เมืองไทย 360 องศา
การเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในแต่ละครั้ง ถือว่าเป็นเรื่องดีหลายอย่าง เพราะนอกเหนือจากเรื่องภารกิจในการเจรจาความเมือง และเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศแล้ว ยังสร้างความชัดเจนส่งผลต่อเนื่องมาถึงการเมืองภายในประเทศอีกด้วย
เพราะหากสังเกตในหลายครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ เขามักจะให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ หรือกล่าวกับผู้นำต่างประเทศ ประกาศความชัดเจนทางการเมืองบางอย่างอยู่เสมอ ทำให้เราพลอยได้รับทราบไปด้วยว่าเขาคิดอย่างไร และมีแนวทางปฏิบัติในวันข้างหน้าอย่างไร
ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยประกาศว่า จะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 แม้ว่าต่อมาจะเลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ความหมายก็คือนั่นเป็นการประกาศครั้งแรกในต่างประเทศ
ล่าสุด ก็ระหว่างการเยือนสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-26 มิถุนายนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่ง เป็นการเปิดเผยท่าทีทางการเมืองของตัวเองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก โดยกล่าวว่า
“ผมจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองในเดือนกันยายน ตอนนี้ผมยังมีพอมีเวลา”
แม้ว่าอาจไม่ใช่ถอดมาแบบคำต่อคำ แต่ความหมายก็คือแบบนี้แหละ และแม้ว่าคำพูดดังกล่าวจะเป็นการพูดแบบสงวนท่าทีแบบกั๊กๆ อยู่บ้าง แต่นั่นก็คือสไตล์ของเขาที่มักจะ “ค่อยๆ ปล่อยของ” ออกมาทีละขยัก เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้คาดเดาได้ทั้งหมด
แน่นอนว่าคำพูดที่บอกว่าจะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองในเดือนกันยายนมองเผินๆ อาจจะยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต้องรอให้ถึงวันนั้นเสียก่อน แต่เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบ เงื่อนไขทางการเมือง รวมไปถึงความจำเป็นทางการเมือง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องประกาศท่าทีออกมา
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นๆ ทางการเมืองทำให้พอคาดการณ์ได้ล่วงหน้าได้เลยว่าในเดือนกันยายนที่ว่านั้นถึงขั้นที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลงสังกัดในนามพรรคการเมืองใด หรือยอมให้พรรคใดเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง
แม้ว่าหากย้อนกลับไปไม่นานนัก การประกาศท่าทีทางการเมือง สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจยังเป็นเรื่องไกลตัว เพราะก่อนหน้านั้นหลายคนยังเชื่อว่าเขาจะใช้เส้นทาง “นายกฯคนนอก” เดินเข้ามา เมื่อพิจารณาจากกลไกของรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาล มีวุฒิสมาชิกแต่งตั้งจำนวน 250 คน ที่เปรียบเหมือนพรรคการเมืองขนาดใหญ่เปิดทางเอาไว้ให้
แต่หลังจากนั้น เมื่อกระแส “นายกฯต้องเป็นคนใน” แรงขึ้น คนในที่มีความหมายที่มาจากการเป็น “ตัวแทนพรรคการเมือง” นี่ก็อาจทำให้ต้องเบนความคิดกันใหม่ และแน่นอนว่า สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะต้องมาโดยเส้นทางไหนก็ตาม แต่ปลายทางจำเป็นต้องกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ อย่างน้อยในช่วง 5 ปีนับจากนี้ เพราะยังมีโครงการใหญ่ที่กำลังเริ่มเห็นผล หลายโครงการจำเป็นต้องสานต่อ โดยเฉพาะ “แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ที่ถึงอย่างไรก็ต้องเดินหน้า
ขณะเดียวกัน สำหรับบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วไม่ว่ามองมุมไหนก็ต้องบอกว่านี่คือ “นักการเมืองเต็มขั้น” มีลีลาชั้นเชิงแพรวพราว ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หรือการพบปะกับชาวบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนั้น ไม่ว่ามองมุมไหนก็ถือว่าเขาเป็นนักการเมืองที่พร้อมสำหรับการลงสนามแล้ว เพียงแต่ว่าต้องรอปัจจัยและความได้เปรียบให้มากที่สุดเสียก่อน
ดังนั้น หากให้ฟันธงล่วงหน้าก็ต้องมั่นใจว่าในการประกาศท่าทีทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนกันยายนนั้น จะเป็นการประกาศยอมรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯจากบางพรรคการเมือง ซึ่งถ้าจะให้เดาอีกว่าเป็นพรรคใดนั้นนาทีนี้ก็คงหนีไม่พ้น “พรรคพลังประชารัฐ” นั่นแหละ โดยที่ยังไม่พูดถึงพรรคพันธมิตรอื่นๆ อีกทั้งคนที่ตกเป็นข่าวร่วมก่อตั้งหรืออยู่เบื้องหลังพรรคดังกล่าวก็ล้วนร่วมทริปยุโรปในครั้งนี้ด้วยมิใช่หรือ!!
