณาการลดความเหลื่อมล้ำและโครงการพัฒนารูปแบบบริการ (Service model)ในคลินิกหมอครอบครัว (3) แก้โกง สร้างความโปร่งใส โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การเฝ้าระวัง สร้างความโปร่งใส โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประลิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ และให้อำนาจภาคประชาชนต่อต้านการทุจริต
(4) การมีส่วนร่วมในการปกครอง โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ สร้างจิตอาสาพัฒนาการเมือง อาทิ ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อบรมครูผู้สอน/สร้างหลักสูตรและ ลื่อการสอนเกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย และสภาประชารัฐท้องถิ่น (5) เปลี่ยนราชการเพี่อประชาชน โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ Big Data ภาครัฐ พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการทบทวนกฎหมายล้าสมัย
(6) สร้างอนาคตไทย โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ส่งเสริม Start-up โซลาร์รูฟเสรี การจัดรณรงค์ในสื่อสารมวลชนและบนลื่อดิจิทัล และเครือข่ายป่าชุมชน นอกจากนี้ คณะกรรมการขับเคลื่อน อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดลำดับ ความสำคัญและเตรียมความพร้อมของข้อเสนอการปรับปรุง/ตรากฎหมายใหม่ ตามข้อเสนอของแผนการปฏิรูปประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการการเตรียมเปิดใช้งานระบบ eMENSCR ให้หน่วยงานกรอกข้อมูลแผนงาน/โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานของหน่วยงาน และเป็นแผนการดำเนินงานของหน่วยงานในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2561-2565) ที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับแผนการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน
